เล็งจัดแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตราคาพิเศษ ให้เข้าถึงเรียน “ออนไลน์”
“ชัยวุฒิ” รมว.ดีอีเอส ระดมความร่วมมือผู้ให้บริการมือถือ/อินเทอร์เน็ต และผู้ให้บริการแอป ส่งแพ็กเกจราคาพิเศษ ใช้งานไม่จำกัด ลดค่าใช้จ่ายนักเรียน-นักศึกษากว่า 8 ล้านคนทั่วประเทศ
“ชัยวุฒิ” รมว.ดีอีเอส ระดมความร่วมมือผู้ให้บริการมือถือ/อินเทอร์เน็ต และผู้ให้บริการแอป ส่งแพ็กเกจราคาพิเศษ ใช้งานไม่จำกัด ลดค่าใช้จ่ายนักเรียน-นักศึกษากว่า 8 ล้านคนทั่วประเทศ
สวทช.ลงพื้นที่สวนทุเรียนแพชุมชื่น อำเภอแกลง จังหวัดระยอง ติดตามผลใช้ปุ๋ยดีเลต ธาตุอาหารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
โครงการอบรมหลักสูตรผู้บริหารยุทธศาสตร์การสื่อสารมวลชนระดับสูงด้านกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ หรือ บยสส.รุ่นที่ 1 จัดการสัมมนากลุ่มย่อย เรื่อง “สื่อกับการรู้เท่าทันข่าวปลอม” เปิดเวทีร่วมให้ความรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์กลั่นกรองข้อมูล-ข่าวสารก่อนเผยแพร่
รัฐสภา 27 ม.ค.- คณะกรรมาธิการการเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร และการโทรคมนาคม วุฒิสภา มีมติเร่งผลักดัน DES และ NBTC ดำเนินการเน็ตประชารัฐ ให้ครอบคลุมและทั่วถึงทุกพื้นที่ ย้ำห่วงเยาวชนและคนชายขอบ ที่อาจพลาดการเข้าถึงข้อมูลที่จำเป็นและทันสมัย ในยุคที่โลกกำลังก้าวหน้าและกำลังมีปัญหาเรื่องโรคระบาด การประชุมคณะกรรมาธิการการเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร และการโทรคมนาคม วุฒิสภา ครั้งที่ 4/2560 เมื่อวันที่ 26 มกราคม อาคารรัฐสภา เกียกกาย โดยพลเอกอนันตพร กาญจนรัตน์ เป็นประธาน ได้มีการหยิบยกประเด็นการขับเคลื่อนโครงการเน็ตประชารัฐ ที่ดำเนินการโดย กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DES) และสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. (NBTC) มาพิจารณาเร่งด่วน หลังจากที่ได้รับทราบข้อมูลว่า ยังเกิดสภาพปัญหาในการใช้งานในบางพื้นที่ พลเอกอนันตพร กาญจนรัตน์ กล่าวว่า โครงการเน็ตประชารัฐ นับว่าเป็นโครงการที่มีประโยชน์ต่อประชาชน โดยเฉพาะคนที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลและชายขอบ ที่จะมีโอกาสเข้าถึงข้อมูลข่าวสารและการใช้ประโยชน์ทั้งด้านเศรษฐกิจและการศึกษา ผ่านเทคโนโลยี ที่รัฐบาลได้มีการจัดสรรลงสู่ชุมชน อีกทั้งจากการติดตาม ศึกษา และตรวจอย่างต่อเนื่องของคณะกรรมาธิการ […]
นักวิจัย มอ. ค้นพบ “แมลงวันขายาวปีเตอร์อาจารย์จุฑามาส” สิ่งมีชีวิตชนิดใหม่ของโลกในสกุลแมลงวันขายาว โดยถูกพบเพียงแห่งเดียวที่ป่าชายเลนใน จ.สตูล
รัฐบาลเร่งสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนในการใช้แอปฯ หมอชนะ หลังมีข่าวทีมงานผู้คิดค้นแอปฯ ถอนตัว และมอบให้รัฐบาลดูแล และเกิดความขัดแย้งเรื่องข้อมูล
ซีเอ็มจี (CMG) สื่อทางการจีนรายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ ห้องสมุดไฮเทคในมณฑลกุ้ยโจวได้เปิดให้บริการแล้ว โดยได้ใช้ระบบการจัดการห้องสมุดแบบล้ำสมัยหลายอย่างทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ ตลอดจนระบบอินเทอร์เน็ตสรรพสิ่ง (IoT) ห้องสมุดนี้มีปริมาณหนังสือไม่ต่างกับห้องสมุดทั่วไป แต่มีขนาดที่เล็กกว่าถึง 1 ใน 3 โดยประมาณ
กรุงเทพฯ 6 ธ.ค. สวทช.เตือน สารระเหยจากวัสดุภายในรถที่ไม่ได้มาตรฐาน สร้างความเสี่ยงเป็นโรคร้ายได้ ศูนย์บริการวิเคราะห์ทดสอบ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สวทช.) หรือ NCTC เป็นศูนย์ทดสอบที่อยู่ภายใต้ระบบคุณภาพห้องปฏิบัติการ ISO/IEC17025 ตามมาตรฐานสากล รายงานว่า ส่วนประกอบของวัสดุภายในรถยนต์ทุกอย่างตั้งแต่พวงมาลัย แผงคอนโซลหน้ารถ เบาะที่นั่ง ไปจนถึงที่วางแขน และอื่นๆ ส่วนใหญ่ทำด้วยพลาสติก กาว ผ้าและวัสดุอื่น ๆ ที่สามารถ ปล่อยก๊าซทางเคมีสู่บรรยากาศ ซึ่งสารเหล่านั้นเป็นสารประกอบอินทรีย์ระเหย หรือ VOCs (Volatile Organic Chemicals) ที่สามารถระเหยเป็นไอและกระจายอยู่ในอากาศได้โดยที่เรามองไม่เห็น และแน่นอนว่าสารเคมีที่ระเหยออกมาล้วนแล้วแต่ส่งผลต่อสุขภาพของเรา อาทิ สารเบนซีน (Benzene) ที่เป็นสารประกอบของพลาสติก จัดเป็นสารก่อมะเร็งต่อมนุษย์ หรือสารฟอร์มาลดีไฮด์ (Formaldehyde) สารประกอบของกาว ฉนวนโฟม และใช้ในการเคลือบสิ่งทอ หากร่างกายได้รับสารเข้าไปในปริมาณมากก็จะเป็นสาเหตุให้เกิดโรคมะเร็งปอดและมะเร็งหลังโพรงจมูกได้ เป็นต้น ซึ่งหากวัสดุภายในรถไม่ได้มาตรฐานเพียงพอ สารเคมีต่างๆก็จะสามารถปล่อยก๊าซทางเคมีออกมาได้ โดยเฉพาะในเวลาที่เราจอดรถไว้ในที่อุณหภูมิสูง การทดสอบคุณภาพและมาตรฐานของวัสดุภายในรถจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม ศูนย์บริการวิเคราะห์ทดสอบ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สวทช.) หรือ NCTC เป็นศูนย์ทดสอบที่อยู่ภายใต้ระบบคุณภาพห้องปฏิบัติการ ISO/IEC17025 ตามมาตรฐานสากล เป็นศูนย์บริการวิเคราะห์ทดสอบตามวิธีมาตรฐานต่างๆด้วยเครื่องมือวิทยาศาสตร์ที่ทันสมัย และได้มาตรฐาน พร้อมนักวิจัยและวิศวกรที่มีความเชี่ยวชาญ ทำให้สามารถวิเคราะห์ทดสอบงานที่ซับซ้อนได้ เปิดดำเนินการ 7 วัน 24 ชั่วโมง พร้อมให้บริการด้วยความสะดวกและรวดเร็ว NCTC สนับสนุนกลุ่มงานอุตสาหกรรมเดิมที่มีศักยภาพในการต่อยอด (First S-Curve) และ 5 อุตสาหกรรมอนาคต (New S-Curve) อีกทั้งสนับสนุนการทำวิจัยและพัฒนาสินค้ามูลค่าสูงให้กับภาครัฐและเอกชน พร้อมเสริมสร้างความเข้มแข็งทางด้านการวิเคราะห์ทดสอบโดยให้บริการในรูปแบบเครือข่ายศูนย์เครื่องมือวิทยาศาสตร์ประเทศไทย ทำงานร่วมกับศูนย์เครื่องมือวิทยาศาสตร์ทั่วประเทศ เพื่อเตรียมพร้อมสู่การเป็นศูนย์กลางการวิเคราะห์ทดสอบระดับอาเซียน (Asean Testing Hub) และเป็น Testing solution provider ที่ได้มาตรฐานสากล เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการไทยในตลาดโลก ศูนย์ฯ เกิดขึ้นเพื่อตอบโจทย์การวิเคราะห์และทดสอบมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ เพื่อยกระดับคุณภาพและความปลอดภัยสินค้าตามมาตรฐานสากล โดย NCTC เปิดให้บริการครอบคลุมในอุตสาหกรรมการเกษตรและอาหาร สุขภาพและการแพทย์ หุ่นยนต์และแมคาทรอนิกส์ ยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ ซึ่งหมายรวมถึงวัสดุภายในรถ ด้วยห้องปฏิบัติการวิเคราะห์ทางเคมีที่มีเทคโนโลยีและผู้เชียวชาญที่ได้รับการยอมรับตามมาตรฐานสากล จึงทำให้ผู้ประกอบการมั่นใจได้ถึงผลทดสอบคุณภาพและมาตรฐานของวัสดุภายในรถ นอกจากนี้ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในการส่งผลิตภัณฑ์ไปทดสอบยังต่างประเทศ และที่สำคัญที่สุดก็คือความปลอดภัยของผู้บริโภคนั่นเอง NCTC เปิดดำเนินการแบบ One-Stop Service: 7 วัน 24 ชั่วโมง พร้อมให้บริการด้วยความสะดวกรวดเร็ว นอกจากนี้ยังเป็นศูนย์กลางการวิเคราะห์ทดสอบระดับอาเซียน (Asean Testing Hub) และเป็น Testing Solution Provider อีกด้วย ผู้ที่สนใจสามารถสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 02-117-6850-57 อีเมล์ : nctc@nstda.or.th-สำนักข่าวไทย.
กรุงเทพฯ 6 ม.ค. พุทธิพงษ์ จี้ตำรวจ ปอท.เร่งดำเนินคดี คนโพสต์ละเมิดสถาบันหลัก หลังแจ้งความนานกว่า 2 เดือนไม่คืบเดินหน้าแจ้งความ FB-Twitter ปิดกั้นโพสต์หมิ่นไม่หมด พบ ล่าสุดอสส.รับคดีฟ้องเฟซบุ๊คเป็นคดีนอกราชอาณาจักรแล้ว นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวว่า ปี 2563 ที่ผ่านมา ตนไม่ได้นิ่งนอนใจหรือเพิกเฉยต่อกรณีการกระทำความผิดโพสต์ข้อความมีเนื้อหาและภาพไม่เหมาะสมเกี่ยวกับสถาบันฯ ทางสื่อสังคมออนไลน์ โดยได้เน้นย้ำให้กองป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดทางเทคโนโลยีและสารสนเทศ(ปท.) กระทรวงดิจิทัลฯ ดำเนินการตรวจสอบอย่างเข้มข้นและส่งเรื่องต่อไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งขอคำสั่งศาลส่งไปยังผู้ให้บริการแพลตฟอร์ม ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต และแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ดำเนินการทางกฎหมาย ไปแล้วนานกว่า 2 เดือน จึงอยากให้เจ้าหน้าที่เร่งดำเนินการสืบสวนนำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษ ขณะที่พบว่าตั้งแต่เดือนตุลาคม – ธันวาคม 2563 มีผู้โพสต์เข้าข่ายความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 14(3),(5) รวมทั้งสิ้น 638 URLs (รายการ) พนักงานเจ้าหน้าที่พิสูจน์ทราบตัวตนบุคคลแล้ว 26 บัญชี ซึ่งได้แจ้งความให้ทาง ปอท.แล้ว และทราบว่าต้นเดือนนี้ปอท. เตรียมเรียก 9 รายมาสอบสวน ซึ่งพบว่าเป็นคนเดิมที่กระทำผิดซ้ำหลายครั้ง เจ้าหน้าที่จึงต้องดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งจะเรียกรายอื่น ๆ ที่พิสูจน์ตัวบุคคลได้แล้วและจะเรียกพบเจ้าหน้าที่ในลำดับต่อไป ขณะเดียวกัน ดีอีเอส ยังคงเดินหน้า แจ้งความเฟซบุ๊คและแพลตฟอร์มต่างชาติ 2 ราย ที่ปล่อยปละละเลยไม่ดำเนินการปิดกั้นหรือลบข้อความไม่เหมาะสม ตามคำสั่งศาลที่พนักงานเจ้าหน้าที่ส่งไป รวม 7 ชุด ทั้งหมด 8,443 URLs(รายการ) โดยFacebook มากสุด 5,494 URLs ลบข้อความบางส่วน แต่ยังคงเหลือ 2,387 URLs และTwitter คงเหลือจำนวน 611 URLs ซึ่งเกินกำหนดระยะเวลาตามกฎหมาย 15 วัน โดย กระทรวงดิจิทัลฯได้แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดีกับผู้ให้บริการทั้ง2 รายต่อ ปอท.แล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างเจ้าหน้าที่ดำเนินการสอบสวนตามกระบวนการกฎหมาย และประสานอัยการสูงสุด กรณีเฟซบุ๊ค ที่ล่าสุด อัยการสูงสุดได้รับเป็นคดีนอกราชอาณาจักรแล้ว -สำนักข่าวไทย.
กรุงเทพฯ 5 ม.ค. – แชทบอท Away COVID-19 รู้ทันโควิด-19 สามารถบอกว่าพื้นที่ที่คุณกำลังเข้าไปมีอันตรายจากโควิด-19 หรือไม่ จากตัวเลข 745 แล้วตกใจ เราไม่รู้ว่าใครติดโควิด-19 หรือเปล่า สถานที่ที่เรากำลังจะไป ปลอดภัยแค่ไหน ขอแนะนำ แชทบอท Away COVID-19 ผลงานจากโครงการ NU x LINE Mentorship Programme แอด แชตบอตใน Line ใช้การตรวจเช็กพื้นที่เสี่ยงของโควิด-19 ระลอกนี้ Away COVID-19 แสดงจุดหรือพื้นที่ที่มีเคสโควิด-19 บนแผนที่ทำให้เรารู้ได้ว่าจุดไหนบ้างที่เป็นพื้นที่เสี่ยงโควิด-19 ระลอกใหม่ Away COVID-19 แจกแจงข้อมูลรายงานให้ผู้ใช้เห็นอย่างชัดเจน มีการแบ่งพื้นที่ครบทั้งประเทศ ตรวจดูด้วยแผนที่ทุกจังหวัด และช่วงเวลา แยกตามพื้นที่ เพศ จังหวัด และเวลา Away COVID-19 เป็นศูนย์กลางการติดต่อสื่อสาร หมายเลขฉุกเฉิน สามารถค้นหาสถานพยาบาล ในพื้นที่ไว้อีกด้วย เพื่อให้ผู้ใช้เข้าถึงได้ทันที.-สำนักข่าวไทย
กรุงเทพฯ 2 ธ.ค. “พุทธิพงษ์” ตั้งเป้าเพิ่มศูนย์ดิจิทัลชุมชุน ติวเข้มทั่วไทยใช้เทคโนโลยีค้าขายออนไลน์ผ่าน Thailandpostmart รับมือโควิด-19 เผย ยอดคนส่งของทั้งปีผ่านไปรษณีย์ไทยกว่า 2,400 ล้านชิ้น เงินหมุนเวียนคืนชุมชนปีละกว่า 31ล้าน นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ในประเทศไทยระรอกใหม่ ส่งผลให้ประชาชนต้องกลับเข้าสู่การระมัดระวังตัวมากยิ่งขึ้น บางหน่วยงานเริ่มให้พนักงานทำงานอยู่ที่บ้าน เพื่อหยุดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ซึ่งปัจจัยดังกล่าวได้ส่งผลให้การซื้อขายออนไลน์ (อีคอมเมิร์ซ) เพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน โดย บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด หน่วยงานภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงดิจิทัลฯ นอกจากจะให้บริการนำส่งจดหมาย พัสดุต่าง ๆ แล้ว ยังเปิดให้บริการขนส่งของดีจากวิสาหกิจชุมชนและเกษตรกรทั่วประเทศผ่านเว็บไซต์ Thailandpostmart โดยเฉพาะผลไม้และผลิตผลทางเกษตรกรรมที่ไม่สามารถส่งออกไปขายต่างประเทศได้ เนื่องจากสถานการณ์โรคCOVID-19 ส่งผลให้ปี 2563 มีปริมาณการขนส่งพัสดุ จดหมาย และไปรษณียภัณฑ์ประเภทต่างๆ ผ่านไปรษณีย์ไทย รวมทั้งสิ้นกว่า 2,400 ล้านชิ้น ถือเป็นการปิดยอดขนส่งที่ดีในช่วงเทศกาลปีใหม่ นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า จะผลักดันเว็บไซต์ Thailandpostmart ไปยัง 250 ศูนย์ดิจิทัลชุมชนทั่วประเทศเพื่อช่วยสร้างรายได้ให้กับประชาชนในทุกพื้นที่ โดยเฉพาะการใช้อุปกรณ์ดิจิทัลเพื่อการค้าขายสินค้าทางออนไลน์ ถือเป็นการส่งเสริมการจำหน่ายสินค้าชุมชนผ่านเว็บไซต์ของไปรษณีย์ไทย โดยปี 2564 จะดำเนินการเพิ่มศูนย์ดิจิทัลชุมชนอีก 250 ศูนย์ ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ -สำนักข่าวไทย.
กรุงเทพฯ 31 ธ.ค. ดีอีเอส เตือนอย่าหลงเชื่อ หรือ แชร์ข่าวปลอม หลังพบคนโพสต์ สธ.ห้ามประชาชนเดินทางข้ามจังหวัด ว่อนโซเชียล จากกรณีที่มีการแชร์ภาพพร้อมข้อความว่า งดเดินทาง หรือ ห้ามประชาชนเดินทางข้ามจังหวัดนั้น สร้างความตื่นตระหนกให้ประชาชน นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอีเอส) ยืนยันว่า เรื่องนี้ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ตรวจสอบกับศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ได้ชี้แจงว่า ขณะนี้ยังไม่มีการประกาศห้ามหรืองดการเดินทางข้ามจังหวัดแต่อย่างใด มีเพียงการขอความร่วมมือจากประชนให้งดการเดินทางที่ไม่จำเป็น เพื่อไม่ให้เป็นการเดินทางกลับเหมือนสถานการณ์ปกติและป้องกัน และลดโอกาสการแพร่เชื้อโควิด-19 ดังนั้น ขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สามารถติดตามได้ที่เฟซบุ๊ก ศูนย์ข้อมูล COVID-19 แต่อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องเข้มงวดในมาตรการด้านสาธารณสุข ออกไปไหนต้องสวมใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ และเว้นระยะห่างทางสังคมอย่างเคร่งครัดเพื่อเป็นการป้องกัน และลดโอกาสการแพร่เชื้อ-สำนักข่าวไทย.