กรุงเทพฯ 9 มี.ค.- ตำรวจสรุปสำนวน 40 ลัง ส่งให้ ป.ป.ช.แล้ว คดีทุจริตออกวีซ่าให้ทุนจีนสีเทา เอาผิด ตม. 107 นาย มีนายพลรวมอยู่ด้วย 3 นาย มั่นใจเอาผิดได้
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และทีมพนักงานสืบสวนสอบสวนภูธรภาค 4 นำสำนวนคดีเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง 107 นาย ในหลายพื้นที่ เช่น จ.ขอนแก่น จ.ชัยภูมิ จ.แพร่ จ.น่าน จ.เชียงใหม่ ที่กระทำผิดต่อหน้าที่ทุจริตออกวีซ่าให้ทุนจีนสีเทา ส่งให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แล้ว เพื่อชี้มูลความผิดในคดีดังกล่าว
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เปิดเผยว่า กรณีดังกล่าวสืบเนื่องจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีการปราบปรามนายทุนจีนสีเทาที่เข้ามาในประเทศไทยเพื่อกระทำผิดกฎหมาย โดยใช้คนไทยเป็นนอมินีบังหน้า เริ่มตั้งแต่การเข้าจับกุมผับจินหลิง ขยายผลสอบผู้ต้องหา พยานบางส่วน ให้ข้อมูลว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐเอื้อประโยชน์ ให้ทุนจีนสีเทา รวมทั้งยังสืบสวนถึงที่มาของการอนุญาตขออยู่ต่อในราชอาณาจักร ซึ่งมีการตรวจสอบพบพิรุธในการดำเนินการจำนวนมาก จึงมีการขยายผลดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ที่เอื้อประโยชน์ให้นายทุนจีนสีเทาในการให้การช่วยเหลือในการอนุญาตขออยู่ต่อในราชอาณาจักร โดยใช้วิธีการสร้างหลักฐานเกี่ยวกับการเรียนภาษา หรือการเป็นสมาชิกของมูลนิธิ โรงเรียน และสมาคมต่างๆ
ในสำนวนได้มีการสอบปากคำพยานไปมากถึง 446 ปาก มีเอกสารพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องในคดีมากถึง 139,000 แผ่น ดำเนินคดีกับตำรวจตรวจคนเข้าเมืองรวม 107 นาย ถูกแจ้งข้อหาตามมาตรา 157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ในจำนวนนี้มีนายพลอยู่ด้วย 3 นาย โดยมีพฤติกรรมคดีกระทำต่างกรรมต่างวาระรวม 8,000 กรรมด้วยกัน และใน 107 นาย มี 9 นาย ถูกแจ้งข้อหาตามมาตรา 149 เป็นเจ้าพนักงานเรียกรับ หรือจะยอมรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเอง หรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพิ่มด้วย หลังตรวจสอบเส้นทางการเงินพบความเชื่อมโยงเอาผิดได้
ขณะนี้สอบปากคำพยานไปแล้ว 446 ปาก แต่ในส่วนผู้ต้องหาที่ไม่ได้มีการสอบปากคำ เป็นอำนาจของพนักงานสอบสวนที่สามารถทำได้ หากเห็นว่าหลักฐานและพยานมีน้ำหนักเพียงพอที่จะดำเนินคดี ผู้ถูกกล่าวหาสามารถชี้แจงในชั้นไต่สวนของ ป.ป.ช.ได้ โดยพยานหลักฐานต่างๆ ในคดีทั้งหมดที่ส่งมอบให้ ป.ป.ช.ในวันนี้ มีมากกว่า 40 ลัง สำนวนคดีมากกว่า 130,000 แผ่น ยืนยันเอาผิดได้ เพราะการดำเนินคดีกับผู้รักษากฎหมาย ต้องมีพยานหลักฐานแน่นหนา
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังระบุถึงนายพลที่ถูกดำเนินคดีและเป็นเพื่อนร่วมรุ่นนักเรียนในร้อยตำรวจด้วยว่า “แม้จะเป็นเพื่อนร่วมรุ่น แต่หากทำผิดก็ต้องดำเนินคดี รวมทั้งนายตำรวจที่เกษียณอายุราชการไปแล้ว ก็จะมีขั้นตอนในการดำเนินคดีตามกฎหมายเช่นเดียวกัน” ยืนยันไม่หนักใจ กรณีที่มีตำรวจตรวจคนเข้าเมืองส่งเรื่องร้องเรียนไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่า ตัวเองปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบในการสอบสวน ถือว่าเป็นสิทธิที่ผู้ร้องเรียนสามารถกระทำการได้ เนื่องจากเป็นการตรวจสอบในทุกมิติของกระบวนการทำงาน ยินดีที่จะให้มีการตรวจสอบเพื่อความโปร่งใสกับทุกฝ่าย และถึงเวลาแล้วที่จะต้องปฏิรูปการทำงานของตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เพราะเป็นด่านหน้าของประเทศ ที่มีหน้าที่คัดกรองผู้คนเข้าสู่ประเทศ หากทำงานดีมีประสิทธิภาพก็จะสามารถลดปัญหาอาชญากรรมลงได้
นอกจากนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังระบุว่าการสืบสวนขยายผลหลังจากนี้ จะต้องเร่งดำเนินคดีกับกลุ่มนายทุนและเจ้าของโรงเรียนสมาคมต่างๆ ที่พบอยู่ในหลายพื้นที่ เช่น จังหวัดเชียงใหม่ พบมีกลุ่มคนจีนเข้ากว้านซื้อหมู่บ้านจัดสรรหลายแห่ง อย่างน้อย 4-5 โครงการ โดยเป็นการซื้อเหมาทั้งโครงการไปจนถึงการพยายามที่จะซื้อโรงเรียนเอกชน และว่าจ้างคนไทยในกลุ่มอาชีพหัตถการ งานฝีมือด้านต่างๆ ไป ว่าจ้างทำผลิตภัณฑ์ เพื่อส่งออกจำหน่ายไปยังประเทศจีน โดยสัปดาห์หน้าจะเริ่มดำเนินการลงพื้นที่ จับกุมเอาผิดกลุ่มผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด.-สำนักข่าวไทย