fbpx

ดีอีเอสเล็งฟัน8พันยูอาร์แอลหมิ่น

กรุงเทพฯ 30 ธ.ค. พุทธิพงษ์”  ลั่น เร่งเอาผิดกับแพลตฟอร์มต่างประเทศ หลังยื่นคำสั่งศาลไปกว่า 8,000 URLs แต่ยังลบข้อความหมิ่นไม่หมด  เล็งบังคับใช้กฎหมายจริงจังกับผู้ใช้โซเชียลหน้าเก่าโพสต์ผิดพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์  นายพุทธิพงษ์   ปุณณกันต์  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอีเอส) กล่าวว่า  กระทรวงฯดำเนินการส่งคำสั่งศาลการแจ้งแพลตฟอร์มต่าง ๆ ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯ ที่เข้าข่ายละเมิดสถาบันหลักของชาติ ตั้งแต่เดือนสิงหาคม – ธันวาคม 2563 รวมทั้งสิ้น 7 ครั้ง จำนวน 8,443 URLs โดยแบ่งเป็นเฟซบุ๊ก 5,494 URLs ปิดกั้นแล้ว 3,107 URLs เหลืออีก 2,387 URLs ยูทูบ 1,755 URLs ปิดกั้นแล้ว 1,722 URLs เหลือ  33 URLs ทวิตเตอร์ 674 URLs ปิดกั้นแล้ว 63 URLs เหลือ 611 URLs และอื่นๆ 520 URLs ปิดกั้นแล้ว 133 URLs คงเหลือ  387 URLs ทั้งนี้มีบัญชีผู้ใช้งานรายเดิม แต่พบว่ายังมีการกระทำผิดซ้ำอย่างต่อเนื่อง เช่น ชื่อบัญชีของนายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์Pavin Chachavalpongpun มีจำนวนคำสั่งศาล 194 คำสั่ง บัญชีของ นายสมศักดิ์  เจียมธีรสกุล Somsak Jeamteerasakul  มี51 คำสั่งศาล นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ (เพนกวิน) มี 2 คำสั่งศาล  โดยกองป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิด ทางเทคโนโลยีและสารสนเทศ (ปท.) กระทรวงดิจิทัลฯ ได้รวบรวมหลักฐานส่งฟ้องต่อ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี(บก.ปอท.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดำเนินคดีกับแพลตฟอร์ม ตามมาตรา 27 และดำเนินคดีกับบัญชีผู้ใช้งานที่กระทำผิดแล้ว และอยู่ระหว่างสืบสวนหาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ-สำนักข่าวไทย.

ดีอีเอสประกาศให้ของขวัญปีใหม่คนไทย

กรุงเทพฯ 29 ธ.ค.ดีอีเอส ประกาศของขวัญปีใหม่ 2564  นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวว่า กระทรวงฯ พร้อม 4 หน่วยงานในสังกัด จัดเตรียมของขวัญชุดใหญ่ เตรียมมอบให้กับประชาชนในโอกาสต้อนรับปีใหม่ 2564 โดยครอบคลุมทั้ง บริการแจ้งเตือนภัยธรรมชาติในพื้นที่ผ่านเอสเอ็มเอส โปรฯฟรีค่าโทรและไวไฟ ส่วนลดเติมเงินมือถือ ส่ง ส.ค.ส.ฟรีทางไปรษณีย์และส่วนลด 20% สำหรับการซื้อสินค้าผ่าน www.thailandpostmart.com ครบทุก 500 บาท พร้อมส่งฟรีทั่วไทย เป็นต้น โดยกรมอุตุนิยมวิทยา เตรียมบริการฟรีส่งข้อความสั้น (SMS) แจ้งเตือนภัยธรรมชาติที่จะเกิดกับผู้รับผลกระทบในพื้นที่นั้นๆโดยจะส่งข้อความไปยังผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือทั้ง 5 ราย เพื่อแจ้งต่อไปยังประชาชนหรือนักท่องเที่ยวในพื้นที่ และเปิดให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลคาดการณ์แนวโน้มดัชนีอากาศฟรีผ่านเว็บไซต์ ozone.tmd.go.th บ่งชี้คุณภาพอากาศโดยเฉพาะ PM 2.5 ทุกพื้นที่ทั่วประเทศ นอกจากนี้ช่วงวันที่ 1-15 ม.ค.64 จะเปิดให้ประชาชนเข้าเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้อุตุนิยมวิทยา รวมทั้งศูนย์อุตุนิยมวิทยา5 แห่งที่จัดตั้งครอบคลุม 5 ภูมิภาคของประเทศ ได้แก่ ที่จ.เชียงใหม่, ขอนแก่น, อุบลราชธานี, สงขลา และภูเก็ต ผู้สนใจจะได้มีโอกาสเรียนรู้เครื่องมือในการทำงาน และแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับผู้ปฏิบัติงานด้านอุตุนิยมวิทยา อีกทั้งเปิดโลกทัศน์ด้านแผ่นดินไหวให้กับผู้เข้าเยี่ยมชมผ่านเครื่องจำลองการสั่นไหวด้วย ทางด้าน บมจ.ทีโอที จัดเตรียม 2 โครงการเป็นของขวัญเอาใจทั้งลูกค้าที่ใช้บริการโทรศัพท์ประจำที่ (Fixed Line) และโทรศัพท์มือถือ โดยลูกค้าบริการ Fixed Line ทุกเลขหมาย จะได้รับสิทธิ์ยกเว้นค่าโทรศัพท์ประจำที่ทั่วไทย และเบอร์ TOT mobile ทุกหมายเลข ในช่วงวันที่ 30 ธ.ค. 63 – 2 ม.ค. 64 สำหรับลูกค้าบริการ TOT mobile ทั้งระบบรายเดือนและระบบเติมเงินทุกเลขหมาย  สามารถเลือกกดรับสิทธิ์ voice มูลค่า100 บาท ผ่านระบบ USSD *9020*1#กดโทรออก หรือกดรับสิทธิ์การใช้งานอินเทอร์เน็ต 5GB ผ่านระบบ USSD *9020*2#กดโทรออก โดยเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ระหว่างวันที่ 28 ธ.ค. 63 – 2 ม.ค. 64 และใช้งานได้จนถึงวันที่ 31 ม.ค. 64 ขณะที่ บมจ. กสท โทรคมนาคม เตรียม 3 โครงการให้บริการพิเศษในเทศกาลปีใหม่ ได้แก่ โทร 009 ฟรีช่วงวันปีใหม่ประชาชนสามารถใช้บริการ CAT 009 ฟรีทั่วโลก โทรศัพท์หาเพื่อนฝูงญาติมิตรในต่างประเทศโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ระยะเวลาตั้งแต่ 00.01 น. วันที่ 31 ธ.ค. 63 – 24.00 น. วันที่ 1 ม.ค. 64 นอกจากนี้ ประชาชนสามารถใช้บริการไวไฟฟรี จาก C internet by CAT ตั้งแต่วันที่ 30 ธ.ค.63 – 2  ม.ค. 64 อีกทั้งจัดแคมเปญmy by CAT โปรเติมเงินจ่ายครึ่งราคา ช่วยลดค่าใช้จ่ายให้กับผู้ใช้บริการ my แบบเติมเงิน โดยลดราคาแพคเกจเติมเงิน50% สมัครใช้บริการตั้งแต่ 15 ธ.ค. 63 – 15 ม.ค. 64 ในส่วนของบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เตรียมอบของขวัญปีใหม่ผ่าน 2 โครงการ ได้แก่ โครงการส่งการ์ดอวยพร โดยงดเว้นค่าตราไปรษณียากร ช่วยลดค่าใช้จ่าย และส่งเสริมให้ประชาชนส่งความสุขในช่วงเทศกาลปีใหม่ ผ่านบริการไปรษณีย์ คนละไม่เกิน 10 ชิ้น (บรรจุซองหรือไม่ก็ได้) ตั้งแต่วันที่ 25 ธ.ค.63 – 5 ม.ค.64 และโครงการให้ส่วนลด ร้อยละ 20 สำหรับการซื้อสินค้าบนเว็บไซต์ www.thailandpostmart.com สามารถเลือกซื้อสินค้าชุมชนทางออนไลน์ โดยได้รับส่วนลดดังกล่าว สำหรับการซื้อสินค้า 500 บาท ขึ้นไปต่อ 1 รายการสั่งซื้อ พร้อมจัดส่งฟรีทุกรายการสินค้า ผู้สนใจใช้สิทธิ์ส่วนลดได้โดยพิมพ์THP2021 ลงในช่องโค้ดส่วนลด สำหรับการสั่งซื้อสินค้าในช่วงวันที่ 12 ธ.ค.63 – 12 ม.ค.64 จะช่วยให้ผู้ประกอบการจำหน่ายสินค้าชุมชนที่นำสินค้ามาจำหน่ายผ่านช่องทาง www.thailandpostmart.com สามารถใช้โอกาสนี้เพิ่มยอดขายสินค้า ซึ่งจะช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจตั้งแต่ระดับฐานราก ไปจนถึงผู้ประกอบการขนาดย่อมในแต่ละพื้นที่ทั่วประเทศไทยได้เป็นอย่างดี-สำนักข่าวไทย.

ดีอีเอสจัดลำดับ10ข่าวลวงปี63

กรุงเทพฯ 29 ธ.ค. ดีอีเอส เปิดสถิติ 10 ข่าวปลอมที่มีการแชร์มากสุดในปี 63 กระทรวงดิจิทัลฯ เผย 10 อันดับข่าวปลอมที่ถูกนำมาแชร์ซ้ำมากที่สุดในรอบปี 63 หมวดสุขภาพครองแชมป์ 3 อันดับแรกขณะนี้สัดส่วนข่าวปลอม ข่าวจริง และข่าวบิดเบือนบนเครือข่ายโซเชียล อยู่ในสัดส่วน 7:2:1 นายภุชพงค์  โนดไธสง รองปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ในฐานะโฆษกกระทรวงดิจิทัลฯ กล่าวว่า จากที่ได้รับมอบหมายจากนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันตน์ รมว.ดีอีเอส ในการเร่งแก้ไขปัญหาข่าวปลอม โดยมีศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม เป็นกลไกสำคัญ และถือเป็นหนึ่งในนโยบายหลักของรัฐบาล มุ่งเน้นการจัดการข้อมูลที่เป็นเท็จทางสื่อออนไลน์ โดยเฉพาะข่าวปลอมที่สร้างความตื่นตระหนกและความเสียหายกับประชาชนและสาธารณชนในวงกว้าง ล่าสุดศูนย์ฯ ได้รวบรวมข้อมูลจัดอันดับ 10 ข่าวปลอมที่มีการนำมาแชร์ซ้ำบ่อยสุดในรอบปี 2563  โดยพบว่าสัดส่วนหลักอยู่ในหมวดสุขภาพ รวมทั้ง 3 อันดันแรก ได้แก่ อันดับ 1 ดื่มสไปรท์ใส่เกลือ แก้ท่องร่วง ท้องเสียได้อันดับ 2 คลอรีนในน้ำประปาเปลี่ยนเป็นสารก่อมะเร็งเมื่อถูกความร้อน อันดับ 3 ใส่ผ้าอนามัยนาน ทำให้เป็นโรคมะเร็งปากมดลูก อันดับ 4 งดใช้ตู้ ATM ที่ไม่มีไฟกระพริบตรงที่เสียบบัตร อันดับ 5 น้ำมันเบนซินมีสารระเหยดูดพิษจากแมลงกัดต่อยหายใน 3-5 นาที อันดับ 6 จัดตั้งจังหวัดในประเทศไทยเพิ่ม รวมเป็น 83 จังหวัด อันดับ 7 ผู้ประกอบการที่ใช้ตราฮาลาลบนสินค้า ไม่ต้องเสียภาษี  อันดับ 8 มหัศจรรย์น้ำปัสสาวะ รักษาโรคแก้ปวดเมื่อย ช่วยให้ตาใสมองเห็นชัด อันดับ 9 บริษัทชื่อดังฉลองวันพิเศษ แจกบัตรกำนัล สินค้า และรางวัลต่างๆ และอันดับ 10 กรอกแบบสอบถามจากหน่วยงานของรัฐลุ้นรับของรางวัลฟรี  “จากข้อมูลที่รวบรวมได้ สอดคล้องกับภาพรวมของจำนวนข่าวที่ผ่านการคัดกรองเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบในปีนี้ที่มีทั้งหมดกว่า 7 พันเรื่อง ในจำนวนนี้อยู่ในหมวดสุขภาพถึงร้อยละ 56 หรือกว่า 4 พันเรื่อง” นายภุชพงค์กล่าว ปีนี้ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ทำการตรวจสอบเรียบร้อยแล้วทั้งหมด 4,198 เรื่อง พบสัดส่วนข่าวปลอม : ข่าวจริง : ข่าวบิดเบือน อยู่ที่ 7:2:1 โดยดำเนินการเผยแพร่ข่าวที่ตรวจสอบไปแล้ว 1,163 เรื่อง หมวดหมู่ที่ทำการประชาสัมพันธ์มากที่สุด คือหมวดหมู่สุขภาพ คิดเป็นร้อยละ 69 ตามด้วย หมวดหมู่นโยบายรัฐ หมวดหมู่ภัยพิบัติ และหมวดหมู่เศรษฐกิจ

รายงานพิเศษ : คลื่น 5G ส่งด้วยกำลังส่งสูงจนเป็นอันตรายจริงหรือ??

ทุกครั้งที่มีการอัพเดทเครือข่ายสื่อสารจากเทคโนโลยีระดับหนึ่งไปอีกระดับขั้นหนึ่ง มักมีคำถามเกิดขึ้นเสมอว่าเมื่อเปลี่ยนผ่านจากเจนเนอเรชั่นหนึ่งไปอีกเจนเนอเรชั่น ด้วยความสามารถในการสื่อสารที่เร็วขึ้น แรงขึ้น สัญญาณที่ส่งมีอันตรายต่อมนุษย์ หรือผู้ใช้งานหรือไม่ เมื่อเราได้ปลี่ยนผ่านการสื่อสารจาก4G ไป5G เชื่อว่าคำถามแบบนี้จะเกิดขึ้นมาอีกแน่นอน เราจึงไปสอบถามกับผู้เชี่ยวชาญ นายสืบศักดิ์ สืบภักดี เลขาธิการสมาคมโทรคมนาคม ในพระบรมราชูปถัมภ์ เพื่อไขความกระจ่าง โดยเลขาธิการ สมาคมโทรคมนาคม อธิบายว่า กระแสความตื่นตัวเรื่องเทคโนโลยี 5G ในบ้านเราเริ่มเป็นที่สนใจมาโดยลำดับนับตั้งแต่ กสทช. จัดให้มีการประมูลคลื่น 5G ทั้งความถี่ 700MHz 2600 เมกกะเฮิรตซ์ และ 26 กิกะเฮิรตซ์ ต้นปี 2563 ที่ผ่านมา ต่อเนื่องกับการที่ผู้ประกอบการ 2 รายใหญ่ลงทุนขยายเครือข่าย 5G ทันที โดย ณ วันนี้สามารถพูดได้ว่า ไทยเป็นประเทศแรกในอาเซียนที่มีบริการ 5G เชิงพาณิชย์ให้บริการ รวมถึงมีพื้นที่ครอบคลุม 5G มากที่สุดเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ ในอาเซียนที่ทยอยเปิดบริการ 5G ตามมาก็ตามแม้เทคโนโลยีมือถืออาจไม่ได้ใหม่สำหรับผู้ใช้ แต่ในเมื่อ 5G เป็นเรื่องใหม่ในแง่มุมของเทคโนโลยี ความรู้ความเข้าใจหรือการรับรู้ในรายละเอียดอาจมีความแตกต่างจากเทคโลโลยี 3G หรือ 4G ในอดีต สิ่งหนึ่งเลยที่คนมักเข้าใจผิดมากคือเรื่อง “ความเร็ว” ที่ 5G สามารถทำได้มากกว่าเดิม 10 เท่า แสดงว่าส่งคลื่น “แรง” กว่าเดิม 10 เท่าด้วย!! และถูกเชื่อมโยงไปสู่เรื่องอันตรายจากคลื่นที่แรงหรือกระทบสุขภาพเกิดเป็นกระแสบอกต่อ หรือแชร์ผ่านโลกโซเชียลต่อ ๆ กัน โดยขาดความเข้าใจที่แท้จริง “เทคโนโลยี 5G เป็นของใหม่ที่ต้องยอมรับว่าต้องให้เวลาสังคมหรือผู้บริโภคได้ทดลองใช้ หรือเข้าใจในตัวเทคโนโลยีให้มากขึ้นเช่นเดียวกับเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมใหม่ ๆ ในอดีตที่อาจมีข้อกังวลหรือไม่ยอมรับในช่วงแรกแต่เมื่อสังคมหรือผู้บริโภคมีความเข้าใจในข้อเท็จจริงและวางใจแล้ว ก็จะคลายความกังวลไป เหมือนที่ในอดีตคนไม่กล้าใช้เตาไมโครเวฟตอนที่เปิดตัวใหม่ ๆ เพราะกลัวอันตรายจากคลื่นไปสู่อาหาร หรือแม้แต่มือถือในยุคแรก ๆ ที่ผ่านมา ที่มีประเด็นเรื่องคลื่นจากเสาส่งเช่นกันกันกับที่คนพูดถึงกันมากกับ 5G ตอนนี้ ทั้งที่โดยข้อเท็จจริง คลื่นก็คือคลื่น คลื่นที่ 5G ใช้ในวันนี้ก็ไม่ต่างจากคลื่นวิทยุ คลื่นโทรคม คลื่นโทรทัศน์ ที่ส่งออกอากาศอยู่รอบตัวเรา เพียงแต่เทคโนโลยีที่นำมาใช้บนตัวคลื่นนั้น ๆ ที่เปลี่ยนไป ให้สามารถรับส่งข้อมูลได้มากขึ้น หรือเร็วขึ้นในภาษาชาวบ้าน คนเลยไปดีความว่าเร็วขึ้น แสดงว่าแรงขึ้น แล้วอันตราย ซึ่งจริง ๆ ไม่ใช่แบบนั้น” หลายคนบอกว่าคลื่น 5G ส่งแรงกว่า 4G มาก เลยกลัวหรือกังวลกัน? “5G ไม่ได้ส่งคลื่นแรงกว่าเดิมในแง่กำลังส่ง เสาส่งหรือสถานีฐานที่ตั้งอยู่ทั่วไปที่เห็นจริง ๆ ก็มีกำลังส่งสูงสุด (Max Power) ไม่ได้ต่างจาก 4G เดิม อุปกรณ์พวกนี้มีมาตรฐานสากลในระดับโลกควบคุมและกำหนดไปยังผู้ผลิตแต่ละรายการที่จะบอกว่าเสาส่ง 5G ส่งแรงมากเกินมาตรฐานจึงเป็นเรื่องที่อาจจะเข้าใจคลาดเคลื่อนไปมาก ในแง่เทคนิคกำลังส่งสูงสุดที่เห็นในความเป็นจริงเสาก็อาจไม่ได้ส่งออกเต็มกำลังเพราะระบบจะคอนโทรลให้เครื่องส่งใช้กำลังส่งเท่าที่จำเป็นไม่ไปรบกวนเซลข้าง ๆ เทคโนโลยีมีการใช้หลายคลื่น หลายชุดเครื่องส่งพร้อมกันหากจะพูดแค่ว่าแรงกว่าเดิมอันตรายกว่าเดิม อาจไม่ใช่แบบนั้น” แสดงว่าเสาส่ง 5G ก็ไม่ได้ส่งแรงกว่า 4G หรือมีอันตรายจากคลื่นอย่างที่เข้าใจกัน? “เป็นไปตามที่อธิบาย เราอาจจะเคยได้รับข้อมูลผ่านโซเชียลมีเดีย เกี่ยวกับเรื่องทำนองนี้ อาทิ 5G แรงจนทำนกใกล้ ๆเสาส่งตาย หรือ 5G ส่งผ่านคลื่นไวรัสยิ่งช่วงนี้มีกระแสโควิด-19 หรือ 5G อันตรายจนบางประเทศแบนไม่ให้ใช้ อะไรทำนองนี้บ่อยมาก แต่อยากให้ลองใช้การคิดโดยหลักข้อเท็จจริงว่า คลื่นจะ 2G 3G 4G หรือ 5G ก็คือคลื่นวิทยุเหมือนกันต่างกันที่เทคโนโลยี กำลังส่งไม่ได้ต่างกัน ถ้ากลัวเรื่องกำลังส่งจริง ๆ เสาส่งคลื่นแบบอื่นอาจใช้กำลังส่งมากกว่ามือถือ 5G ด้วยซ้ำ แต่ที่ผ่านมาก็ไม่ได้มีข่าวทำนกตายเป็นร้อยเป็นพันตัว หรือเรื่องการส่งไวรัสไปกับคลื่นมือถือยิ่งเป็นไปไม่ได้ นอกจากการให้คนเข้าใจในเรื่องเทคโนโลยีเพื่อเปิดใจ อาจต้องทำควบคู่กับการให้ข้อมูลที่ถูกต้องลบล้างกับ fake news ซึ่งแชร์กัน โดยไม่มีต้นตอหรือข้อมูลที่สืบค้นหลักฐานมายืนยันได้ บางอันก็แปลจาก blog ต่างประเทศที่มีลักษณะเป็น clickbait ด้วยซ้ำ” แสดงว่าผู้ใช้บริการสามารถวางใจและใช้งาน 5G ได้? “เรื่องมาตรฐานโทรคมเป็นเรื่องสากล ซึ่งมีหน่วยงานและกลไกดูแลทั้งระดับนานาชาติและระดับประเทศ สิ่งที่คนกังวลหรืออะไรที่มันจะเป็นอันตรายจริง ๆ ย่อมต้องมีการศึกษารับรองแล้ว เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เกิดแค่ประเทศ แต่เป็นความปลอดภัยของผู้ใช้บริการทุกคนทั่วโลก อุปกรณ์หรือเทคโนโลยีที่ใช้ ๆ ในประเทศเราก็ผ่านมาตรฐานและมาจากผู้ผลิตที่ทำตามมาตรฐานที่กำหนดโดยสากล ยังมี กสทช. กำกับเรื่องมาตรฐานโทรคม กำลังส่ง การขออนุญาตติดตั้ง และอื่น ๆ หลายขั้นตอน ในโลกยุคปัจจุบันที่อะไรก็สื่อสารส่งข่าวได้ไวได้ทั่วโลกแบบ 5G เรื่องร้าย ๆ อันตราย หรือสิ่งที่ไม่ปลอดภัยมันปกปิดกันไม่ได้แล้ว เว้นแต่เรื่องเหล่านั้นมันไม่จริงก็อาจเป็นกระแสอยู่ช่วงหนึ่ง สุดท้ายก็โดนหักล้างโดยข้อเท็จจริงและหลักฐานยืนยัน ก็ขอให้ผู้ใช้บริการมั่นใจและวางใจเรื่องความปลอดภัยจากการใช้คลื่นได้ มีหน่วยงานและคนมอนิเตอร์เยอะไม่น่าต้องกังวล” เทคโนโลยี 5G กำลังเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ในอนาคตเราจะเห็นการเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่าง ๆ เข้ากับเครือข่ายและเกิดบริการที่จะขับเคลื่อนทั้งธุรกิจและการใช้ชีวิต ไม่พ้นแม้แต่เรื่องสุขภาพ เทคโนโลยีที่กังวลกันว่าอาจจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพจากความเข้าใจที่ได้รับมาไม่ถูกต้องหรือรอบด้าน ในวันหนึ่งจะเข้ามามีบทบาทอย่างมากต่อสุขภาพ วงการแพทย์ หรือแม้แต่การรักษาผู้ป่วยแบบออนไลน์ผ่านโครงข่าย 5G ที่ส่งผ่านข้อมูลได้รวดเร็วครอบคลุม เมื่อถึงวันนั้นทุกคนอาจจะลืมไปแล้วก็ได้ว่าครั้งหนึ่งเราเคยกังวลกับ 5G แบบเรื่องเล่าที่ส่งต่อ ๆ กันทุกวันนี้-สำนักข่าวไทย

กกพ.จับมือเทลสกอร์ใช้พลังอินฟอเลนเซอร์สร้างความตระหนักใช้พลังงานสะอาด

กรุงเทพฯ 28 ธ.ค. กกพ. สนับสนุน เทลสกอร์ ดึงพลังอินฟลูเอนเซอร์ส่งเสริมพลังงานสะอาด ส่งเสริมการตระหนักรู้และมีส่วนร่วมทางด้านไฟฟ้า ภายใต้แนวคิด Clean Energy for Life กองทุนพัฒนาไฟฟ้า สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ให้การสนันสนุนเทลสกอร์ และภาคีจากภาครัฐและเอกชนรวม 25 องค์กร จัดทำโครงการด้านการส่งเสริมพลังงานสะอาด 26 โครงการ  ภายใต้แนวคิด Clean Energy for Life ใช้พลังงานสะอาด เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของทุกคน มุ่งส่งเสริมให้สังคมและประชาชนมีความรู้ ความตระหนัก และมีส่วนร่วมด้านไฟฟ้า และความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับพลังงานสะอาด (Clean Energy)  นายบัณฑูร  เศรษฐศิโรตม์ กรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.)  กล่าวว่า พลังงานสะอาดที่ทุกคนเข้าถึงได้(Affordable and Clean Energy) เป็นหนึ่งในเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals) ที่กำหนดโดยองค์การสหประชาชาติ (United Nations) ดังนั้น กกพ. ในฐานะองค์กรกำกับดูแลกิจการพลังงานด้านกิจการไฟฟ้าและกิจการก๊าซธรรมชาติ จึงต้องการส่งเสริมความรู้ความเข้าใจ ตลอดจนการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน ผ่านพลังการสื่อสาร ซึ่งจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกต่อสังคมไทยและคุณภาพชีวิตของคนไทย ทั้งนี้จากความสำเร็จของโครงการในปีที่แล้วเพื่อสร้างการตระหนักรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ โดยใช้กลยุทธ์การสื่อสารทุกมิติ จนก่อให้เกิดการมีส่วนร่วมทางสังคม สู่การปรับใช้จริงในชีวิตประจำวัน เราจึงเดินหน้าต่อยอดไปสู่กลยุทธ์การสื่อสารอย่างเต็มรูปแบบในปี พ.ศ. 2563 – 2564 โดยมุ่งเน้นการสร้างแรงบันดาลใจจนก่อเกิดเป็นรูปธรรม รวมถึงการให้ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง และสร้างเครือข่ายใหม่จากพลังงานหมุนเวียน เพื่อความยั่งยืนด้านพลังงานในประเทศอย่างต่อเนื่อง ภายใต้แนวคิด Clean Energy for Life พลังงานสะอาด เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของทุกคน ซึ่งหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญของโครงการสื่อสารในปีนี้คือการดึงอินฟลูเอนเซอร์จากหลากหลายวงการเข้ามาช่วยเผยแพร่เนื้อหาผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อให้เข้าถึงประชาชนทุกกลุ่มในวงกว้าง “ผลสำเร็จของโครงการภายใต้แนวคิด Clean Energy for Life ใช้พลังงานสะอาด เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของทุกคน  จะสร้างประโยชน์เรื่องการพัฒนาที่ยั่งยืน และส่งผลให้คุณภาพชีวิตของประชาชนชาวไทยดีขึ้นจากการใช้และผลิตพลังงานสะอาดที่ไม่ก่อผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แนวคิดนี้ยังนำไปสู่การเข้าถึงพลังงานสะอาดในราคาที่เข้าถึงได้สร้างผลประโยชน์ต่อเศรษฐกิจ ซึ่งทุกคนในสังคมไทยจะเป็นผู้ได้รับประโยชน์ ท้ายสุดแล้ว การเปลี่ยนแปลงเชิงบวกนี้จะช่วยพัฒนาสังคมไทยให้เกิดสมดุลในทุกมิติ และเชื่อมโยงสังคมทุกระดับ จากครัวเรือนสู่ชุมชน สู่สังคมโดยรวมและสู่ระดับโลก บนเส้นทางสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนร่วมกัน”   นอกเหนือจากการสร้างความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชนทั่วไปเกี่ยวกับพลังงานสะอาดและพลังงานหมุนเวียนแล้ว เป้าหมายสูงสุดของแนวคิด Clean Energy for Life ใช้พลังงานสะอาด เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของทุกคน คือการสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนในการช่วยสนับสนุนการติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ให้โรงพยาบาล 77 แห่งทั่วประเทศไทย ผ่าน“มูลนิธิแพทย์ชนบทเพื่อไฟจากฟ้า” ซึ่งต้นทุนสำหรับการติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์กำลังผลิต 100 กิโลวัตต์นั้น สามารถช่วยลดภาระค่าไฟฟ้าของโรงพยาบาลได้เดือนละประมาณ 60,000 บาท ดังนั้นในระยะเวลา 1 ปี โรงพยาบาลจะสามารถลดภาระค่าไฟฟ้าได้ราว 720,000 บาท โดยต่อ 1 โรงพยาบาล ใช้งบประมาณไม่เกิน 4 ล้านบาทในการติดตั้งและเนื่องจากแผงโซลาร์เซลล์มีอายุการใช้งาน 25 ปี จึงสามารถช่วยโรงพยาบาลลดภาระค่าไฟฟ้าได้ประมาณ 18 ล้านบาท ตลอดระยะเวลาการใช้งาน โดยส่วนต่างจากการจ่ายค่าไฟที่น้อยลง สามารถนำไปจัดหาอุปกรณ์ และเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ เพื่อช่วยเหลือประชาชนได้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นการพัฒนาและสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของทุกคนอย่างยั่งยืน การสื่อสารผ่านอินฟลูเอนเซอร์ เทลสกอร์ ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ได้คัดสรรอินฟลูเอนเซอร์หรือผู้มีอิทธิพลด้านการสื่อสารให้ตอบโจทย์และส่งเสริมการสื่อสารอย่างสร้างสรรค์และรับผิดชอบ โดยงานครั้งนี้เทลสกอลได้รับการสนับสนุนจาก กองทุนพัฒนาไฟฟ้าสำนักงาน กกพ. ในการทำหน้าที่ดึงพลังการสร้างสรรค์ของอินฟลูเอนเซอร์มาใช้ในการเชื่อมต่อและถ่ายทอดข้อมูลที่ถูกต้องและเข้าใจง่ายให้กับประชาชนในวงกว้าง โดยเฉพาะเยาวชนและคนรุ่นใหม่ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของโครงการ Clean Energy for Life ใช้พลังงานสะอาด เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของทุกคน นางสาวสุวิตา จรัญวงศ์ ประธานกรรมการบริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง Tellscore กล่าวว่า เทลสกอลจะส่งต่อความรู้เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนพลังงานงานสะอาด ผ่านแคมเปญการสื่อสารที่มีการวางแผนอย่างรอบคอบ รวมไปถึงกิจกรรมประชาสัมพันธ์หลากหลายรูปแบบที่ได้รับความร่วมมือจากผู้มีอิทธิพลด้านการสื่อสารชั้นนำจากหลายวงการ ที่จะหยิบยกประเภทพลังงานทดแทนและหัวข้อสื่อสารที่สำคัญเพื่อแสดงถึงตัวอย่างของพลังงานสะอาดและสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของสังคมได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยแคมเปญการสื่อสารจะดำเนินต่อเนื่องไปจนถึงปี 2564-สำนักข่าวไทย.

ทรูอัพเดทคลื่นความถี่ครบ 7 ย่าน

กรุงเทพฯ 28 ธ.ค. ทรู มีคลื่นความถี่ครบ 7 ย่านหลัง ชำระเงินค่าประมูลคลื่นความถี่ 700 เมกะเฮิรตซ์ งวดแรก เล็งเพิ่มสัญญาณ 5G ต่อ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ โดย พล.อ.สุกิจ ขมะสุนทร (ที่5 จากขวา) ประธานคณะกรรมการ พร้อมด้วย คณะผู้บริหาร กสทช. ร่วมรับมอบเงินค่าประมูลคลื่นความถี่สำหรับกิจการโทรคมนาคมย่าน 700 เมกกะเฮิรตซ์ ช่วงความถี่ 703-713 เมกกะเฮิรตซ์คู่กับ 758-768 เมกกะเฮิรตซ์ที่ได้รับการจัดสรรเมื่อวันที่ 19 มิ.ย. 2562 จาก บริษัท ทรูมูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด โดย นายจักรกฤษณ์อุไรรัตน์ (ที่5 จากซ้าย) ผู้อำนวยการด้านรัฐกิจสัมพันธ์ บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น จำนวน 1,881.488 ล้านบาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว) พร้อมกับหลักประกันการชำระเงินค่าคลื่นความถี่ในส่วนที่เหลือวงเงินจำนวน 16,933.392 ล้านบาท(รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว) ตามเงื่อนไขการรับใบอนุญาต ทรู 5G พร้อมเพิ่มสัญญาณบริการ 5G บนคลื่นความถี่ 700 เมกกะเฮิรตซ์ ทันทีหลังได้รับใบอนุญาตฯ ในพื้นที่ที่ กสทช. ได้ดำเนินการปรับปรุงสัญญาณทีวีดิจิทัลเพื่อใช้ในงานด้านโทรคมนาคมแล้ว ได้แก่ กรุงเทพฯและปริมณฑล ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ ซึ่งจะทำให้ ทรูมูฟ เอช มีคลื่นย่านความถี่ต่ำครบทั้ง 3 ย่านความถี่ คือ700 เมกกะเฮิรตซ์, 850 เมกกะเฮิรตซ์และ 900 เมกกะเฮิรตซ์ เพิ่มศักยภาพการให้บริการที่ครอบคลุมและสามารถทะลุทะลวงเข้าถึงภายในอาคารได้ดีกว่า ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อผสานการให้บริการบนคลื่นครบทั้ง  7 ย่านความถี่ โดยเฉพาะคลื่น 2600 เมกกะเฮิรตซ์ ที่เปิดให้บริการ ทรู 5G อยู่แล้ว -สำนักข่าวไทย.

คาดโควิด-19 ฉุดอุตสาหกรรมอาหารฟื้นตัวช้า

กทม. 28 ธ.ค.63- สกสว. เผยผลวิจัยคาดการณ์การระบาดของโควิด-19 กระทบอุตสาหกรรมอาหารฟื้นตัวช้า นักวิจัยเสนอภาครัฐมุ่งใช้เทคโนโลยีพัฒนาไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตอาหารเพื่ออนาคต สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม หรือ สกสว. เปิดเผยผลการศึกษาการเปลี่ยนแปลงของภาคอุตสาหกรรมหลังวิกฤตโควิด19 พบข้อมูลภาคอุตสาหกรรมอาหารได้รับผลกระทบน้อยที่สุดเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมอื่น รศ.ดร.จุฑาทิพย์ จงวนิชย์ นักวิจัยโครงการการเปลี่ยนแปลงของภาคอุตสาหกรรมหลังวิกฤต COVID-19 สกสว. กล่าวว่า อุตสาหกรรมอาหารเป็นอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤต COVID-19 แต่ยังน้อยกว่าอุตสาหกรรมอื่น ๆ ผลการวิเคราะห์ผู้ประกอบการเปราะบางสูงและเปราะบางคิดเป็นสัดส่วนถึงร้อยละ 68 ของผู้ประกอบการทั้งหมดในอุตสาหกรรมอาหาร เมื่อเกิด shock ขึ้นผู้ประกอบการดังกล่าวอาจไม่สามารถที่จะบริหารธุรกิจโดยเฉพาะในส่วนของความเพียงพอทางด้านเงินสดได้อย่างมีประสิทธิภาพ  ซึ่งในอุตสาหกรรมอาหารผู้ประกอบการที่มีส่วนเกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว โรงแรมและสายการบิน ที่ไม่สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นผู้ประกอบการที่ถูกกระทบหนัก โดยระยะสั้นผู้ประกอบการเหล่านี้ยังคงต้องการได้รับการช่วยเหลือจากรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในส่วนของมาตรการที่ช่วยเพิ่มความคล่องตัวทางการเงินให้กับผู้ประกอบการ สินเชื่อพิเศษดอกเบี้ยต่ำอย่าง soft loan ยังเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการอาหารต้องการและยังเข้าถึงในสัดส่วนที่ต่ำ อย่างไรก็ตามการเพิ่มวงเงินค้ำประกันของรัฐบาล และข้อจำกัดการค้ำประกัน จะยังเป็นส่วนที่ช่วยเพิ่มการปล่อยสินเชื่อได้ โดยที่อีกส่วนหนึ่งใช้มาตรการภาษี โดยให้ผู้ประกอบการสามารถนำผลขาดทุนที่เกิดขึ้นในปี พ.ศ.2563 ซึ่งเป็นปีที่เกิด shock มาคำนวณผลกำไรขาดทุนได้ในปีถัดๆไป  อีกส่วนคือการปรับโครงสร้างหนี้และการพักชำระหนี้ ทั้งนี้รัฐบาลต้องเร่งให้ความสำคัญกับการใช้มาตรการเพื่อพัฒนาประเทศในระยะปานกลาง (ยาว) เพิ่มมากขึ้น โดยมองว่าการใช้จ่ายของรัฐบาลเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันยังมีอยู่อย่างจำกัด โครงการเกษตรและอาหารภายใต้งบประมาณ 4 แสนล้านบาทยังคงมีอยู่เพียงประมาณร้อยละ 8 ของวงเงินงบประมาณ และการกระจายตัวของโครงการยังกระจุกตัวอยู่เพียงการพัฒนาการผลิต แต่โครงการที่เกี่ยวข้องกับการปรับปรุงพันธ์พืช และการพัฒนาบรรจุภัณฑ์และการจัดจำหน่ายยังมีอยู่จำกัด จึงต้องเร่งให้ความสำคัญกับการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันอย่างเป็นระบบในอุตสาหกรรมอาหาร อย่างไรก็ตามโอกาสหนึ่งที่เกิดขึ้นท่ามกลางวิกฤตโควิด-19 สามารถมุ่งพัฒนาให้ไทยเป็นแหล่งการผลิตอาหารอนาคตที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพและสิ่งแวดล้อม เช่น การผลิตโปรตีนทางเลือก ต้นทุนและคุณภาพของวัตถุดิบเป็นสิ่งที่สำคัญ  วัตถุดิบในการผลิตสินค้าเหล่านี้ส่วนใหญ่ไทยยังต้องนำเข้า เช่น ถั่วเหลือง กากถั่วเหลือง ข้าวโพด มันฝรั่ง และมีการกระจุกตัวของประเทศที่ไทยนำเข้าอยู่เพียงไม่กี่ประเทศ  ทั้งนี้สินค้าส่วนใหญ่เหล่านี้เป็นสินค้าที่ยังมีการคุ้มครองที่สูงโดยเฉพาะการจำกัดโควตาการนำเข้าและการตั้งภาษีนอกโควตาในอัตราที่สูง การขยายปริมาณโควตาอย่างเป็นระบบและค่อยๆปรับลดอัตราภาษีนอกโควตาพร้อมไปกับการพัฒนาการผลิตของภาคเกษตรน่าจะมีส่วนช่วยในการลดต้นทุนและเพิ่มคุณภาพของวัตถุดิบในประเทศ   ขณะที่การส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีในอุตสาหกรรมอาหารเป็นอีกเรื่องที่ควรเร่งเดินหน้าทั้งในส่วนของการผลิตบรรจุภัณฑ์ การบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานและช่องทางการจัดจำหน่าย ซึ่งการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีในอุตสาหกรรมอาหารต้องควบคู่ไปกับการเพิ่มศักยภาพในห้องปฏิบัติการตรวจสอบอาหารและบรรจุภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพและให้บริการแก่ผู้ประกอบการโดยเฉพาะผู้ประกอบการรายกลางและเล็ก ที่ต้องการความช่วยเหลือของภาครัฐในส่วนของห้องปฏิบัติการตรวจสอบอาหารยังมีขั้นตอนยุ่งยากรัฐอาจต้องร่วมมือกับภาคเอกชนในการพัฒนาการตรวจสอบคุณภาพอาหารให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น  ช่วยให้ความรู้กับ SMEs ในเรื่องของการตรวจสอบสุขอนามัยในสินค้าเกษตรและอาหารของประเทศผู้นำเข้าซึ่งมีความแตกต่างกันในแต่ละประเทศเป็นเรื่องสำคัญเพราะการระบาดของ COVID-19 ทำให้ทุกประเทศให้ความสำคัญทางด้านความปลอดภัยอาหารเพิ่มขึ้น โดยภาครัฐควรต้องมีแผนชัดเจนเพื่อรองรับและถ่ายโอนแรงงานที่อาจถูกแทนที่ด้วยเทคโนโลยีอีกด้วย สำหรับบทเรียนสำคัญอย่างหนึ่งจากวิกฤตโควิด-19 คือ การกระจายความเสี่ยงให้กับผู้ประกอบการและพัฒนาศักยภาพการผลิตอาหารได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยการกระจายตลาดส่งออกเดิมสำหรับอุตสาหกรรมอาหาร เปิดตลาดผ่านกรอบความตกลงการค้าเสรีทั้งในตลาดหลักอย่างยุโรป และสหรัฐฯ หรือตลาดรองอย่างประเทศในกลุ่มแอฟริกาจะเป็นประโยชน์กับอุตสาหกรรมอาหารที่ประเทศไทยมีศักยภาพการผลิต รวมทั้งภาครัฐ อาจจำเป็นต้องเปิดการแสดงสินค้าอาหารในตลาดต่างประเทศด้วย

ดีอีเอสวอนประชาชนโหลดใช้แอปหมอชนะสู้โควิด-19

กรุงเทพฯ 27 ธ.ค. พุทธิพงษ์ วอนประชาชนช่วยใช้แอป  “หมอชนะ” ติดตามสอบสวนโรคได้เร็ว  ช่วยหมอพยาบาลทำงานง่าย นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส)  กล่าวว่า  ภายหลังสถานการณ์โควิด-19 ได้ระบาดรอบใหม่ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ใช้แรงงานต่างด้าว ผู้ค้าขายที่สัมผัสใกล้ชิด รวมถึงประชาชนหลายพื้นที่  ทางศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) จึงได้เห็นชอบให้รณรงค์การโหลดใช้แอปพลิเคชัน “หมอชนะ” ที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอีเอส) และทีมผู้เชี่ยวชาญคนไทย พัฒนาแอปพลิเคชันขึ้น  แอปพลิเคชัน “หมอชนะ” จะช่วยติดตามและสอบสวนโรคให้ครอบคลุมทั่วถึงและแม่นยำมากขึ้น ช่วยให้เจ้าหน้าที่ แพทย์ทำงานได้ง่ายยิ่งขึ้น โดยระบบจะบันทึกข้อมูลการเดินทางของผู้ใช้งานด้วยเทคโนโลยี GPS และ Bluetooth เพื่อช่วยแจ้งเตือนประชาชนเมื่ออยู่ในบริเวณหรือใกล้ชิดหรือสัมผัสกับผู้ป่วยโรค โควิด-19 ให้สามารถเฝ้าระวัง และเข้าพบกับเจ้าหน้าที่สอบสวนโรคได้ทันท่วงที  การดาวน์โหลดแอปฯหมอชนะ ทำได้ง่าย สะดวก ทั้งระบบปฏิบัติการ แอนดรอยด์ และ ไอโอเอส เพียงแค่ค้นหาคำว่า “หมอชนะ” แล้วโหลด ใส่ข้อมูลส่วนตัวเบื้องต้นเท่านั้น ก็สามารถใช้งานได้ทันที   “ข้อดีของแอปพลิเคชัน”หมอชนะ” คือ ข้อมูลเชื่อมตรงกับกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข มี QR code สี แสดงความเสี่ยง เข้าใจง่าย ตามเกณฑ์กรมควบคุมโรค ช่วยจำกัดผู้ที่มีความเสี่ยง เข้าพื้นที่ปลอดภัย ด้วย QR code สี ทำให้ได้ข้อมูลไทม์ไลน์จริงไม่หลงลืม หรือป้องกันการปกปิดข้อมูลและลดภาระหมอ พยาบาล ในการควบคุมโรคในวงกว้าง”นายพุทธิพงษ์ กล่าว ขอให้ประชาชนมั่นใจได้ว่าการเข้าไปดูข้อมูลส่วนบุคคล จะทำต่อเมื่อบุคคลมีการตรวจพบว่าติดโรคโควิด-19 โดยผู้ใช้งานและควบคุมข้อมูลได้ คือกรมควบคุมโรคหน่วยงานเดียวเท่านั้น หากประชาชนสงสัยว่ามีอาการ หรือไปในพื้นที่เสี่ยง สัมผัสใกล้ชิดผู้ที่ป่วย ให้รีบพบแพทย์ที่โรงพยาบาลใกล้บ้านทันที หรือสอบถามเพิ่มเติมที่สายด่วน 1422 กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข-สำนักข่าวไทย.

เปิดตัวหน้ากาก N99 สู้โควิด-19

กทม. 25 ธ.ค.63 – มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช เปิดตัวหน้ากาก N99 สามารถใช้ป้องกันโควิด-19 ในระดับสูง ส่งมอบให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ฯ  แจกจ่ายช่วยบุคลากรทางการแพทย์สู้ภัยโควิด-19 มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช มอบผลงานวิจัยหน้ากาก N99 จำนวน 4,000 ชิ้น และ ชุด PAPR จำนวน 1,000 ชุด ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) และสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) เพื่อส่งมอบต่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแจกจ่ายให้กับบุคลากรทางการแพทย์ในพื้นที่ต่างๆ ที่กำลังรับมือกับการระบาดของโควิด-19 รอบใหม่ในขณะนี้ โดยมีปลัดกระทรวง อว. และดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ รับและส่งมอบอุปกรณ์ในครั้งนี้ สำหรับหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ที่ทำจากซิลิโคน ชนิด N99 สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ได้สนับสนุนทุนวิจัยและนวัตกรรม ดำเนินการด้านวิจัยและนวัตกรรมเพื่อขับเคลื่อนการสนับสนุนการวิจัยและนวัตกรรมด้านเวชภัณฑ์ อุปกรณ์ทางการแพทย์ แก้ไขปัญหาและลดผลกระทบจากการขาดแคลนอุปกรณ์ป้องกันโรคระบาด ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงสามารถป้องกันเชื้อไวรัสได้ในประสิทธิภาพสูง ซึ่งมีฟิลเตอร์กรองที่สามารถใช้งานได้ยาวนานถึง 6 เดือน ซึ่งวัสดุที่ใช้ออกแบบให้สวมใส่สบาย กระชับ ไม่อึดอัด […]

เว็บเอ็กซ์เพิ่มคุณสมบัติรองรับเทรนด์ทำงานไฮบริด

กรุงเทพฯ 25 ธ.ค. ซิสโก้เปิดนวัตกรรม Webex รองรับการทำงานร่วมกันแบบไร้รอยต่อ ซิสโก้ได้เปิดตัวนวัตกรรมใหม่ล่าสุดหลายรายการบนแพลตฟอร์ม Webex ที่จะช่วยให้สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างไร้รอยต่อ และปรับเปลี่ยนประสบการณ์ของพนักงาน นับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แพลตฟอร์ม Webex นอกจากจะช่วยให้องค์กรธุรกิจฟันฝ่าวิกฤต และดำเนินงานได้อย่างต่อเนื่องแล้ว ยังเป็นแพลตฟอร์มสำคัญสำหรับรัฐบาลในการบริหารจัดการหน่วยงานต่างๆ ผ่านการเชื่อมต่อทางไกล ทั้งยังช่วยให้ผู้ป่วยสามารถพบแพทย์ได้อย่างปลอดภัย ขณะที่ครูและอาจารย์ก็สามารถสอนหนังสือในระบบการศึกษาทางไกลได้อย่างมีประสิทธิภาพ การเปิดตัวนวัตกรรมใหม่ล่าสุดในครั้งนี้เกิดขึ้นขณะที่บริษัทต่างๆ ทั่วโลกกำลังเตรียมพร้อมรองรับการทำงานรูปแบบ ‘ไฮบริด’ (Hybrid) ในอนาคต โดยการทำงานในรูปแบบดังกล่าว พนักงานจะสามารถปรับเปลี่ยนไปมาระหว่างการทำงานในออฟฟิศ และการทำงานจากที่บ้าน เพื่อให้สอดรับกับวิถีชีวิตภายหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19   Webex รูปโฉมใหม่รองรับการติดต่อสื่อสารและการทำงานร่วมกันอย่างปลอดภัยและครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นการโทรติดต่อการประชุม และการรับส่งข้อความ โดยทั้งหมดนี้รวมอยู่ในแอพเดียว นวัตกรรมมากกว่า 50 รายการที่เปิดตัวในวันนี้ครอบคลุม 3 ด้าน ได้แก่ การทำงานร่วมกันอย่างไร้รอยต่อ ประสบการณ์การทำงานแบบสมาร์ทไฮบริด (Smart Hybrid) และประสบการณ์ของลูกค้าที่เหนือกว่า โดยทั้งหมดนี้ทำงานบนระบบรักษาความปลอดภัยที่แข็งแกร่ง พร้อมการจัดการที่ง่ายดายและมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นคุณสมบัติเด่นที่มีอยู่ในเทคโนโลยีของซิสโก้  ฟีเจอร์ใหม่ที่พร้อมใช้งานในวันนี้ได้แก่ การตัดเสียงรบกวน และการปรับปรุงเสียงพูด การถอดเสียงและคำบรรยาย ไฮไลต์สิ่งที่ต้องดำเนินการ (action items) ปรับปรุงเลย์เอาต์สำหรับวิดีโอ และ Webex Huddle (การประชุมแบบทันทีด้วยการคลิกเพียงครั้งเดียว) หลากหลายฟีเจอร์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ในระบบรับส่งข้อความ (Messaging) ที่ช่วยให้โฟกัสกับเรื่องสำคัญที่สุด ฟีเจอร์ใหม่ในการวิเคราะห์ข้อมูล (People Insights ซึ่งขับเคลื่อนด้วย Webex Graph) นำเสนอข้อมูลเชิงลึกเฉพาะบุคคล และคำแนะนำที่นำไปใช้งานได้จริงสำหรับพนักงาน ทีมงาน และองค์กร ซิสโก้ได้เปิดตัวฟีเจอร์แปลภาษาแบบเรียลไทม์ที่รองรับถึง 9 ภาษา พร้อมฟีเจอร์ท่าทาง (Gestures) ที่ใช้ในการประชุม ซึ่งขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีการจดจำการเคลื่อนไหวของร่างกาย และความสามารถด้านการแชร์ได้อย่างกลมกลืน โดยฟีเจอร์เหล่านี้จะพร้อมใช้งานในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า อุปกรณ์ใหม่จากซิสโก้รองรับการทำงาน ประกอบด้วย กล้อง Webex Desk Camera ที่มีฟีเจอร์อัจฉริยะ การจดจำใบหน้า และการตรวจจับผู้เข้าร่วมการประชุม กล้อง Webex Desk Camera เหมาะสำหรับการใช้งานที่บ้านหรือในออฟฟิศ และตอนนี้คุณสามารถปิดเสียงและเปิดเสียงไมโครโฟนโดยใช้ท่าทางง่ายๆ นับเป็นครั้งแรกในวงการอุตสาหกรรม ซึ่งยังไม่มีกล้อง USB ใดที่สามารถทำเช่นนี้ได้ Webex Desk Hub การปรับเปลี่ยนพื้นที่สำนักงานกันอย่างจริงจัง พนักงานจำนวนมากที่กลับเข้าทำงานในออฟฟิศอาจไม่มีโต๊ะทำงานประจำอีกต่อไป ต้องใช้วิธีผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกัน แต่ด้วย Webex Desk Hub คุณจะสามารถสร้างพื้นที่ส่วนตัวบนโต๊ะทำงานใดก็ตามที่ว่างอยู่  อุปกรณ์ชนิดใหม่นี้เปี่ยมด้วยประสิทธิภาพ ช่วยจัดเตรียมการประชุมผ่านวิดีโอที่มีคุณภาพสูงรวมถึงการติดต่อทางโทรศัพท์ ทั้งยังช่วยให้คุณสามารถเชื่อมต่อทุกสิ่งที่คุณจำเป็นต้องใช้เพื่อรองรับการทำงานและการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น กล้อง ชุดหูฟัง จอแสดงผล แล็ปท็อป และโทรศัพท์มือถือ  นอกจากนี้ยังมีระบบอัจฉริยะที่มอบประสบการณ์ที่สอดคล้องกัน ช่วยให้คุณทำงานต่างๆ ให้เสร็จสมบูรณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนั้นWebex Desk Hub ยังช่วยให้คุณจองโต๊ะทำงานโดยใช้แล็ปท็อป บัตรพนักงาน หรือโทรศัพท์มือถือเพื่อยืนยันตัวตนของคุณWebex Desk Hub ไม่ได้เป็นเพียงแค่อุปกรณ์พื้นฐานสำหรับการหมุนเวียนโต๊ะทำงานเท่านั้น แต่เป็นอุปกรณ์ที่รองรับการทำงานรูปแบบใหม่อย่างแท้จริง-สำนักข่าวไทย.

ผู้ประกอบการเปิดแพลตฟอร์มเป็นศูนย์กลางการค้าออนไลน์

กรุงเทพฯ 25 ธ.ค.  SMEsGoPro ประกาศจุดยืนเป็นฮับเพื่อธุรกิจออนไลน์ครบโซลูชั่น นางสาวพิจิตรา เรืองวัฒนไพศาล ผู้ก่อตั้งแพลตฟอร์ม SMEsGoPro กล่าวว่า วิกฤตโควิด-19 ส่งผลต่อทุกภาคธุรกิจไม่ว่าเล็กใหญ่ ธุรกิจออนไลน์จึงกลายเป็นทางเลือกทางรอดของการสร้างรายได้ รวมถึงกลายเป็นช่องทางหลักในการจำหน่ายสินค้าของผู้ประกอบการ ความท้าทายที่ผู้ประกอบการตั้งแต่เอสเอ็มอีไปจนถึงผู้ค้ารายย่อยต่างเผชิญ  เพื่อให้การเข้าสู่ตลาดออนไลน์ประสบความสำเร็จ จึงพัฒนา แพลตฟอร์ม SMEsGoPro เพื่อคนทำธุรกิจออนไลน์ ด้วยการเป็น Business Solution Platform ที่จะมาเป็น ‘ทุกคำตอบ’ เพื่อคนทำธุรกิจ และผู้อยากริเริ่มทำธุรกิจออนไลน์ ปลดล็อคทุกปัญหาของธุรกิจ E-Commerce ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ สู่การเริ่มต้นสร้างธุรกิจครบวงจรจากงบการลงทุนที่ทุกคนเข้าถึงได้โดยเปิดโอกาสให้เกิดการทำธุรกิจรายย่อยของ SMEs ไทย ตั้งแต่ในระดับ “B2(New)B” ซึ่งจะเป็นคำนิยามของ New Retail สร้างช่องทางการขายออนไลน์แบบใหม่เป็นครั้งแรกในประเทศไทยขึ้นที่ SMEsGoPro ด้วยบริการ 4 โซลูชั่นหลัก ได้แก่1.แหล่งรวมสินค้าราคาผู้ผลิตเพื่อการขายของออนไลน์โดยเฉพาะ (Super Source) 2.กองทัพนักขายออนไลน์ที่ต้องการเข้าถึงสินค้าราคาผู้ผลิต (Power Seller) 3.แหล่งรวมความรู้ดิจิตอลแพลตฟอร์ม (Power Knowledge) ที่จะคัดโปรตัวจริงผู้เป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จบนแพลตฟอร์มนั้นๆ มาให้ความรู้จากประสบการณ์จริง 4.ผู้ช่วยระบบบริหารจัดการหลังบ้านครบวงจร (Power Support) “SMEsGoPro คืออีโคซิสเต็ม ของคนทำธุรกิจออนไลน์ที่ครบวงจรที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยทุกโซลูชั่นของแพลตฟอร์มล้วนมาแก้ไขทุกปัญหาที่คนทำธุรกิจออนไลน์ต้องเจอ จุดเด่นของเราคือการคัดสรรพันธมิตรมืออาชีพในเรื่องนั้นๆ เพื่อให้ผู้ค้าได้เข้าถึงผู้ผลิตสินค้า องค์ความรู้ และระบบหลังบ้านที่มีคุณภาพ” ในระยะแรก SMEsGoPro พร้อมตอบสนองนักขายออนไลน์ ด้วยหมวดหมู่สินค้าหลักราคาผู้ผลิต, สิทธิพิเศษสำหรับผู้ค้าและผู้ผลิตที่สร้างยอดขาย ตลอดจนสินค้าราคาผู้ผลิตที่ผู้ค้ารายย่อยจะได้เงื่อนไขสุดพิเศษเปรียบเสมือนดีลเลอร์ใหญ่ ภายใต้ดีลการซื้อขายในราคาพิเศษที่หาที่ไหนไม่ได้ โดยเฉพาะการรวมผู้ช่วยบริหารระบบหลังบ้านธุรกิจออนไลน์ครบทุกกระบวนการตั้งแต่ระบบการรวมช่องทางการขาย, ระบบการบริหารจัดการสต็อกที่ชาญฉลาด, ระบบบริหารจัดการออเดอร์, ระบบการจัดส่ง, ระบบการจัดการ Live, ระบบการจัดการ Sale Page จากเหล่าพันธมิตรมืออาชีพ อาทิ Lnw Shop, X-Commerce, Akita, Shippop, Bento Web, Shop Live, Gorilla ideas, Selleed และอื่นๆ อีกมากมาย ทั้งหมดเพื่อตอบโจทย์เป้าหมายหลักของSMEsGoPro ที่ต้องการให้ผู้สนใจสามารถสร้างธุรกิจผ่านระบบออนไลน์ได้อย่างง่ายดายและมั่นคง ทั้งนี้หนึ่งไฮไลต์สำคัญ คือ การรวมสุดยอดเทคนิคการขายผ่านดิจิตอลแพลตฟอร์มปี 2021 จากเหล่า Power Knowledge โปรตัวจริงแต่ละแพลตฟอร์ม เริ่มต้นที่ “โปรไหม” พิจิตรา เรืองวัฒนไพศาล นักธุรกิจและผู้เชี่ยวชาญกลยุทธ์การขายสินค้าผ่านE-Marketplace ทุกแพลตฟอร์ม ที่เผยกุญแจสำคัญของการขายของบน E-Marketplace (Shopee, Lazada) ด้วยแนวคิดสั้นๆว่า “อย่าสร้างสนามบินหลักเพียงสนามบินเดียว” หมายถึง อย่าใช้แพลตฟอร์มเดียวในการขายสินค้าออนไลน์ “หัวใจสำคัญการขายสินค้าบนแพลตฟอร์ม E-Marketplace (Shopee, Lazada) คือ 1.ให้ลูกค้าหาเราให้เจอบนแพลตฟอร์ม2.ชวนให้ซื้อ 3.ซื้อให้มากขึ้น 4.ดูแลลูกค้าเก่า ซึ่งทุกขั้นตอนมีวิธีการที่หลากหลายและแตกต่างกันไป” ทั้งนี้กลยุทธ์การเพิ่มยอดขายแบบทวีคูณที่โปรไหมแนะไว้ได้อย่างน่าสนใจ คือ การสร้างร้านค้าใหม่ (บน Shopee, Lazada) แต่ขายสินค้าเดิม เนื่องจาก Shopee, Lazada ไม่มีค่าธรรมเนียนในการสร้างร้านค้าใหม่บนแพลตฟอร์ม ดังนั้นประโยชน์ของกลยุทธ์นี้ จะช่วยสร้างการแข่งขันกับดีลเลอร์, สร้าง Defend Market Share, สร้างมาตรฐานเชิงราคา, สร้างตัวเทียบเคียงในแพลตฟอร์ม เพราะบน E-Marketplace จะมีอัลกอริทึ่มแนะนำสินค้าที่มีลักษณะใกล้เคียงกันให้ลูกค้าเปรียบเทียบ ทำให้ไม่ว่าลูกค้าจะซื้อร้านไหน รายได้ก็เข้าร้านเหมือนกัน ส่วนเทคนิคการสู้กับสินค้าจีนที่เข้ามารุก E-Marketplace ว่า เน้นการสร้างแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็น Product Brand, Shop Brand หรือ Personal Brand โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้ร้านค้าออนไลน์เติบโตยั่งยืน คือ ความน่าเชื่อ บริการหลังการขายที่ดี เพราะพฤติกรรมของผู้บริโภคการช้อปปิ้งบน E-Marketplace เมื่อเชื่อถือช้อปแบรนด์ใดแล้ว ไม่ว่านำสินค้าอะไรมาขายก็ขายได้ ซึ่งการสร้างความต่างให้การแบรนด์เหล่านี้ มาจากการสร้างคอนเทนต์, แพ็คเกจจิ้ง, ข้อเสนอพิเศษต่างๆ และบริการที่แตกต่างกัน “หมดยุคกับการตั้งราคาสินค้าราคาเดียว (One Price Poicy) เพราะพฤติกรรมผู้บริโภคที่ช้อปปิ้งสินค้าออนไลน์จะหมั่นเปรียบเทียบราคาสินค้าอยู่เสมอ ดังนั้นสินค้าแบบเดียว ผู้ขายควรตั้งช่วงราคาที่มีหลายราคา (Dynamic price) และเลือกใช้แต่ละราคาให้เหมาะสม โดยพิจารณาจากคู่แข่ง, ฤดูกาล และภาวการณ์แข่งขัน “ กฤษฎา โรจนโสภณดิษฐ์ LINE Certified Coach Thailand เผยว่า ปัจจุบัน Line มีบัญชีผู้ใช้มากกว่า 47 ล้านบัญชี โตจากปีที่แล้วจาก 3 ล้านบัญชีเป็น 4 ล้านบัญชี โดยเฉพาะเมื่อ Line มีบริการใหม่เอื้อการขายของออนไลน์ อย่าง LINEMYSHOP ที่สร้างร้านค้าออนไลน์ผ่าน Line ฟรี และ Line Ads Platform สามารถลงโฆษณาผ่าน Line ได้ด้วยตัวเองจากในอดีตที่ต้องผ่านเอเจนซี่ ทำให้การขายสินค้าผ่าน Line มีโอกาสเติบโตอีกมาก-สำนักข่าวไทย.

กสทช.กำชับโอเปอเรเตอร์คุมคุณภาพสัญญาณรับการทำงานที่บ้าน

กรุงเทพฯ 25 ธ.ค. กสทช. กำชับโอเปอเรเตอร์ทุกรายดูแลคุณภาพสัญญาณให้พร้อมรองรับการใช้งานของประชาชนจำนวนมาก รวมถึงรองรับมาตรการ Work from Home และให้เพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ช่วงเทศกาลปีใหม่ 31 ธ.ค. 63 – 3 ม.ค. 64 นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการแทนเลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (รักษาการแทน เลขาธิการ กสทช.) เปิดเผยว่า กสทช. กำชับโอเปอเรเตอร์ทุกรายดูแลคุณภาพสัญญาณให้พร้อมรองรับการใช้งานของประชาชนจำนวนมากพร้อมๆ กัน ไม่ว่าจะเป็นการเข้ารับสิทธิ์ตามโครงการต่างๆ ของรัฐบาล ในพื้นที่ที่ประชาชนจำนวนมากมาร่วมกิจกรรมต่างๆ รวมถึงให้รองรับการใช้งานที่เพิ่มขึ้นตามมาตรการการทำงานเหลื่อมเวลาและการทำงานที่บ้าน หรือ Work from Home (WFH) และให้เตรียมทีมงานแก้ไขกรณีอุปกรณ์ หรือสัญญาณขัดข้องด้วย นายไตรรัตน์ กล่าวว่า ช่วงเทศกาลปีใหม่ วันที่ 31 ธ.ค. 2563 – 3 ม.ค. 2564 เป็นอีกเทศกาลหนึ่งที่มีสถิติการใช้โทรศัพท์กันมาก ประชาชนนิยมติดต่อสื่อสารและส่งข้อความอวยพรกันผ่านสื่อสังคมออนไลน์ด้วยโทรศัพท์เคลื่อนที่ ถือเป็นอีกหนึ่งเทศกาลที่ทุกคนในครอบครัวมารวมกัน สำนักงาน กสทช. เล็งเห็นถึงความสำคัญดังกล่าว เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนผู้ใช้บริการในการติดต่อสื่อสารผ่านบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ และเพื่อป้องกันไม่ให้คุณภาพและมาตรฐานในการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในช่วงเวลาดังกล่าวลดลง สำนักงานฯ จึงได้ขอความร่วมมือไปยังผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทุกรายให้เพิ่มขีดความสามารถและความระมัดระวัง ในการดูแลบำรุงรักษา ซ่อมแซม และแก้ไขปรับปรุงโครงข่ายโทรคมนาคม เครื่องโทรคมนาคมและอุปกรณ์ ที่นำมาใช้ในการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพตลอดระยะเวลาช่วงเทศกาลปีใหม่-สำนักข่าวไทย.

1 3 4 5 6 7 51
...