สหรัฐฯ-จีนทำข้อตกลงการค้า ดันสินค้าไทยแข่งขันส่งออกเพิ่ม

นนทบุรี 25 มิ.ย.-สนค.วิเคราะห์ผลการทำข้อตกลงเศรษฐกิจการค้าระยะแรกระหว่างสหรัฐฯ กับจีนครบรอบ 1 ปี พบจีนนำเข้าจากสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น แต่ยังไม่ถึงเป้าหมาย ส่วนไทยไม่ได้รับผลกระทบ เหตุสินค้าที่จีนตกลงนำเข้าจากสหรัฐฯ ไทยยังส่งออกได้เพิ่มขึ้น ทั้งอุตสาหกรรมและเกษตร แนะปรับแผนรักษาตลาด เพิ่มส่วนแบ่งตลาด ใช้กลยุทธ์ออฟไลน์ ออนไลน์เจาะตลาด 


นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า เปิดเผยถึงการติดตามความคืบหน้าการค้าสินค้าภายใต้ข้อตกลงเศรษฐกิจการค้าระยะแรกระหว่างสหรัฐฯ และจีน ที่บังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 14 ก.พ. 2563 หรือกว่า 1 ปี ว่า จากการวิเคราะห์ข้อมูลการค้าปี 2563 พบว่าจีนนำเข้าสินค้าภายใต้ข้อตกลงฯ จากสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 1.22 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือร้อยละ 13.94 สูงกว่าอัตราการขยายตัวของการนำเข้าสินค้าโดยรวมของจีนจากสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้น ร้อยละ 10.41 แต่ยังไม่บรรลุเป้าหมายการนำเข้าที่กำหนด เนื่องจากจีนสามารถนำเข้าสินค้าได้เพียงร้อยละ 57.70 ของเป้าหมายปีแรกเท่านั้น โดยกลุ่มสินค้าที่จีนสามารถนำเข้าได้ใกล้เคียงกับเป้าหมายปีแรกมากที่สุด คือ สินค้าเกษตร ร้อยละ 64.36 ของเป้าหมาย ตามด้วยสินค้าอุตสาหกรรม ร้อยละ 59.68 และสินค้าพลังงาน ร้อยละ 39.14 และเมื่อพิจารณาในแต่ละกลุ่มสินค้า พบว่า ในกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม จีนบรรลุเป้าหมายเพียงสินค้าเดียว คือ เวชภัณฑ์ ขณะที่อากาศยานเป็นสินค้าอุตสาหกรรมที่จีนนำเข้าต่ำกว่าเป้าหมายมากที่สุด ในกลุ่มสินค้าเกษตร จีนสามารถนำเข้ามากกว่าเป้าหมาย 3 รายการ ได้แก่ เนื้อสัตว์ ธัญพืช และฝ้าย แต่ยังคงนำเข้าเมล็ดถั่วเหลืองต่ำกว่าเป้าหมายถึง 1.06 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับกลุ่มสินค้าพลังงาน จีนยังคงนำเข้าต่ำกว่าเป้าหมายในทุกสินค้า

ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาสินค้าที่จีนนำเข้าจากสหรัฐฯ ภายใต้ข้อตกลงระหว่างสหรัฐฯ กับจีน เทียบกับการส่งออกของไทยไปจีนในสินค้ากลุ่มเดียวกัน พบว่า จีนยังนำเข้าสินค้าจากไทยเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 6.40 โดยสินค้าอุตสาหกรรมและสินค้าเกษตร เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.81 และ 10.49 ตามลำดับ แต่นำเข้าสินค้าพลังงานจากไทยลดลงร้อยละ 36.55 จากแรงกดดันด้านราคาน้ำมันดิบที่ลดลงทั่วโลก และเมื่อพิจารณาสินค้าภายใต้ข้อตกลงฯ 538 รายการ มีสินค้าที่ไทยแข่งขันได้ดีเยี่ยม 88 รายการ เช่น เครื่องมือที่ใช้งานด้วยมือแบบนิวเมติก/แบบไฮดรอลิก/แบบมีมอเตอร์ รถยนต์และยานยนต์สำหรับขนส่งบุคคล ส้มสดหรือแห้ง เนื้อปลาแบบฟิลเล อำพันขี้ปลา ปลาแช่เย็นจนแข็ง บิวเทน ซึ่งจีนยังคงนำเข้าจากไทยเพิ่มขึ้นแม้ว่าจะนำเข้าจากโลกลดลง และสินค้าที่ไทยยังแข่งขันได้ดี 100 รายการ เช่น คอมพิวเตอร์ วงจรรวมอิเล็กทรอนิกส์ อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์และไดโอด มันสำปะหลัง ผลไม้สด เช่น ทุเรียน ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการโดยรวมของจีนที่เพิ่มขึ้น โดยการนำเข้าสินค้าที่ไทยแข่งขันได้ดีเยี่ยมและดี ยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ปัจจุบันจีนนำเข้าสินค้าสองกลุ่มนี้จากไทยเป็นสัดส่วนเกือบร้อยละ 80 ของมูลค่าการนำเข้าสินค้าภายใต้ข้อตกลงฯ ทั้งหมด ที่จีนนำเข้าจากไทย สะท้อนว่าไทยสามารถใช้ศักยภาพในการส่งออกได้ดี


อย่างไรก็ตาม มีสินค้าไทยส่วนหนึ่งที่ได้รับผลกระทบ โดยจีนนำเข้าจากไทยลดลงในปี 2563 เช่น น้ำมันปิโตรเลียมดิบและน้ำมันดิบ เครื่องยนต์สันดาปภายในแบบลูกสูบ เครื่องคำนวณและแสดงข้อมูลแบบพกพา น้ำตาลทราย โดยสินค้าเหล่านี้มีมูลค่า 1 ใน 5 ของมูลค่าการนำเข้าสินค้าที่อยู่ภายใต้ข้อตกลงฯ ทั้งหมดของจีนจากไทย ทั้งนี้ มีสินค้าหลายตัวในกลุ่มนี้ที่จีนกลับมานำเข้าจากไทยเพิ่มขึ้นในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2564 อาทิ เคมีภัณฑ์ (เช่น อะไซคลิกแอลกอฮอล์ อีพอกไซด์) เลนส์ ปริซึม กระจกเงา เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ ตัวต้านทานไฟฟ้า เครื่องสำอาง เสริมความงาม กุ้ง ปู สดแช่เย็น แช่แข็ง น้ำตาลทราย และพืชผักที่ปรุงแต่งทำไว้ไม่ให้เสีย

นอกจากนี้ ในช่วงที่เหลือของปี 2564 ไทยอาจเผชิญแรงกดดันจากการที่จีนต้องเร่งนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ ในหลายกลุ่มสินค้า เนื่องจากในปีแรก จีนนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ ได้เพียงร้อยละ 57.70 ของเป้าหมาย ผู้ประกอบการไทยต้องเตรียมรับมือกับการแข่งขันในตลาดจีนที่อาจรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะสินค้าที่จีนนำเข้าจากสหรัฐฯ ลดลงในปีที่ผ่านมา เช่น รถยนต์และยานยนต์สำหรับขนส่งบุคคล เครื่องพิมพ์ คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์และไดโอด ผลิตภัณฑ์จากไม้บางชนิด ไซคลิกไฮโครคาร์บอน โทรศัพท์ มอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องกำเนิดไฟฟ้า ซึ่งจีนอาจต้องเร่งนำเข้าจากสหรัฐฯ มากขึ้นเป็นพิเศษ ซึ่งต้องติดตามสถานการณ์ระหว่างสหรัฐฯ และจีนอย่างใกล้ชิด เนื่องจากฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีไบเดนอยู่ระหว่างทบทวนนโยบายการค้าต่อจีน และให้ความสำคัญมากกับการติดตามความคืบหน้าการดำเนินการตามข้อตกลงระยะแรกของจีน ควบคู่ไปกับการประเมินผลจากการใช้/ยกเว้นมาตรการภาษีกับสินค้าจีนภายใต้สงครามการค้า โดยต้องติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไปว่านโยบายและท่าทีของสหรัฐฯ ต่อจีนในอนาคตจะเป็นอย่างไร

ทั้งนี้ สนค.แนวทางเชิงรุกในการขยายตลาดส่งออกไปจีน ในสินค้ากลุ่มที่ไทยสามารถแข่งขันได้ดีเยี่ยมและดี จะต้องส่งเสริมการส่งออกอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาหรือขยายส่วนแบ่งตลาดของไทย ส่วนสินค้าที่จีนนำเข้าจากไทยลดลง ต้องพิจารณาถึงปัญหา อุปสรรค และหาสาเหตุ โดยต้องเร่งพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขัน เช่น มุ่งเน้นจุดขายด้านคุณภาพและมาตรฐานสินค้าไทย เพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาด ควบคู่กับการขยายการส่งออกไปยังตลาดสำคัญอื่น ๆ และตลาดที่เติบโตสูงโดยในปี 2564 นี้ กระทรวงพาณิชย์ได้เตรียมจัดกิจกรรมส่งเสริมการส่งออกไปตลาดจีนไว้มากมาย ทั้งในรูปแบบออฟไลน์ (การส่งเสริมการขายในห้างสรรพสินค้าและซูเปอร์มาร์เก็ต) และออนไลน์ (การจับคู่ธุรกิจแบบออนไลน์ การส่งเสริมสินค้าไทยบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซชั้นนำ เช่น Tmall, JD และ Taobao) ตลอดจนรูปแบบไฮบริด เช่น การเข้าร่วมงานแสดงสินค้าในรูปแบบ Mirror & Mirror  โดยเฉพาะสินค้าที่มีโอกาสสูง เช่น ผลไม้ ยางพารา ข้าว สินค้าอาหารและเครื่องดื่ม สินค้าฮาลาล สินค้าสุขภาพและความงาม สินค้าไลฟ์สไตล์และแฟชั่น เครื่องใช้ไฟฟ้า ตลอดจนสินค้าและบริการอื่น ๆ เพื่อบุกตลาดเมืองรองและย่านเศรษฐกิจสำคัญ รวมทั้งการส่งเสริมผู้ประกอบการใช้ประโยชน์จากข้อตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน และเร่งรัดการจัดทำ Mini FTA กับมณฑลไห่หนานของจีน เพื่อกระชับความสัมพันธ์ทางการค้า  และทำให้สินค้าไทยเข้าถึงตลาดที่มีจำนวนคนและกำลังซื้อมหาศาลได้อย่างมีประสิทธิภาพ


อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงเศรษฐกิจการค้าระยะแรกระหว่างสหรัฐฯ และจีน ที่เริ่มบังคับใช้ตั้งแต่ 14 ก.พ. 2563 มีเนื้อหาครอบคลุมประเด็นเศรษฐกิจต่าง ๆ รวมถึงการขยายการค้าระหว่างสองประเทศ โดยจีนตกลงที่จะซื้อสินค้าและบริการจากสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากมูลค่าในปี 2560 ไม่น้อยกว่า 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในเวลา 2 ปี (1 ม.ค. 2563–31 ธ.ค. 2564) ประกอบด้วย 1. สินค้าอุตสาหกรรม เช่น เครื่องจักร อุปกรณ์ไฟฟ้า ยานพาหนะ 2. สินค้าเกษตร เช่น เมล็ดพืช น้ำมัน เนื้อสัตว์ อาหารทะเล 3. สินค้าพลังงาน เช่น ก๊าซธรรมชาติ น้ำมัน และ 4. บริการ เช่น การท่องเที่ยว การประกันภัย และหลักทรัพย์ โดยเป้าหมายการค้าสินค้า (อุตสาหกรรม เกษตร พลังงาน) รวมเป็นมูลค่าราว 1.62 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือร้อยละ 81 ของเป้าหมายการค้าทั้งหมดเป็นต้น.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

EOD เร่งกู้ระเบิดตกค้าง-พิสูจน์กลิ่นศพทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 4 ส.ค. – ตลอดทั้งวัน ชุด EOD ตรวจสอบพื้นที่ตามแนวปะทะ อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ พบวัตถุระเบิดและลูกกระสุนปืนใหญ่ตกค้างรวมกว่า 140 ลูก ใน 34 จุด ขณะที่กลิ่นศพทหารกัมพูชา ยังไม่ส่งผลกระทบฝั่งไทย แต่ชาวบ้านในพื้นที่ยืนยันมีกลิ่นจริง ตลอดทั้งวัน ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด หรือ EOD ของตำรวจตระเวนชายแดนที่ 21 และตำรวจภูธรพนมดงรัก รวมถึง ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ หรือ TMAC เข้าตรวจสอบพื้นที่ตามแนวปะทะใน อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ หลังสถานการณ์ปะทะสงบลง โดยพบวัตถุระเบิดและลูกกระสุนปืนใหญ่ตกค้างรวมกว่า 140 ลูก ใน 34 จุด หัวหน้าชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดให้ข้อมูลว่า ระเบิดส่วนใหญ่ทำงานไปแล้ว เหลือเพียง 7 จุดที่ยังคงอยู่ระหว่างการเก็บกู้ แต่มีบางจุดที่เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถเข้าปฏิบัติงานได้ เนื่องจากอยู่ติดแนวชายแดน และอาจสร้างความเข้าใจผิดให้กับทหารทั้ง 2 ฝ่ายที่ยังคงตรึงกำลังอยู่ในพื้นที่ อีกทั้งสภาพพื้นที่เป็นโคลนตม ทำให้บางจุดลูกระเบิดฝังลึกมาก ทำให้การเก็บกู้ยากลำบาก จึงทำได้เพียงล้อมรั้วแสดงสัญลักษณ์ให้ทราบ เพื่อความปลอดภัยและไม่ให้ผู้คนเข้าใกล้ […]

มทภ.2 หวัง GBC ได้ข้อสรุปที่ดี ลั่นไม่ถอยกำลังทหาร

กองทัพบก 4 ส.ค. – แม่ทัพภาค 2 ลั่น ไม่ถอยกำลังทหาร หวังถก GBC ได้ข้อสรุปที่ดี แต่ยังคาดหวังอะไรไม่ได้หากสองประเทศยอมรับเงื่อนไขซึ่งกันและกันก็จบง่าย พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปชายแดนไทย-กัมพูชา (GBC) ที่ประเทศมาเลเซีย ว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบว่าคุยเรื่องอะไรกัน แต่ก็คาดหวังว่าจะเป็นไปในทิศทางที่ดี หาข้อตกลงร่วมกันให้ดีที่สุด ส่วนที่หลายฝ่ายมีความกังวลสถานการณ์ชายแดน หลังวันที่ 7 สิงหาคม จะมีความตึงเครียดนั้น พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของผู้นำทั้งสองประเทศ จะเจอกันตรงจุดไหน หากยอมรับเงื่อนไขซึ่งกันและกัน ก็จบง่าย ซึ่งตอนนี้ยังคาดเดาอะไรไม่ได้ ว่าผลจะออกมาอย่างไร เมื่อถามว่า ประเด็นเรื่องการถอนกำลัง พล.ท.บุญสิน ยืนยันว่า “กองทัพไม่ถอย เพราะเรารุกในเขตพื้นที่อธิปไตยของเรา” สำหรับการดูแลชายแดนไทย-กัมพูชา กองทัพทั้งสองประเทศได้ปฏิบัติตามข้อตกลงการหยุดยิง ที่สองรัฐบาลได้พูดคุยกันไว้เพื่อความสงบสุขบริเวณชายแดน ซึ่งเราพยายามทำให้ดีที่สุด แต่ยอมรับว่า มีปัญหาเรื่องโดรนไม่ทราบฝ่าย ซึ่งกองทัพภาคที่ 2 ได้บูรณาการหน่วยงานทุกภาคส่วน เพื่อแก้ไขปัญหาในพื้นที่ ซึ่งปัจจุบันสถานการณ์ดีขึ้น รวมถึงการติดตามกลุ่มบุคคลที่ทำตัวเป็นสายลับ และไส้ศึก […]

สำนักโฆษก กห. พาย้อนเหตุการณ์ยุคเขมรแดงปี 1979-1980

4 ส.ค.- เตือนความจำเขมร! สำนักโฆษกกระทรวงกลาโหม โพสต์ย้อนเหตุการณ์ไทยช่วยเขมร ยุคเขมรแดง ปี 1979-1980 เปิดประตูรับคนเขมรเป็นที่พึ่งสุดท้าย-เปิดค่ายพักพิงแบบไม่ลังเล วันนี้(4 ส.ค.2568) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจสำนักโฆษกกระทรวงกลาโหม ได้เผยแพร่ข้อมูลการช่วยเหลือของฝ่ายไทยที่มีต่อชาวกัมพูชาในยุคเขมรแดง โดยข้อความระบุว่า จากคนที่หนีตายสู่คนที่หันปากกระบอกปืนกลับมา” เมื่อ ‘เขมร’ ลืมทุกอย่างที่ไทยเคยมอบให้ ปี 𝟏𝟗𝟕𝟗… ชาวกัมพูชานับแสน นับล้าน วิ่งหนีตายจากนรกบนดินที่ชื่อว่า “เขมรแดง” ข้ามพรมแดนมายังไทย ในสภาพหมดเรี่ยวแรง หิวโหย และเกือบสิ้นลมหายใจ คนไทยเปิดประตูให้เขาพักพิง ตอนนั้นประเทศไทยไม่ได้เป็นเพียง “เพื่อนบ้าน” แต่กลายเป็น “ที่พึ่งสุดท้าย” เราส่งอาหาร เราเปิดค่ายพักพิง เราช่วยเหลือทั้งในนามรัฐบาล องค์กรพัฒนาเอกชน และแม้แต่ชาวบ้านธรรมดา ๆ ที่ยอมแบ่งข้าวเพียงคำเดียวให้ผู้ลี้ภัยชาวกัมพูชา การอพยพที่ไม่มีแผนที่เริ่มตั้งแต่ต้นปี 𝟏𝟗𝟕𝟗 จนถึงต้นยุค 𝟏𝟗𝟖𝟎𝐬 มีชาวกัมพูชาจำนวนมหาศาล บางแหล่งบอกว่ารวมกันถึง 𝟔 แสนถึง 𝟖 แสนคน อพยพอย่างไร้ทิศทางบางคนเดินเท้าเป็นร้อยกิโลเมตรจากกลางประเทศกัมพูชา หลายคนไร้เอกสาร ไม่มีอาหาร ไม่มีเป้าหมาย […]

กต. จัดบรรยายสรุปแก่คณะทูตและองค์การระหว่างประเทศ

ก.ต่างประเทศ 4 ส.ค.-กต. จัดบรรยายสรุปแก่คณะทูตและองค์การระหว่างประเทศเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา คาดแจงข้อมูลที่บิดเบือน หลังกัมพูชาปล่อยเฟคนิวส์ต่อเนื่อง ด้าน “มาริษ” ย้ำไทยไม่ได้เริ่มก่อน ยึดแก้ปัญหาผ่านกลไกทวิภาคี เรียกร้องกัมพูชายึดหลักสันติวิธี-จริงใจ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานบรรยายสรุปแก่คณะทูตและองค์การระหว่างประเทศเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ร่วมกับ นายปิยภักดิ์ ศรีเจริญ อธิบดีกรมเอเชียตะวันออก และ นางสาวพินทุ์สุดา ชัยนาม อธิบดีกรมองค์การระหว่างประเทศ ณ ห้องนราธิป กระทรวงการต่างประเทศ โดยคาดว่าจะเป็นการชี้แจงข้อเท็จจริงภายหลังจากที่ฝ่ายกัมพูชามีการให้ข้อมูลที่บิดเบือนอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ก่อนการบรรยาย นายมาริษ กล่าวเปิดโดยขอบคุณผู้ที่เข้าร่วมรับฟังการบรรยายในวันนี้ พร้อมชี้แจงถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา และท่าทีของไทยต่อกรณีดังกล่าว โดยตนตั้งใจจะแบ่งการบรรยายเป็น 2 ประเด็นหลัก คือ 1. การเจรจาหยุดยิงที่มาเลเซียเมื่อวันที่ 28 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งไทยขอประท้วงต่อฝ่ายกัมพูชากรณีที่ละเมิดกฎหมายมนุษยชนและใช้ความรุนแรง โดยมีเป้าหมายแบบไม่เลือกเป้าและโจมตีไปที่พลเรือน รวมถึงการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งขัดต่อหลักการของอนุสัญญาออตโตวา ในขณะที่ไทยปฏิบัติตามข้อตกลงอย่างเคร่งครัด จึงหวังเป็นอย่างยิ่งให้กัมพูชาปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าวอย่างจริงใจด้วยเช่นกัน ภายใต้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ ส่วนประเด็นที่ 2 คือการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป หรือ GBC ระหว่างวันที่ 4-7 สิงหาคม […]