นายกฯ พอใจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตฯ พ.ย. เพิ่มขึ้น

ทำเนียบฯ 9 ธ.ค.- โฆษกรัฐบาลเผยนายกฯ พอใจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือน พ.ย. ปรับตัวเพิ่มขึ้น ผลจากการเปิดประเทศ ผ่อนคลายกิจกรรมเศรษฐกิจ และมาตรการรัฐ ขณะที่เอกชนมั่นใจเศรษฐกิจไทยปี 2565 ขยายตัวต่อเนื่อง แม้พบการระบาดโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน


นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมพอใจภาพรวมเศรษฐกิจไทยหลังเปิดประเทศดีขึ้นอย่างชัดเจน เป็นผลมาจากความสำเร็จของรัฐบาลในการผ่อนคลายกิจการทางเศรษฐกิจ โดยที่ยังสามารถควบคุมตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ในไทยต่ำลง ได้รับเสียงตอบรับจากผู้ประกอบการ ภาคเอกชน โดยผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนพฤศจิกายน 2564 โดยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ระดับ 85.4 จากระดับ 82.1 ในเดือนตุลาคม ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน เป็นผลมาจากรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 อย่างค่อยเป็นค่อยไปให้สอดคล้องกับสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศที่มีแนวโน้มคลี่คลายลง เช่น การปรับลดพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ยกเลิกมาตรการห้ามออกนอกเคหสถาน (เคอร์ฟิว) รวมถึงการอนุญาตให้สถานที่หรือกิจการบางประเภทสามารถเปิดดำเนินการได้ภายใต้ภายใต้มาตรการ Covid Free Setting อาทิ ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร สถานเสริมความงาม สถานที่ออกกำลังกาย เป็นต้น 

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยหนุนจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ทั้งกำหนดพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว 4 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร กระบี่ พังงา และภูเก็ต รองรับการเปิดประเทศวันที่ 1 พฤศจิกายน  2564  ทำให้ขณะนี้เศรษฐกิจเริ่มปรับตัวดีขึ้น อุปสงค์ในประเทศก็ทยอยฟื้นตัวจากคำสั่งซื้อและยอดขายสินค้าอุตสาหกรรมที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์และเครื่องจักรกล กลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มอุตสาหกรรมก่อสร้างและเครื่องใช้ในบ้าน รวมถึงกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและยา การส่งออกเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าสำคัญ เช่น สหรัฐฯ จีน อาเซียน และอินเดีย เป็นต้น ทั้งนี้ มุมมองภาคเอกชน โดยคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน  (กกร.) ได้แก่ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยและสมาคมธนาคารไทย ยังเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจไทยมีศักยภาพที่จะเติบโตดีขึ้นในปี 2565 แม้การระบาดของสายพันธุ์โอไมครอน โดยคาดว่าเศรษฐกิจไทยปี 2565 จะขยายตัวได้ในกรอบ 3 – 4.5% สอดคล้องกับ สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) ที่ได้ประเมินสถานการณ์หลังพบผู้ติดเชื้อโอไมครอน ไม่กระทบต่อบรรยากาศเศรษฐกิจในระยะสั้นและยังมั่นใจ การส่งออกปี 65 คาดว่าขยายตัวได้ถึง 5-8 %


นายธนกร กล่าวว่า เพื่อให้เศรษฐกิจของประเทศไทยสามารถขับเคลื่อนต่อไปได้โดยไม่สะดุดภายใต้การเดินหน้ามาตรการคู่ขนานควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 และเดินหน้ากิจกรรมทางเศรษฐกิจ  โดยยอดส่งออกในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-ต.ค.64) ขยายตัวที่ 15.65% มูลค่า 2.2 แสนล้านดอลลาร์ และในปี 64  ทั้งปี อาจเติบโตได้ถึง 15%  ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรียังเร่งเดินหน้ามาตรการระยะสั้น คือ พยุงภาคเศรษฐกิจที่เปราะบาง  สร้างการจ้างงาน เพิ่มกำลังซื้อในระดับครัวเรือน ผ่อนคลายนโยบายการเงินอย่างต่อเนื่อง  ขณะที่มาตรการระยะปานกลางและระยะยาวเน้นส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมการสมัยใหม่  ดึงดูดชาวต่างประเทศที่มีศีกยภาพสูง ขจัดอุปสรรคกฎระเบียบที่ล้าสมัย  นายกรัฐมนตรีขอเพียงคนไทยไม่หวั่นวิตกเกินไป  และปฏิบัติตนเองได้อย่างถูกต้องปลอดภัย เราก็สามารถอยู่ร่วมกับโควิด-19 ได้.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชิงทอง

สอบเครียด! คนร้ายชิงทอง 113 บาท สารภาพเอาไปจำนำบางส่วน

สอบเครียดทั้งคืน ผู้ต้องหาชิงทอง 113 บาท รับสารภาพนำทองไปจำนำบางส่วน ซื้อเบ้าหลอมเพื่อให้ยากต่อการติดตามของตำรวจ

เมียวดีระส่ำ! ปั๊มเหลือน้ำมันสำรองได้อีก 3-4 วัน

เมียวดีระส่ำหนัก หลังไทยตัดกระแสไฟฟ้า-อินเทอร์เน็ต-น้ำมันข้ามชายแดน โดยเฉพาะน้ำมันขาดแคลนหนัก ปั๊มน้ำมันกว่า 20 แห่ง เหลือน้ำมันสำรองได้อีก 3-4 วัน ประธานหอการค้าเมียวดี เรียกร้องรัฐบาลไทยทบทวน อยากให้ 2 ประเทศ ร่วมกันปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้ถูกจุด

ข่าวแนะนำ

ไทยตอนบนอุณหภูมิลด 1-3 องศาฯ อีสานอากาศเย็นถึงหนาว

กรมอุตุฯ รายงานไทยตอนบนอุณหภูมิลดลง 1-3 องศาฯ กับมีลมแรง อีสานอากาศเย็นถึงหนาว ส่วนภาคเหนือ กลาง รวมทั้งกรุงเทพฯ และปริมณฑล ตะวันออก และภาคใต้ตอนบน อากาศเย็นตอนเช้า ส่วนภาคใต้ฝั่งตะวันออกมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง

ทำแผนชิงทอง

คุมทำแผนโจรบุกเดี่ยวชิงทอง 113 บาท

คุมตัวทำแผน โจรบุกเดี่ยวชิงทอง 113 บาท ในห้างฯ ย่านลำลูกกา สารภาพนำทองไปจำนำบางส่วน และซื้ออุปกรณ์หลอมทองเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่