กรุงเทพฯ 23 มิ.ย. – กองบัญชาการตํารวจสอบสวนกลาง โดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. และ พล.ต.ต.อนันต์ นานาสมบัติ ผบก.ปคบ. และ ผกก.4 บก.ปคบ. ร่วมกันแถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาอ้างตัวเป็นแพทย์ทํางานคลินิกเสริมความงาม
สืบเนื่องจากกองกํากับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทําความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค ได้รับแจ้งเบาะแสจากประชาชน ขอให้ทําการตรวจสอบคลินิกเสริมความงามแห่งหนึ่งย่านลาดพร้าว มีการเปิดให้บริการรับฉีดวิตามินผิว, ฟิลเลอร์, โบท็อก ให้ประชาชนทั่วไป โดยสงสัยว่าคลินิกดังกล่าวใช้บุคลากรที่ไม่ใช่แพทย์ตรวจรักษา และเปิดดําเนินการโดยไม่ได้รับอนุญาต จึงลงพื้นที่ตรวจสอบ พบว่าคลินิกดังกล่าวไม่ได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการสถานพยาบาลแต่อย่างใด และมีบุคคลแสดงตนแอบอ้างเป็นนายแพทย์ ให้บริการฉีดรักษา เสริมความงามแก่ประชาชนทั่วไปจริง โดยคลินิกดังกล่าวอาศัยความน่าเชื่อถือของทําเลที่ตั้งที่อยู่ใจกลางเมือง ทําให้ประชาชนหลงเชื่อว่าได้มาตรฐาน ดําเนินกิจการถูกต้อง จนหลงเข้ารับบริการ โดยไม่ได้ตรวจสอบว่าแพทย์ที่ทําการรักษาเป็นแพทย์จริงหรือไม่ ทําให้เป็นอันตรายต่อสุขภาพ และอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้
ในวันที่ 19 มิถุนายน 2566 เจ้าหน้าที่ตํารวจ กก.4 บก.ปคบ. จึงได้ร่วมกันนําหมายค้นของศาลอาญา เข้าทําการตรวจค้นคลินิกดังกล่าว ที่ตั้งอยู่ภายในโรงแรมแห่งหนึ่งย่านลาดพร้าว ขณะเข้าตรวจสอบพบว่า คลินิกดังกล่าวเปิดให้บริการแก่ประชาชนทั่วไป และมีประชาชนรอรับบริการอยู่หลายราย พบนายพิมพ์ลภัส อายุ 33 ปี แสดงตัวเป็นแพทย์ทําการตรวจรักษา และกําลังฉีดยาเข้าบริเวณใบหน้ากับประชาชน จากการตรวจสอบแพทย์ผู้ทําการรักษาไม่ใช่แพทย์ และไม่มีใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม อีกทั้งคลินิกดังกล่าวไม่ได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการสถานพยาบาล และดําเนินการสถานพยาบาลแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่ตํารวจจึงได้จับกุมนายพิมพ์ลภัส พร้อมตรวจยึดยาที่มีทะเบียน 19 รายการ, ยาที่ยังไม่ขึ้นทะเบียนตํารับยา 5 รายการ, เครื่องมือแพทย์ 16 รายการ, เวชระเบียนประชาชนที่มารักษา และเอกสารอื่นๆ รวม 45 รายการ นําส่งพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปคบ. แจ้งข้อหานายพิมพ์ลภัส ในความผิดฐาน “ประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ได้รับอนุญาต, ขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต, ขายยาที่ยังไม่ขึ้นทะเบียนตํารับยา”
นายพิมพ์ลภัส ยอมรับว่า ตนไม่ใช่แพทย์ ไม่มีความรู้ ความชํานาญอย่างแพทย์ผู้มีวิชาชีพแต่อย่างใด เรียนจบการศึกษาระดับชั้นปริญญาตรี สาขานิเทศศาสตร์ อาศัยประสบการณ์เคยทํางานในคลินิกเสริมความงาม ในตําแหน่งผู้ช่วยแพทย์ จึงพอมีความรู้เกี่ยวกับการแพทย์ ประกอบกับมีความสนใจในด้านศัลยกรรมเสริมความงาม และเห็นช่องทางว่ามีรายได้ดี จึงเริ่มรับงานโดยแอบอ้างตัวเป็นแพทย์เฉพาะทาง รับฉีดวิตามินผิว, ฟิลเลอร์, โบท็อก และรับงานรักษาในคลินิก กรณีคลินิกนัดหมายลูกค้าให้ โดยทํามาแล้วประมาณ 5 ปี มีรายได้เดือนละ 20,000-40,000 บาท สําหรับคลินิกดังกล่าว เริ่มเข้ามาทําได้ประมาณ 2 เดือน ซึ่งนายพิมพ์ลภัส ให้บริการเสริมความงามให้ผู้รับบริการตามคลินิกต่างๆ โดยรับฉีดฟิลเลอร์บริเวณหน้าผากด้วย ซึ่งแพทย์โดยทั่วไปไม่รับฉีดบริเวณดังกล่าว เนื่องจากบริเวณดังกล่าวเป็นจุดที่มีความอันตรายสูง เพราะมีเส้นเลือดเชื่อมต่อไปยังจอประสาทตาและสมอง หากแพทย์ที่ทําการฉีดไม่มีความชํานาญมากพอ อาจทําให้อาจเกิดผลกระทบโดยตรงถึงขั้นตาบอดได้
ในส่วนเจ้าของคลินิกดังกล่าว พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน และตรวจสอบข้อมูลยืนยันการได้รับอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาลจากกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ หากข้อมูลยืนยันว่ากระทําผิดจริงจะได้เรียกมาแจ้งข้อกล่าวหา ในความผิดฐาน “ประกอบกิจการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต และดําเนินกิจการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต, ขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต, ขายยาที่ยังไม่ขึ้นทะเบียนตํารับยา, ขายเครื่องมือแพทย์โดยไม่ได้รับอนุญาต” ต่อไป.-สำนักข่าวไทย