fbpx

รายงานพิเศษ:วิธีการสอนยุคดิจิทัลเพื่อเปลี่ยนแปลงรูปแบบการเรียนรู้ยุคใหม่

การเรียนการสอนยุคใหม่ คนเรียน หรือนักเรียนคือศูนย์กลางการเรียนรู้ ความเข้าใจ ความต้องการ ความรู้และพฤติกรรมการเรียนที่เปลี่ยนไปเป็นสิ่งที่บรรดาครูทั้งหลายต้องเข้าใจและปรับตัว การสร้างกระบวนการเรียนรู้ใหม่มีเทคโนโลยีเป็นเครื่องมือสำคัญช่วยให้การเรียนการสอนสนุกและเกิดประสบการณ์ใหม่ นายวีรพงศ์ สุขสวัสดิ์ หรือมาสเตอร์วีรพงศ์ จากโรงเรียนอัสสัมชัญคอนแวนต์ สีลม เล่าว่า โรงเรียนอัสสัมชัญจะมีชมรมสำหรับคุณครู ให้มาพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้กัน เพื่อช่วยกันพัฒนารูปแบบการเรียนการสอน โปรแกรมการเรียนรู้ฟรีอย่างมืออาชีพ อย่าง Apple Teacher Leaning Center มีส่วนช่วยอย่างมากโปรแกรมนี้จะช่วยให้บุคลากรสร้างทักษะการใช้งานโดยใช้ไอแพด หรือเครื่องแมคทำกิจกรรมร่วมกับผู้เรียนได้โดยตรง เมื่อเอาเนื้อหาที่ได้ไปสอนจะได้รูปแบบที่ทั้งง่าย ยืดหยุ่น สนุกสนาน และสร้างแรงบันดาลใจในแบบที่การเรียนรู้ระดับมืออาชีพควรจะเป็น นางสาวรัตนาภรณ์ วามะสุรีย์ โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฝ่ายประถมพบว่าตัวโปรแกรมมีประโยชน์มาก เทคโนโลยีทำให้การเรียนการสอนสนุกขึ้น เด็กได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการทำแบบฝึกหัดต่างๆ มัลติมีเดียช่วยดึงความสนใจของเด็กได้เป็นอย่างดี เพราะมีทั้งภาพ เสียง รวมไปถึงแอนิเมชั่นต่างๆ ซึ่งผู้ปกครองหลายท่านบอกว่าทำให้เด็กๆอยากทำการบ้าน และมีความสุขกับการทำการบ้านมากขึ้น แต่หลายๆครั้ง ตัวคุณครูเองก็อาจจะยังไม่สามารถใช้งานแอพพลิเคชั่นต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพมากนัก แต่เมื่อได้เข้าไปเรียนรู้บน Apple Teacher Learning Center แล้วน่าสนใจและมีประโยชน์กับการเรียนการสอนมากนำไปประยุกต์ใช้และออกแบบสื่อการเรียนการสอนได้ดียิ่งขึ้น ทำให้ห้องเรียนสนุกและมีสีสันมากกว่าเดิม การมีแบบทดสอบก็มีประโยชน์ เพราะทำให้ตนตื่นตัวและตั้งใจเรียนรู้ ทั้งยังสนุกและช่วยกันทำกับเพื่อนครูด้วยกัน ช่วยเหลือและแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน ทำให้เราสามารถต่อยอดการใช้งานขึ้นไปได้อีกระดับ ความที่โปรแกรมนี้เปิดกว้างสำหรับบุคลากรด้านการศึกษาทุกคน […]

ดีแทคประกาศชดเชยลูกค้าไม่ได้OTPลงทะเบียนคนละครึ่ง

กรุงเทพฯ 16 ธ.ค.  – ดีแทค ประกาศชดเชยลูกค้าที่ไม่ได้ OTP ลงทะเบียนคนละครึ่งเตรียมส่ง SMS มาตรการชดเชยตรงหาลูกค้าที่ได้รับผลกระทบ เริ่มตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (17ธ.ค.) สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้เชิญตัวแทนบริษัทดีแทค ให้มาชี้แจงกรณีที่ระบบการสื่อสารขัดข้องทำให้ลูกค้าบางส่วนที่ลงทะเบียนโครงการคนละครึ่งไม่สามารถลงทะเบียนได้ ภายหลังการชี้แจงทางบริษัทได้ประกาศชดเชยให้ลูกค้าที่ไม่ได้รับรหัส OTP ลงทะเบียนในมาตรการ “คนละครึ่ง” ในช่วงเวลาที่เปิดรับสิทธิ์ โดยระบุว่าดีแทคเข้าใจถึงสถานการณ์และผลกระทบที่เกิดขึ้นกับลูกค้า และขออภัยในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ดีแทคพร้อมแสดงความรับผิดชอบด้วยการชดเชยให้กับลูกค้าที่ได้รับผลกระทบดังกล่าว ทั้งลูกค้าในระบบเติมเงิน และระบบรายเดือน อาทิ ส่วนลดเมื่อซื้อโทรศัพท์มือถือ โบนัสเติมเงิน โทรฟรีเน็ตฟรี โดยดีแทคจะติดต่อไปยังผู้ใช้บริการดีแทคที่ได้รับผลกระทบผ่านทางข้อความ SMS โดยเร็วที่สุด ดีแทคพร้อมแสดงความรับผิดชอบด้วยการชดเชยมูลค่าสูงสุดไม่เกิน 3,500 บาท ให้กับลูกค้าที่ได้รับผลกระทบดังกล่าว ทั้งในระบบเติมเงิน และระบบรายเดือน อาทิ โบนัสเติมเงิน โทรฟรี เน็ตฟรี และส่วนลดเมื่อซื้อโทรศัพท์มือถือ โดยดีแทคจะติดต่อไปยังผู้ใช้บริการดีแทคที่ได้รับผลกระทบ ผ่านทางข้อความ SMS โดยเร็วที่สุด ทั้งนี้ เมื่อได้รับ SMS จากดีแทคแล้ว สามารถติดต่อรับสิทธิ์ตามมาตรการชดเชย ตามรายละเอียดที่ระบุใน SMS ได้ตั้งแต่วันที่ 17 – 23 ธันวาคมนี้ -สำนักข่าวไทย.

ดีป้าขับเคลื่อนแผนปี64 ขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล

กรุงเทพฯ 16 ธ.ค. ดีป้า เผยแผนงานปี 2564 สานขับเคลื่อนประเทศสู่เศรษฐกิจดิจิทัลระดับโลก นายณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า กล่าวว่า ปี 2564 ดีป้า จะสานต่อการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่เศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลด้วยการยกระดับกำลังคนผ่านการให้ความรู้ด้านดิจิทัลบนแพลตฟอร์มการเรียนรู้ที่ดำเนินงานร่วมกับภาคเอกชน ซึ่งเด็ก เยาวชน ประชาชนทั่วไป ผู้สูงวัย ผู้พิการ และผู้ด้อยจะได้รับการพัฒนาทักษะดิจิทัลที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตและการประกอบอาชีพ นอกจากนี้ นักเรียนจาก 80 โรงเรียนสามารถเรียนรู้ทักษะโค้ดดิ้งบนแพลตฟอร์มใหม่ อีกทั้งเสริมทักษะดิจิทัลแก่นักเรียนอาชีวศึกษา รวมถึงความรู้ด้านข้อมูล (Data) แก่เยาวชนและนักศึกษา โดยคาดว่า กระบวนการต่าง ๆ จะสามารถพัฒนากำลังคนและบุคลากรดิจิทัลได้มากกว่า 12,000 คน ดีป้า จะดำเนินการส่งเสริมและสนับสนุนดิจิทัลสตาร์ทอัพ ทั้งระยะเริ่มต้นและระยะเติบโต รวม 70 ราย ซึ่งจะสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจมากกว่า 5,000 ล้านบาท ก่อนนำไปสู่การเปลี่ยนผ่านชุมชน เกษตรกรรายย่อยในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศเอสเอ็มอี หาบเร่ แผงลอย ตลาดสด อุตสาหกรรมขนาดใหญ่ และภาคเกษตรกรรมด้วยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจรวมกว่า 10,000 ล้านบาท ขณะเดียวกันจะช่วยให้คนไทยประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลมากกว่า 70,000 คน จากนั้นจะขับเคลื่อนเมืองอัจฉริยะ (Smart City) 3 ด้าน ใน 8 พื้นที่นำร่อง ซึ่งประเมินว่าจะเกิดมูลค่าการลงทุนรัฐร่วมเอกชนราว 130 ล้านบาท ขณะที่ประชาชนได้รับประโยชน์จากการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ 100,000 คน แบ่งเป็น Smart Economy โดยการส่งเสริมให้เกิดการใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มจัดเก็บและบริหารข้อมูลเมือง (City Data Platform) ไม่น้อยกว่า 30 พื้นที่สร้าง Smart City Ambassador ใน 30 พื้นที่ พร้อมพัฒนาการท่องเที่ยววิถีใหม่ในจังหวัดกระบี่ ภูเก็ต ชลบุรี อุดรธานี และพื้นที่ส่วนกลาง Smart Mobility โดยการขับเคลื่อนระบบโลจิสติกส์ภายในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี และระบบการแก้ไขปัญหาการขนส่งระหว่างท่าเรือแหลมฉบัง-กรุงเทพมหานคร และ Smart Living โดยการขับเคลื่อนระบบการแพทย์ฉุกเฉินในจังหวัดขอนแก่น นายณัฐพล กล่าวต่อว่า ดีป้า พร้อมบูรณาการการทำงานกับภาคเอกชน โดยการขับเคลื่อนมหาวิทยาลัยปัญญาประดิษฐ์ (AI University) รองรับเทคโนโลยีเอไอ และกระตุ้นให้เกิดวิชาชีพใหม่ผ่านการจัดตั้งมหาวิทยาลัยอากาศยานไร้คนขับ (Drone University) จัดงานแสดงนิทรรศการและกิจกรรมสร้างความตระหนักถึงความสำคัญของเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลในชื่อ Digital Station: Siam Square สร้างมาตรฐาน dSURE เพื่อเป็นกลไกสำคัญในการรับรองมาตรฐานโดยสมัครใจของผลิตภัณฑ์ดิจิทัล เพื่อนำไปสู่การพัฒนาระบบการค้นหาเทคโนโลยี (Technology Hunting Platform) เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัลที่ได้มาตรฐาน เป็นธรรม และทั่วถึง สำหรับปี 2565 ดีป้า จะดำเนินงานภายใต้วิสัยทัศน์ ทำงานเพื่ออนาคตของคนไทย และพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลไทยให้อยู่ในระดับชั้นนำของโลก โดยยังคงให้ความสำคัญกับการพัฒนากำลังคนและบุคลากรดิจิทัล พร้อมเร่งสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัลในภาคเศรษฐกิจจริงผ่านกลไกการขับเคลื่อนดิจิทัลสตาร์ทอัพ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างเครือข่ายผ่านแพลตฟอร์มส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดการลงทุน ทั้งการดึงดูด Venture Capitals การสร้าง Angel Investors และกระบวนการขยายตลาดสู่ระดับสากล “เราจะพัฒนาองค์ความรู้ผ่านความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนด้วย Accelerate Program การสร้าง Incubation Center และ Consultation Center อีกทั้งบ่มเพาะให้เกิดการออกแบบผลิตภัณฑ์และบริการดิจิทัลผ่าน 5G Application Lab, Software Convergence Center, Hardware and Smart Devices Lab, AR/VR/MR Lab, IoT Innovation Center และ Cloud Innovation Center รวมถึงการส่งเสริมให้เกิดต้นแบบนวัตกรรมผ่าน Maker Space ดีป้า จะเปลี่ยนผ่านร้านค้า ภาคธุรกิจอุตสาหกรรม เกษตรกรรม และชุมชนด้วยการส่งเสริมให้เกิดการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลผ่านการจับคู่กับดิจิทัลสตาร์ทอัพที่ได้มาตรฐาน เพื่อเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัลของประเทศ และสร้างระบบนิเวศดิจิทัลด้วยการขับเคลื่อนเมืองอัจฉริยะทั้ง 77 จังหวัด”นายณัฐพล กล่าว  นายณัฐพล กล่าวอีกว่า ดีป้า จะทำงานเพื่ออนาคตของคนไทย และพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลไทยให้อยู่ในระดับชั้นนำของโลกผ่านการมีส่วนร่วมจากภาคเอกชนและภาคประชาชน พร้อมรองรับอุตสาหกรรมแห่งอนาคต ทั้งอุตสาหกรรมดิจิทัลอุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร อุตสาหกรรมการบินและโลจิสติกส์ อุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ และอุตสาหกรรมหุ่นยนต์เพื่ออุตสาหกรรม โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ปี 2565 ดีป้า จะเป็นฟันเฟืองสำคัญที่ทำให้จีดีพีของอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัลไทยขยายตัวเฉลี่ยร้อยละ 1-สำนักข่าวไทย.

ดีอีเอสสั่งทีโอทีจัดระเรียบสายสื่อสารย่านธุรกิจ

กรุงเทพฯ 16 ธ.ค. ดีอีเอส มอบ ทีโอทีเก็บสายสื่อสารหลังสวนสีลม ลงดินให้เรียบร้อยต้นปี 64 นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีส่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ตรวจเยี่ยมงานนำสายสื่อสารลงดินบริเวณถนนหลังสวน ศาลาแดง และซอยคอนแวนต์ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอีเอส กล่าวว่า สายสื่อสารที่ไม่ได้ใช้งานหรือไม่เป็นระเบียบเป็นปัญหาที่มีมายาวนาน สายสื่อสารที่มีมากขึ้นมาจากความต้องการของประชาชนในการใช้บริการสื่อสาร จึงจำเป็นต้องเก็บรวบรวมให้เป็นระเบียบ สายตายที่ไม่ใช้ก็ให้เอาออก สายที่รวบกันได้ก็ให้รวมสาย หากจุดใดมีท่อร้อยสายก็สามารถนำลงดินได้ให้ดำเนินการได้เลย โดยให้เร่งดำเนินการให้เสร็จภายใน 1 เดือน กระทรวงดิจิทัลมอบให้บริษัททีโอที จำกัด (มหาชน) ดำเนินการ โดยประสานขอความร่วมมือกับผู้ให้บริการสื่อสาร คิดว่าหลังปีใหม่ 2564 จะมีความคืบหน้า  “กระทรวงฯ มองว่าการลงทุนดำเนินการครั้งนี้ เป็นโอกาสที่ดีที่ เมื่อ ทีโอที ควบรวมกิจการกับ กสท โทรคมนาคม เป็น บริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน)  (NT) จะทำให้เกิดความแข็งแกร่งของธุรกิจ เพราะจะเป็นผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐาน (Telecom Infrastructure) ที่สำคัญ เพื่อให้เกิดการพัฒนาด้านกิจการโทรคมนาคมของประเทศไทยให้มีความเจริญก้าวหน้า ประชาชนได้รับประโยชน์และใช้บริการโทรคมนาคมที่ทันสมัย และไม่ก่อให้เกิดภาระต่อการใช้งานของประชาชน ตั้งเป้าหมายการดำเนินการในโครงการจัดระเบียบสายสื่อสารตามแผนงาน แล็วเสร็จ เดือนสิงหาคม 2564” นายพุทธิพงษ์ กล่าว  นายมรกต เธียรมนตรี รักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ทีโอที กล่าวว่า ทีโอที พร้อมที่จะดำเนินการตามแนวนโยบายของกระทรวงฯ มาโดยตลอด ในการดำเนินการเพื่อจัดระเบียบสายสื่อสารให้เป็นระเบียบเรียบร้อยเพื่อให้เกิดประโยชน์กับสคม ประเทศชาติโดยรวม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เพื่อความปลอดภัยของประชาชน นักท่องเที่ยวที่ใช้เส้นทางสัญจร ขณะเดียวกัน ทีโอที พร้อมเป็นผู้ให้บริการ Infrastructure sharing เพื่อให้ผู้ให้บริการรายอื่นๆได้มาใช้บริการ-สำนักข่าวไทย.

ดีแทคแจงระบบล่มพลาดลงทะเบียนคนละครึ่ง

กรุงเทพฯ 16 ธ.ค. ดีแทคชี้แจงบริการทยอยกลับมาให้บริการได้ตามปกติแล้ว เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ระบบบางส่วนของดีแทค ซึ่งรวมถึงระบบ 1678 call center, dtac application, การรับข้อความรหัส OTP การชำระเงิน เติมเงินขัดข้อง ทำให้ลูกค้าของดีแทคไม่สามารถใช้บริการดังกล่าวได้ ซึ่งขณะนี้ มีบริการจ่ายเงิน เติมเงิน IVR, USSD, OTP ที่สามารถกลับมาให้บริการได้ตามปกติแล้ว ในขณะที่อาจยังมีบางบริการ ซึ่งรวมถึงดีแทคแอปพลิเคชันยังคงขัดข้องอยู่ ซึ่งดีแทคกำลังเร่งแก้ไขระบบเพื่อให้กลับมาให้บริการได้ครบทุกบริการโดยเร็วที่สุด ดีแทคเข้าใจถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและผลกระทบต่อลูกค้า และต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ ทั้งนี้ ดีแทคพร้อมที่จะแสดงความรับผิดชอบด้วยการประกาศมาตรการชดเชยให้กับลูกค้าที่ได้รับผลกระทบดังกล่าวต่อไป-สำนักข่าวไทย.

เอไอเอสชี้โควิด-19ดันธุรกิจเน็ตบ้านโตรับความต้องการเพิ่ม

กรุงเทพฯ 15 ธ.ค. เอไอเอสไฟเบอร์ ชี้โควิด-19 เปลี่ยนพฤติกรรมคนใช้เน็ตบ้าน ตั้งเป้าขึ้นท็อปทรี เน็ตบ้านปี 64 นายกิตติ งามเจตนรมย์ หัวหน้าฝ่ายงานบริหารธุรกิจฟิกซ์ บรอดแบนด์ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด(มหาชน) หรือ ADVANC กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าหมายในปี 2564 จะมีส่วนแบ่งทางการตลาด (มาร์เก็ตแชร์) ขึ้นเป็นอันดับ 3 ของผู้ให้บริการอินทอร์เน็ตบ้านในไทย เนื่องจากคาดฐานลูกค้าปี 2564 เติบโตมากกว่าร้อยละ 20 มาอยู่ที่ประมาณ 1.62 ล้านราย หรือมีมาร์เก็ตแชร์มากกว่าร้อยละ 14 จากสิ้นปี 2563 คาดมีฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นเป็น 1.35 ล้านราย หลังจาก ณ สิ้นไตรมาส 3/2563 บริษัทมีฐานลูกค้าอยู่ที่ 1.26 ล้านราย คิดเป็นมาร์เก็ตแชร์อยู่ที่ร้อยละ 12 อยู่ในอันดับ 4 โดยแผนธุรกิจอินเทอร์เน็ตในปี 2564 บริษัทมีแผนขยายพื้นที่ให้บริการเพิ่มเติมบริเวณนอกเมือง และอำเภอรอบนอกมากขึ้น ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น จากปัจจุบันที่ให้บริการทั้ง 77 จังหวัดทั่วประเทศ หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้พฤติกรรมลูกค้าเปลี่ยนแปลงไป โดยมีการใช้งานในต่างจังหวัดมากขึ้น จากเดิมที่การใช้งานกระจุกตัวอยู่ใน กทม.และมีใช้งานวันจันทร์-ศุกร์ สูงขึ้น จากเดิมใช้งานสูงในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ รวมถึงใช้งานในช่วงเวลา 08.00-18.00 น.มากขึ้น จากเดิมใช้งานมากในช่วง 20.00-00.00 น. ขณะเดียวกัน ขยายช่องทางจัดจำหน่ายร่วมกับพันธมิตรมากขึ้น ทั้ง Telecom Shop และ None Telecom Shop อาทิJmart, TG, Powerbuy, PowerMall, iStudio, .life, AIS Corner @ Family Mart, AIS Corner@Tops Daily, AIS Corner@Mini BigC และไปรษณีย์ไทย ให้ลูกค้าสมัครใช้บริการเอไอเอส ไฟเบอร์ ได้อย่างง่ายดายและสะดวกยิ่งขึ้น รวมไปถึงการดูแลการใช้งานแบบ Proactive เกาะติดทุกปัญหาของลูกค้าอย่างใกล้ชิดแบบบ้านต่อบ้านด้วยเทคโนโลยีทันสมัย พร้อมแก้ไขปัญหาได้อย่างทันท่วงทีในแบบที่ลูกค้าไม่ทันรู้ตัว ประกอบกับการนำเสนอบริการและนวัตกรรมใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง  นอกจากนี้ ยังมอบบริการหลังการขายที่ดี เพื่อประสบการณ์การใช้งานที่ดี ด้วยบริการจากทีมช่างคุณภาพ กับโครงการ Certification FTTx Course and Workers for Advanced Wireless Network โดยร่วมมือกับสาขาวิศวกรรมไฟฟ้าสื่อสาร ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า และศูนย์เชี่ยวชาญพิเศษ เฉพาะด้านเทคโนโลยีไฟฟ้ากำลัง คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อให้ลูกค้าได้คุณภาพงานติดตั้งที่ได้มาตราฐาน และมั่นใจเรื่องความปลอดภัย “ภาพรวมอุตสาหกรรมอินเทอร์เน็ตบ้านของไทยในปี 2563 คาดว่าจะมีจำนวนผู้ใช้งานอยู่ที่ 11.01 ล้านราย คิดเป็นสัดส่วนผู้ใช้งานต่อจำนวนประชากร (Penetration) อยู่ที่ร้อยละ 53.9 ของจำนวนครัวเรือนรวมในไทยที่มีอยู่ 20 ล้านครัวเรือน เติบโต ร้อยละ8.9 จากปีก่อน ทั้งนี้ ในส่วนของธุรกิจอินเทอร์เน็ตบ้านในปี 2563 มั่นใจว่าจำนวนลูกค้าจะเติบโตกว่าภาพรวมตลาดย่างแน่นอน ด้วยแนวคิด “เร็วกว่า ดีกว่า ง่ายกว่า” ครอบคลุม 3 ด้าน เพื่อมอบประสบการณ์เน็ตบ้านคุณภาพให้คนไทย” นายกิตติ กล่าว  ทั้งนี้ ล่าสุด AIS Fibre ได้รับรางวัล 2020 Asia-Pacific Fixed Broadband Service Provider of the Year หรือผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ยอดเยี่ยมในเอเชีย-แปซิฟิกประจำปี 2020 การันตีโดย Frost & Sullivan องค์กรให้คำปรึกษาทางธุรกิจและการวิจัยเชิงธุรกิจที่มีประสบการณ์มายาวนานกว่า 50 ปี โดยเอไอเอส ไฟเบอร์ เป็นผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์รายแรกของไทยที่ได้รับรางวัลนี้ ทั้งยังได้คะแนนสุงสุดเมื่อเทียบกับผู้ให้บริการอื่นๆ ในอีก 8 ประเทศของภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก โดยเกณฑ์การพิจารณารางวัล ประกอบด้วย ผลประกอบการ, การเป็นผู้นำนวัตกรรมใหม่ในอุตสาหกรรมเป็นรายแรกของไทย, ความมีวิสัยทัศน์ที่สอดคล้องกับเทรนด์ของโลก, ความมุ่งมั่นในการส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า, ความมุ่งมั่นตอบสนองความต้องการที่แท้จริง และการสร้างคุณค่าของแบรนด์อย่างต่อเนื่อง -สำนักข่าวไทย.

ทรูเปิดสตูดิโอปั้นคอนเทนท์เสมือนจริงปลุกกระแส5G

กรุงเทพฯ 15 ธ.ค. ทรูเปิด เปิด TRUE 5G XR STUDIO “ สตูดิโอผลิตคอนเทนต์ ดึงพันธมิตรปั้นคอนเทนท์แนวใหม่  กลุ่มทรู ผู้นำดิจิทัลไลฟ์สไตล์ครบวงจร  ได้ฤกษ์เปิดเมกะโปรเจคล่าสุด  ‘TRUE 5G XR STUDIO “ มิติใหม่ของปรากฏการณ์ ‘ TRUE 5G XPhenomenon’ ที่จะขับเคลื่อนชีวิต 5G อย่างเต็มรูปแบบ ผสานศักยภาพของทรู 5G เครือข่ายอัจฉริยะที่ครบกว่า แรงกว่า พร้อมพันธมิตรจากหลากหลายภาคส่วนร่วมพลิกโฉมชีวิตแห่งอนาคต  ร่วมเนรมิต TRUE 5G XR STUDIO ให้เป็นสตูดิโอผลิตคอนเทนต์แห่งอนาคตที่แรกในไทย เป็นแห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีวัตถุประสงค์ในการผลิตคอนเทนต์ในมิติใหม่ แบบ XR Content หรือ Extended Realityให้ภาพเสมือน TRUE 5G XR STUDIO จะผลิตคอนเทนต์ที่เหนือจินตนาการด้วย Virtual Production ผสมผสานทั้งรูปแบบของ VR Content (Virtual Reality) ที่ให้ประสบการณ์ 360 องศาเสมือนเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์หรือสถานที่จริง  และ AR Content (Augmented Reality) คอนเทนต์แบบ Volumetric 3 มิติที่ผู้ชมสามารถหมุนดูได้อย่างอิสระรอบด้านรวมถึง MR Content (Mixed Reality) โมเดล 3 มิติที่เมื่อรวมเข้ากับฉากของโลกจริงตรงหน้าจะทำให้เกิดประสบการณ์แปลกใหม่ทำให้คอนเทนต์ที่สร้างสรรค์จาก True 5G XR Studioแห่งนี้ เปิดประสบการณ์ใหม่ที่ล้ำกว่า ตอบสนองวิถีใหม่ของผู้บริโภคชาวไทย อีกทั้งตอกย้ำความตั้งใจของกลุ่มทรูที่จะนำเทคโนโลยีอัจฉริยะทรู5Gร่วมทำงานกับพันธมิตรหลากหลายสาขา เพื่อสร้างสรรค์ระบบนิเวศน์5Gด้านคอนเทนต์รูปแบบใหม่สร้างผลลัพธ์ที่ทวีคูณให้กับทุกภาคส่วนได้อย่างไม่รู้จบ ทำให้เปลี่ยนผ่านสู่ชีวิตยุคดิจิทัลได้อย่างเต็มรูปแบบ  สร้างปรากฏการณ์ใหม่ Digital Xponential #comeTRUE withTRUE5G ให้เกิดขึ้นในประเทศไทย… พร้อมชวนพบกับ ‘True 5G Music X Space’ ประสบการณ์ดนตรีรูปแบบใหม่ Xtraordinary Content กับศิลปินคนแรก‘ไบร์ท-วชิรวิชญ์ ชีวอารีเร็วๆ นี้ นายพิรุณ ไพรีพ่ายฤทธิ์ หัวหน้าคณะทำงานและกรรมการยุทธศาสตร์ 5G  บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่นกล่าวว่า 5G เป็นตัวเร่งที่สำคัญในการสร้างศักยภาพใหม่ให้กับประเทศไทย เพื่อที่จะเข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ ทรูได้ทำงานร่วมมือกับพันธมิตรที่มีวิสัยทัศน์ตรงกันหลายสาขา ทั้ง ดนตรี บันเทิง มีเดีย การศึกษา และธุรกิจดิจิทัล ความร่วมมือนี้จะพลิกโฉมอุตสาหกรรมการผลิตคอนเทนต์ให้เปลี่ยนไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง อีกทั้งเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญของการสร้างสรรค์คอนเทนต์ XR Content หรือ Extended Reality Content เพื่อเปิดประสบการณ์ใหม่ให้กับหลากหลายวงการ ตอบโจทย์วิถีใหม่ของชีวิตในเมืองอัจฉริยะ โดย ‘TRUE 5G XR STUDIO นี้จะมีทีมงานดิจิทัลคอนเทนต์ผู้เชี่ยวชาญในการผลิตคอนเทนต์ที่เหนือจินตนาการผสมผสานทั้งรูปแบบของ 1.  VR Content (Virtual […]

สกสว. เร่งแผนวิจัยเอไอการแพทย์

กทม. 15 ธ.ค.63 – สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.)  กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) จัดเวทีประชุมระดมสมอง “แผนงานวิจัย พัฒนา และนวัตกรรมเทคโนโลยีดิจิทัลปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) สำหรับงานทางด้านสุขภาพและการแพทย์” ของประเทศไทย รศ.ดร.พงศ์พันธ์ แก้วตาทิพย์ รองผู้อำนวยการ  สกสว. กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ทำให้เอไอมีความต้องการในการใช้งาน โดยเฉพาะในกลุ่มงานทางด้านสุขภาพการแพทย์ รวมถึงการที่ประเทศไทยได้เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ  ทำให้ประเทศจะต้องมีระบบสุขภาพและการรักษาทางการแพทย์ที่มีประสิทธิภาพ  เอไอจึงถูกนำมาใช้เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพทั้งในมิติของความรวดเร็ว ลดภาระงานของบุคลากรทางการแพทย์และพยาบาล ซึ่งการประชุมครั้งนี้ จะได้แลกเปลี่ยนทั้งมิติการผลิตองค์ความรู้และการต่อยอดเชิงพานิชย์  รวมทั้งการสนับสนุนงบประมาณการวิจัยและนวัตกรรมอย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับแผนงานวิจัยและนวัตกรรมดิจิทัลปัญญาประดิษฐ์ในแผนแม่บทแห่งชาติ ทั้งนี้ยังได้เปิดเวทีเสวนาเรื่องเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ด้านสุขภาพการแพทย์เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของไทย  นำเสนอภาพความจำเป็นเร่งด่วน ในการนำเอไอเฉพาะทางด้านการช่วยวินิจฉัยโรค ซึ่งถือเป็นโอกาสใหม่เชิงการแข่งขันของประเทศ ในส่วนของ (ร่าง) แผนแม่บทปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติเพื่อการพัฒนาประเทศไทย  เกิดจากความร่วมมือกันออกแบบของทุกภาคส่วน  โดยมีกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และ กระทรวง อว. เป็นเจ้าภาพหลัก ในร่างแผนแม่บทฉบับนี้ ระยะที่ 1 (พ.ศ.2564 – 2565)  นั้น มุ่งเน้น  […]

ทีโอทีจับมือกนอ.วางโครงสร้างสื่อสารความเร็วสูง14 นิคม1 ท่าเรือ

กรุงเทพฯ 15 ธ.ค. ทีโอที จับมือ กนอ.วางโครงสร้างพื้นฐานสื่อสารความเร็วสูง 14 นิคมอุตสาหกรรม 1 ท่าเรือ คาดปี 2565 ชัดเจน นางสาวจันทนา เตชะศิรินุกูล  รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ หน่วยธุรกิจดิจิทัลและผลิตภัณฑ์  บริษัท ทีโอทีจำกัด(มหาชน) กล่าวว่า  ทีโอทีได้ลงนามความร่วมมือ (เอ็มโอยู) โครงการวางระบบสื่อสารความเร็วสูง (Fiber to The Factory) กับ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.)  เพื่อร่วมกันศึกษาแนวทางการให้บริการโทรคมนาคมภายในนิคมอุตสาหกรรมของรัฐจำนวน 14 แห่ง และท่าเรืออุตสาหกรรม มาบตาพุด  1 แห่ง เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการติดต่อสื่อสารด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ให้เป็นศูนย์กลางของนิคมอุตสาหกรรมที่ได้มาตรฐานสากล  สามารถรองรับภารกิจ ด้านความมั่นคง และด้านเศรษฐกิจ ซึ่งถือเป็นภาคส่วนที่ขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจสอดคล้องกับความต้องการของผู้ประกอบการ และนักลงทุน ด้วยโครงการวางระบบสื่อสารความเร็วสูงด้วย Fiber to The Factory แนวทางในการทำงานร่วมกันนั้น ท๊โอที จะเป็นผู้ดำเนินการจัดระเบียบสายสัญญาณโทรคมนาคมภายในนิคมอุตสาหกรรมทั้งหมด จากเดิมที่แต่ละกิจการในนิคมอุตสาหกรรมเป็นผู้เดินสายเองจากผู้ให้บริการหลากหลาย ซึ่งเมื่อทีโอทีดำเนินการท่อร้อยสายเสร็จสิ้นก็จะเป็นโอกาสอันดีให้ผู้ให้บริการรายอื่นมาเช่าใช้ท่อร้อยสายของทีโอทีเพื่อให้บริการกับลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมได้ ลดการลงทุนซ้ำซ้อน และประหยัดเงินลงทุน อีกทั้งยังเป็นการปรับทัศนียภาพภายในนิคมอุตสาหกรรมให้สวยงาม พร้อมต่อยอดไปสู่การวางโครงสร้างพื้นฐาน 5G ในอนาคตด้วย ส่วนเรื่องเงินลงทุน หรือรูปแบบทางธุรกิจกับ กนอ. จะเป็นแนวทางใดนั้น ต้องศึกษาหาข้อสรุปร่วมกันก่อน จึงจะสามารถคาดการณ์การลงทุนร่วมกันได้ ด้านนางสาวสมจิณณ์ พิลึก ผู้ว่าการ กนอ. กล่าวว่า รัฐบาลกำหนดนโยบายที่ชัดเจนด้านส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมทั่วประเทศด้วยการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน เน้นการพัฒนาอุตสาหกรรมไปสู่อุตสาหกรรมที่ใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูงเป็นเครื่องมือในการให้บริการระบบสาธารณูปโภคอย่างมีประสิทธิภาพและมีความต่อเนื่อง ซึ่งในปี 2564 กนอ.มีแผนพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสารโทรคมนาคมเพื่อรองรับเทคโนโลยี5G โดยจะนำร่องในนิคมอุตสาหกรรมที่ กนอ.ดำเนินงานเอง 14 แห่ง และท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด  1 แห่ง  กนอ.ตั้งเป้าเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรม รวมทั้งยังเป็นการอำนวยความสะดวกด้านการติดต่อสื่อสาร โดยการ นำเทคโนโลยีที่เกี่ยวเนื่องกับ IoT มาใช้ในการประกอบกิจการ และช่วยลดต้นทุนการผลิตสินค้าและบริการ รวมทั้งสามารถให้บริการระบบสาธารณูปโภคของนิคมอุตสาหกรรมได้อย่างสะดวกรวดเร็ว สอดคล้องกับความต้องการของผู้ประกอบการและนักลงทุน ทั้งนี้เอ็มโอยู ดังกล่าว มีระยะเวลา 2 ปี โดยในปีแรกคือปี 2564 ทีโอที และ กนอ.จะลงพื้นที่และศึกษาหาข้อมูลว่าต้องลงทุนดำเนินการท่อร้อยสายมากน้อยเพียงใด ตลอดจนศึกษารูปแบบการทำธุรกิจร่วมกันว่าจะเป็นรูปแบบใดไดได้บ้าง เช่น การตั้งบริษัทลูกร่วมกัน เป็นต้น เพื่อให้โครงการดังกล่าวมีรายได้ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องรับความเสี่ยงร่วมกันในการทำการตลาดและหาลูกค้ามาใช้งานด้วย จากนั้นในปี 2565 ทั้ง 2หน่วยงานจะดำเนินธุรกิจอย่างเป็นรูปธรรม  สำหรับ 14 อุตสาหกรรมที่ กนอ. ดำเนินการเอง มีนิคมอุตสาหกรรมที่ดำเนินการแล้ว 13 แห่ง จำนวนผู้ประกอบกิจการและโรงงาน ทั้งสิ้น 1,746 ราย และ อีก 1 แห่ง ที่ อ.สะเดา จ.สงขลา อยู่ระหว่างการก่อสร้างระยะที่ 1 ส่วนท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด  มีจำนวนผู้ประกอบกิจการและโรงงานทั้งสิ้น 22 ราย -สำนักข่าวไทย.

กสทช.ผนึกโอเปอเรเตอร์ตั้งทีทีซีเสิร์ท

กรุงเทพฯ 14 ธ.ค. กสทช.จับมือ 9 โอเปอเรเตอร์ ตั้งศูนย์ประสานงานรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางคอมพิวเตอร์โทรคมนาคม พลเอก สุกิจ ขมะสุนทรประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการ รักษาการเลขาธิการกสทช. นายวิเชาวน์ รักพงษ์ไพโรจน์ นายกสมาคมโทรคมนาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ (สทค) นายสืบศักดิ์ สืบภักดี เลขาธิการ สมาคมโทรคมนาคมฯพร้อมทั้งนายวีระ รัตนแสงเสถียร หัวหน้าคณะทำงานดำเนินการศูนย์รักษาความปลอดภัยระบบคอมพิวเตอร์ด้านโทรคมนาคม (TTC-CERT) แถลงถึงความร่วมมือในข้อตกลงระหว่างสมาคมโทรคมนาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ร่วมกับผู้ให้บริการโทรคมนาคม9 รายในการจัดตั้งศูนย์ประสานงานรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางคอมพิวเตอร์ด้านโทรคมนาคม (TTC-CERT)โดยทีทีซีเซิร์ทได้รับทุนสนับสนุนในการจัดตั้งจาก กสทชตามพ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์พ.ศ. 2562 ที่มีผลบังคับใช้แล้ว ในการทำให้เกิดความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ในการให้บริการโทรคมนาคม ให้มีความมั่นคงปลอดภัยในการบริการผู้ใช้งาน และยังเป็นการพัฒนากิจการโทรคมนาคม ของประเทศไทยให้มีความเจริญก้าวหน้า สามารถก้าวทันเทคโนโลยีที่พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว และมีมาตรฐานในด้านความมั่นคงปลอดภัยเป็นที่ยอมรับในระดับสากล ผู้บริหารระดับสูงของทั้ง กสทช สทค และผู้ประกอบการโทรคมนาคม ทั้ง 9 ราย เห็นพ้องกันว่าความร่วมมือที่เกิดขึ้นนับว่าเป็นความร่วมมือระหว่างผู้ประกอบการในการจัดตั้งทีทีซีเซิร์ทเพื่อเฝ้าระวังภัยคุกคามทางไซเบอร์และทำแลกเปลี่ยนข้อมูลภัยคุกคามระหว่างกันอย่างเป็นรูปธรรม แก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างทันท่วงที ซึ่งทำให้ประชาชนสามารถผู้ใช้บริการมีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น โดยเป็นผลมาจากการร่วมแรงร่วมใจกันอย่างจริงจังของทุกภาคส่วนในแวดวงโทรคมนาคม และพร้อมที่จะพัฒนาและขยายความร่วมมือในด้านอื่นๆ เพื่อสนับสนุนการบริการด้านโทรคมนาคมอันเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนเศรษฐกิจดิจิทัลและประเทศไทย 4.0  นายวิเชาวน์ กล่าวว่า การจัดตั้งทีทีซีเซิร์ท เป็นการพัฒนา สนับสนุน ส่งเสริม และสร้างความตระหนักในด้านการดูแลรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ให้การให้บริการโทรคมนาคม มีความมั่นคงปลอดภัย มีความเจริญก้าวหน้าสามารถก้าวทันเทคโนโลยีที่พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว มีมาตรฐานในด้านความมั่นคงปลอดภัยเป็นที่ยอมรับในระดับสากล โดยทีทีซีเซิร์ทจะรวมถึงการวิจัยและพัฒนาระบบการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและภัยคุกคามทางไซเบอร์พร้อมทั้งเชื่อมต่อเข้ากับระบบป้อนข้อมูลจากฐานข้อมูลอัจฉริยะ การพัฒนาบุคลากรในกิจการโทรคมนาคมให้มีความรู้ในด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ และเป็นการยกระดับความมั่นคงปลอดภัยจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ให้กับอุตสาหกรรมโทรคมนาคมและผู้ใช้บริการโทรคมนาคม พร้อมทั้งการสร้างความตระหนักและการเผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์สาธารณะอีกด้วย นายวีระ กล่าวว่า ผู้ให้บริการโทรคมนาคมชั้นนำทั้ง 9 ราย เห็นพ้องกันว่าความร่วมมือที่เกิดขึ้นนับว่าเป็นความร่วมมือที่สำคัญระหว่างผู้ให้บริการ และสมาคมฯ ในการจัดตั้ง การวิจัยและพัฒนา และการร่วมกันบริหารจัดการศูนย์ทีทีซีเซิร์ทเพื่อเฝ้าระวังภัยคุกคามทางไซเบอร์ ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพและอย่างทันท่วงที อันจะทำให้ประชาชนผู้ใช้บริการมีความมั่นใจในการใช้บริการมากยิ่งขึ้น-สำนักข่าวไทย.

ซีเนียร์คอมเชื่อถึงยุคอุตฯรถยนต์ปรับระบบไอทีรอบใหม่

กรุงเทพฯ 14 ธ.ค. ซีเนียร์คอมแนะค่ายผู้ผลิตรถยนต์ ทุกค่ายต้องเตรียมยกแผงระบบบริการหลังการขายเข้าสู่ระบบดิจิทัลยุคใหม่ เหตุระบบเดิมล้าสมัยอย่างหนักและสร้างปัญหาให้บริการลูกค้า เชื่อรายใดไม่ปรับถึงขั้นล่มสลาย นายสมเกียรติ อึงอารี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีเนียร์คอม ที่ปรึกษาในการว่งระบบคอมพิวเตอร์ กล่าวว่า วงการรถยนต์กำลังเข้าสู่การเปลี่ยนแปลง หรือการเปลี่ยนผ่าน จากระบบดิจิทัลแบบเก่าเข้าสู่ระบบใหม่ภายใน 2 ปีนี้ ที่ผ่านมาค่ายผู้ผลิตรถยนต์มุ่งเน้นแต่การพัฒนากระบวนการผลิต มุ่งสู่การเป็นอุตสาหกรรม 4.0 นำหุ่นยนต์ทันสมัยมาช่วยผลิต เพื่อลดต้นทุน และสร้างรถยนต์สมัยใหม่รองรับความต้องการที่มากขึ้นของลูกค้า แต่ขณะเดียวกันกับละเลยการบริการหลังการขายที่ขณะนี้ยังเป็นเทคโนโลยีเก่า มีความซับซ้อน และการเข้าถึงข้อมูลของลูกค้ายังยาก ทำให้การสร้างประสบการณ์แบบใหม่ที่ลูกค้าหรือผู้ใช้รถยนต์เข้ามามีส่วนร่วมมีน้อยเกินไป “ระบบดูแลหลังการขายของค่ายรถยนต์บางส่วนยังเป็นระบบที่เก่ามากอย่าง Client Server ศูนย์รถยนต์แต่ละแห่งต้องลงทุนจำนวนมาก แต่กลับได้ระบบที่ล้าสมัย อย่างไรก็ตามศูนย์ฯไม่สามารถปฏิเสธระบบนี้ได้ เพราะผู้ผลิตรถยนต์ยังบังคับให้ใช้ระบบเดียวกันมาตลอด หรือบางค่ายรถยนต์สร้างโมดูลซอฟต์แวร์การบริการจากหลากหลายผู้ผลิตซอฟต์แวร์ทำให้การทำงานเชื่อมต่อเกิดปัญหาในการใช้งานจริงมากมาย ทำให้ศูนย์ฯต่างๆ กลืนไม่เข้าคายไม่ออกในช่วงที่ผ่านมา” นายสมเกียรติกล่าว การดูแลหลังการขายที่ขาดการนำระบบทันสมัยมาใช้งาน แต่วงการสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในประเทศไทยกลับมาความก้าวหน้าอย่างสูง บริษัทลีสซิ่งจำนวนมากได้ใช้ความสามารถใหม่ของระบบ e-banking จนทำให้เห็นชัดเจนว่าถ้าบริษัทใดไม่มีการปรับตัวไม่นำระบบดิจิทัลใหม่ๆ มาใช้ จะทำให้ธุรกิจนี้อาจล้มเลิกกิจการไปได้ แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของระบบการดูแลลูกค้าผู้ซื้อรถยนต์หลังการขายจะมีการเปลี่ยนแปลงภายใน2 ปีนี้แน่นอน และจะเป็นการเปลี่ยนแปลงในระดับโลกไม่ใช่แค่ประเทศไทยเท่านั้น เพราะการแข่งขันจะสูงมากขึ้นขณะที่ผู้ซื้อจะเรียกร้องและต่อต้านการเป็นเสือนอนกินของค่ายรถยนต์อย่างเช่นที่ผ่านมา ผู้ซื้อจะคำนึงถึงคุณภาพการผลิตและการบริการหลังการขายที่เป็นระบบดิจิทัลสมัยใหม่ในสัดส่วนร้อยละ 50-50 ดังนั้นกระบวนการเปลี่ยนแปลงจะส่งผลต่ออุตสาหกรรมปลายทางของธุรกิจรถยนต์ทั้งระบบในไม่ช้า ซีเนียร์คอมที่พัฒนาซอฟต์แวร์ในกลุ่มรถยนต์มากว่า 20 ปี และได้คาดการณ์แนวโน้มเทคโนโลยีในกลุ่มนี้มาโดยตลอด โดยเฉพาะระบบ Dealer Shop ที่มีศูนย์บริการรถยนต์ในปัจจุบันใช้อยู่ถึงร้อยละ 30 ในประเทศไทย ได้มีการทุ่มทุนทางด้านการวิจัยและพัฒนาในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เพื่อยกระดับซอฟต์แวร์กลุ่มนี้เข้าสู่ระบบปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI และระบบ Machine Learning ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมยุคใหม่ โดยมุ่งเน้นการเป็นคู่ค้าทางความคิดร่วมกับค่ายผู้ผลิตรถยนต์ แตกต่างจากเดิมคือการทำซอฟต์แวร์ตามสั่ง ที่สำคัญจะเพิ่ม UX ใหม่ ที่จะทำให้ผู้ใช้เกิดประสบการณ์ที่ประทับใจ และสามารถเรียนรู้ซึ่งกันและกันได้ โดยใช้งบประมาณวิจัยกว่า 30 ล้านบาท และจะวิจัยต่อเนื่องไปอีก 5 ปีเพื่อให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงใหญ่ครั้งนี้ “การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ขึ้นกับการตัดสินใจของค่ายผู้ผลิตรถยนต์เป็นหลัก ขณะนี้เทคโนโลยีพร้อม โครงสร้างพื้นฐานเหมาะสม และใช้งบประมาณไม่สูงมากเหมือนในอดีต เชื่อว่าหากค่ายผู้ผลิตรถยนต์ที่ตัดสินใจเปลี่ยนแปลงล่าช้าจะเสียเปรียบการแข่งขันในตลาดอย่างแน่นอน” นายสมเกียรติกล่าวสรุป-สำนักข่าวไทย.

กูเกิลเผยคำค้นหายอดนิยม 2020

กรุงเทพฯ 9 ธ.ค. -กูเกิลประกาศคำค้นหายอดนิยมประจำปี 2563 โดยแสดงให้เห็นถึงภาพรวมของทั้งปีที่ผ่านมา  สถานการณ์โควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่และการดำเนินธุรกิจของประชาชนทั้งประเทศ ส่งผลให้คนไทยตอบรับกับโครงการที่รัฐบาลมีนโยบายออกมาช่วยเยียวยาประชาชนทั้งเพื่อลดรายจ่ายและช่วยฟื้นฟูกระตุ้นเศรษฐกิจทำให้ 5 ใน 10 ของคำค้นหายอดนิยมปีนี้มาจากโครงการของรัฐบาล ได้แก่ “เราไม่ทิ้งกัน” “คนละครึ่ง” “เยียวยาเกษตรกร” “เราเที่ยวด้วยกัน” และ “ลงทะเบียนรับเงินค่าไฟ”   ตลอดปีนี้ผู้คนยังคงให้ความสนใจค้นหาข้อมูลการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง โดย “โควิด-19” ติดอันดับ3 และนับเป็นครั้งแรกที่การค้นหาด้านการศึกษาติดอันดับ 2 ใน 10 ได้แก่ “DLTV” และ “สมัครสอบ ก.พ.” ส่วนการค้นหาข่าวการเมืองที่ทั่วโลกต่างจับตามอง โดย “US Election 2020” ก็ติดอยู่ในโผคำค้นหายอดนิยมด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ ผลจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังทำให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมความสนใจค้นหาของผู้คนในการทำกิจกรรมผ่านออนไลน์เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ได้อย่างชัดเจน โดย “เรียนออนไลน์” “ลอยกระทงออนไลน์” “ยื่นภาษีออนไลน์” “เวียนเทียนออนไลน์” และ “อบรมใบขับขี่ออนไลน์” ติดโผอันดับ  1 -5 ตามลำดับ   ด้านข่าวเด่นในปีนี้ ผู้คนให้ความสนใจต่อเหตุการณ์ใหญ่ๆ ที่เกิดขึ้นค่อนข้างหลากหลาย โดยการค้นหาคำที่เกี่ยวข้องกับโรคระบาดและสุขภาพติดอันดับ 1 คือ “โควิค-19” ด้าน “ไวรัส RSV” ติดอันดับที่ 4 ส่วนข่าวด้านการเมืองระดับโลกติดอันดับที่ 2 คือ “US Election 2020” ด้านข่าวคดีสะเทือนขวัญและอุบัติเหตุที่คนไทยทั้งประเทศให้ความสนใจติดตามค้นหาติดอันดับ 4 ใน 10 ได้แก่ “ข่าวน้องชมพู่” “กราดยิงโคราช” “โจรปล้นทอง” และ “รถไฟชนรถบัส” รวมทั้ง ข่าวปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ได้แก่ “สุริยุปราคา 2563” และข่าวภัยธรรมชาติ “พายุเข้าไทย” ก็ติดอันดับในปีนี้ด้วยเช่นกัน ด้านหมวดสถานที่ท่องเที่ยว เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ผู้คนต้องระงับการเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศในช่วงปีนี้ ส่งผลให้คนไทยหันมาสนใจค้นหาสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศที่มีบรรยากาศของความเป็นธรรมชาติเป็นภูเขาและมีอากาศที่เย็นสบายแทน ได้แก่ “เชียงใหม่” “เชียงราย” “เขาค้อ” และ “กาญจนบุรี” ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวที่มีบรรยากาศแบบทะเลและชายหาดที่สวยงามที่ติดโผในปีนี้ ได้แก่ “สุราษฎร์ธานี” “พัทยา” “หัวหิน” “ประจวบคีรีขันธ์” “ระนอง” และ “ระยอง”  ส่วนในหมวด “วิธี” ปีนี้ คนไทยให้ความสนใจค้นหาวิธีต่างๆ เพื่อให้สอดคล้องกับการดำรงชีวิตในยุคนิวนอร์มอลและเพื่อรับสิทธิประโยชน์ต่างๆ โดยมี “วิธีใช้คนละครึ่ง” ติดโผอันดับ 1 ส่วน “วิธีลงทะเบียนค่าไฟ” “วิธีทำหน้ากากอนามัย” “วิธีทำเจลล้างมือ” “วิธีลงทะเบียนรับเงิน 5,000” “วิธีลงทะเบียนเยียวยาเกษตรกร” และ “วิธีแก้เครียด” ก็ติดโผอันดับที่ 2-7 เช่นกัน-สำนักข่าวไทย.

1 5 6 7 8 9 51
...