สหรัฐฯ-จีนทำข้อตกลงการค้า ดันสินค้าไทยแข่งขันส่งออกเพิ่ม

นนทบุรี 25 มิ.ย.-สนค.วิเคราะห์ผลการทำข้อตกลงเศรษฐกิจการค้าระยะแรกระหว่างสหรัฐฯ กับจีนครบรอบ 1 ปี พบจีนนำเข้าจากสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น แต่ยังไม่ถึงเป้าหมาย ส่วนไทยไม่ได้รับผลกระทบ เหตุสินค้าที่จีนตกลงนำเข้าจากสหรัฐฯ ไทยยังส่งออกได้เพิ่มขึ้น ทั้งอุตสาหกรรมและเกษตร แนะปรับแผนรักษาตลาด เพิ่มส่วนแบ่งตลาด ใช้กลยุทธ์ออฟไลน์ ออนไลน์เจาะตลาด 


นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า เปิดเผยถึงการติดตามความคืบหน้าการค้าสินค้าภายใต้ข้อตกลงเศรษฐกิจการค้าระยะแรกระหว่างสหรัฐฯ และจีน ที่บังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 14 ก.พ. 2563 หรือกว่า 1 ปี ว่า จากการวิเคราะห์ข้อมูลการค้าปี 2563 พบว่าจีนนำเข้าสินค้าภายใต้ข้อตกลงฯ จากสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 1.22 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือร้อยละ 13.94 สูงกว่าอัตราการขยายตัวของการนำเข้าสินค้าโดยรวมของจีนจากสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้น ร้อยละ 10.41 แต่ยังไม่บรรลุเป้าหมายการนำเข้าที่กำหนด เนื่องจากจีนสามารถนำเข้าสินค้าได้เพียงร้อยละ 57.70 ของเป้าหมายปีแรกเท่านั้น โดยกลุ่มสินค้าที่จีนสามารถนำเข้าได้ใกล้เคียงกับเป้าหมายปีแรกมากที่สุด คือ สินค้าเกษตร ร้อยละ 64.36 ของเป้าหมาย ตามด้วยสินค้าอุตสาหกรรม ร้อยละ 59.68 และสินค้าพลังงาน ร้อยละ 39.14 และเมื่อพิจารณาในแต่ละกลุ่มสินค้า พบว่า ในกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม จีนบรรลุเป้าหมายเพียงสินค้าเดียว คือ เวชภัณฑ์ ขณะที่อากาศยานเป็นสินค้าอุตสาหกรรมที่จีนนำเข้าต่ำกว่าเป้าหมายมากที่สุด ในกลุ่มสินค้าเกษตร จีนสามารถนำเข้ามากกว่าเป้าหมาย 3 รายการ ได้แก่ เนื้อสัตว์ ธัญพืช และฝ้าย แต่ยังคงนำเข้าเมล็ดถั่วเหลืองต่ำกว่าเป้าหมายถึง 1.06 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับกลุ่มสินค้าพลังงาน จีนยังคงนำเข้าต่ำกว่าเป้าหมายในทุกสินค้า

ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาสินค้าที่จีนนำเข้าจากสหรัฐฯ ภายใต้ข้อตกลงระหว่างสหรัฐฯ กับจีน เทียบกับการส่งออกของไทยไปจีนในสินค้ากลุ่มเดียวกัน พบว่า จีนยังนำเข้าสินค้าจากไทยเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 6.40 โดยสินค้าอุตสาหกรรมและสินค้าเกษตร เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.81 และ 10.49 ตามลำดับ แต่นำเข้าสินค้าพลังงานจากไทยลดลงร้อยละ 36.55 จากแรงกดดันด้านราคาน้ำมันดิบที่ลดลงทั่วโลก และเมื่อพิจารณาสินค้าภายใต้ข้อตกลงฯ 538 รายการ มีสินค้าที่ไทยแข่งขันได้ดีเยี่ยม 88 รายการ เช่น เครื่องมือที่ใช้งานด้วยมือแบบนิวเมติก/แบบไฮดรอลิก/แบบมีมอเตอร์ รถยนต์และยานยนต์สำหรับขนส่งบุคคล ส้มสดหรือแห้ง เนื้อปลาแบบฟิลเล อำพันขี้ปลา ปลาแช่เย็นจนแข็ง บิวเทน ซึ่งจีนยังคงนำเข้าจากไทยเพิ่มขึ้นแม้ว่าจะนำเข้าจากโลกลดลง และสินค้าที่ไทยยังแข่งขันได้ดี 100 รายการ เช่น คอมพิวเตอร์ วงจรรวมอิเล็กทรอนิกส์ อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์และไดโอด มันสำปะหลัง ผลไม้สด เช่น ทุเรียน ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการโดยรวมของจีนที่เพิ่มขึ้น โดยการนำเข้าสินค้าที่ไทยแข่งขันได้ดีเยี่ยมและดี ยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ปัจจุบันจีนนำเข้าสินค้าสองกลุ่มนี้จากไทยเป็นสัดส่วนเกือบร้อยละ 80 ของมูลค่าการนำเข้าสินค้าภายใต้ข้อตกลงฯ ทั้งหมด ที่จีนนำเข้าจากไทย สะท้อนว่าไทยสามารถใช้ศักยภาพในการส่งออกได้ดี


อย่างไรก็ตาม มีสินค้าไทยส่วนหนึ่งที่ได้รับผลกระทบ โดยจีนนำเข้าจากไทยลดลงในปี 2563 เช่น น้ำมันปิโตรเลียมดิบและน้ำมันดิบ เครื่องยนต์สันดาปภายในแบบลูกสูบ เครื่องคำนวณและแสดงข้อมูลแบบพกพา น้ำตาลทราย โดยสินค้าเหล่านี้มีมูลค่า 1 ใน 5 ของมูลค่าการนำเข้าสินค้าที่อยู่ภายใต้ข้อตกลงฯ ทั้งหมดของจีนจากไทย ทั้งนี้ มีสินค้าหลายตัวในกลุ่มนี้ที่จีนกลับมานำเข้าจากไทยเพิ่มขึ้นในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2564 อาทิ เคมีภัณฑ์ (เช่น อะไซคลิกแอลกอฮอล์ อีพอกไซด์) เลนส์ ปริซึม กระจกเงา เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ ตัวต้านทานไฟฟ้า เครื่องสำอาง เสริมความงาม กุ้ง ปู สดแช่เย็น แช่แข็ง น้ำตาลทราย และพืชผักที่ปรุงแต่งทำไว้ไม่ให้เสีย

นอกจากนี้ ในช่วงที่เหลือของปี 2564 ไทยอาจเผชิญแรงกดดันจากการที่จีนต้องเร่งนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ ในหลายกลุ่มสินค้า เนื่องจากในปีแรก จีนนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ ได้เพียงร้อยละ 57.70 ของเป้าหมาย ผู้ประกอบการไทยต้องเตรียมรับมือกับการแข่งขันในตลาดจีนที่อาจรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะสินค้าที่จีนนำเข้าจากสหรัฐฯ ลดลงในปีที่ผ่านมา เช่น รถยนต์และยานยนต์สำหรับขนส่งบุคคล เครื่องพิมพ์ คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์และไดโอด ผลิตภัณฑ์จากไม้บางชนิด ไซคลิกไฮโครคาร์บอน โทรศัพท์ มอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องกำเนิดไฟฟ้า ซึ่งจีนอาจต้องเร่งนำเข้าจากสหรัฐฯ มากขึ้นเป็นพิเศษ ซึ่งต้องติดตามสถานการณ์ระหว่างสหรัฐฯ และจีนอย่างใกล้ชิด เนื่องจากฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีไบเดนอยู่ระหว่างทบทวนนโยบายการค้าต่อจีน และให้ความสำคัญมากกับการติดตามความคืบหน้าการดำเนินการตามข้อตกลงระยะแรกของจีน ควบคู่ไปกับการประเมินผลจากการใช้/ยกเว้นมาตรการภาษีกับสินค้าจีนภายใต้สงครามการค้า โดยต้องติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไปว่านโยบายและท่าทีของสหรัฐฯ ต่อจีนในอนาคตจะเป็นอย่างไร

ทั้งนี้ สนค.แนวทางเชิงรุกในการขยายตลาดส่งออกไปจีน ในสินค้ากลุ่มที่ไทยสามารถแข่งขันได้ดีเยี่ยมและดี จะต้องส่งเสริมการส่งออกอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาหรือขยายส่วนแบ่งตลาดของไทย ส่วนสินค้าที่จีนนำเข้าจากไทยลดลง ต้องพิจารณาถึงปัญหา อุปสรรค และหาสาเหตุ โดยต้องเร่งพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขัน เช่น มุ่งเน้นจุดขายด้านคุณภาพและมาตรฐานสินค้าไทย เพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาด ควบคู่กับการขยายการส่งออกไปยังตลาดสำคัญอื่น ๆ และตลาดที่เติบโตสูงโดยในปี 2564 นี้ กระทรวงพาณิชย์ได้เตรียมจัดกิจกรรมส่งเสริมการส่งออกไปตลาดจีนไว้มากมาย ทั้งในรูปแบบออฟไลน์ (การส่งเสริมการขายในห้างสรรพสินค้าและซูเปอร์มาร์เก็ต) และออนไลน์ (การจับคู่ธุรกิจแบบออนไลน์ การส่งเสริมสินค้าไทยบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซชั้นนำ เช่น Tmall, JD และ Taobao) ตลอดจนรูปแบบไฮบริด เช่น การเข้าร่วมงานแสดงสินค้าในรูปแบบ Mirror & Mirror  โดยเฉพาะสินค้าที่มีโอกาสสูง เช่น ผลไม้ ยางพารา ข้าว สินค้าอาหารและเครื่องดื่ม สินค้าฮาลาล สินค้าสุขภาพและความงาม สินค้าไลฟ์สไตล์และแฟชั่น เครื่องใช้ไฟฟ้า ตลอดจนสินค้าและบริการอื่น ๆ เพื่อบุกตลาดเมืองรองและย่านเศรษฐกิจสำคัญ รวมทั้งการส่งเสริมผู้ประกอบการใช้ประโยชน์จากข้อตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน และเร่งรัดการจัดทำ Mini FTA กับมณฑลไห่หนานของจีน เพื่อกระชับความสัมพันธ์ทางการค้า  และทำให้สินค้าไทยเข้าถึงตลาดที่มีจำนวนคนและกำลังซื้อมหาศาลได้อย่างมีประสิทธิภาพ


อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงเศรษฐกิจการค้าระยะแรกระหว่างสหรัฐฯ และจีน ที่เริ่มบังคับใช้ตั้งแต่ 14 ก.พ. 2563 มีเนื้อหาครอบคลุมประเด็นเศรษฐกิจต่าง ๆ รวมถึงการขยายการค้าระหว่างสองประเทศ โดยจีนตกลงที่จะซื้อสินค้าและบริการจากสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากมูลค่าในปี 2560 ไม่น้อยกว่า 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในเวลา 2 ปี (1 ม.ค. 2563–31 ธ.ค. 2564) ประกอบด้วย 1. สินค้าอุตสาหกรรม เช่น เครื่องจักร อุปกรณ์ไฟฟ้า ยานพาหนะ 2. สินค้าเกษตร เช่น เมล็ดพืช น้ำมัน เนื้อสัตว์ อาหารทะเล 3. สินค้าพลังงาน เช่น ก๊าซธรรมชาติ น้ำมัน และ 4. บริการ เช่น การท่องเที่ยว การประกันภัย และหลักทรัพย์ โดยเป้าหมายการค้าสินค้า (อุตสาหกรรม เกษตร พลังงาน) รวมเป็นมูลค่าราว 1.62 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือร้อยละ 81 ของเป้าหมายการค้าทั้งหมดเป็นต้น.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบแล้ว! มือปืนโหดสวมชุดไรเดอร์ ตามยิงซ้ำที่ รพ. ดับ 2

ปทุมธานี 5 มิ.ย.- จับแล้ว! มือปืนโหดสวมชุดไรเดอร์ รัวกระสุนใส่หน้าบ้าน ก่อนตามไปยิงซ้ำที่ รพ. เสียชีวิต 2 ราย สารภาพอ้างแค้นถูกตีท้ายครัว ความคืบหน้าเหตุมือปืนชายแต่งกายไรเดอร์ ใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะ ยิงใส่กลุ่มวัยรุ่นชายหญิง ที่นั่งจับกลุ่มกันอยู่หน้าบ้าน ในพื้นที่ ต.ระแหง อ.ลาดหลุมแก้ว ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย หลังเกิดเหตุกลุ่มเพื่อนได้นำคนเจ็บไปส่งโรงพยาบาล แต่คนร้าย ได้ขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบ ใช้อาวุธปืนตามยิงซ้ำถึงในโรงพยาบาล ส่งผลให้ผู้ได้รับบาดเจ็บที่อยู่ท้ายกระบะเสียชีวิต 2 ราย ล่าสุดเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวมือปืน ทราบชื่อนายสมยศ อายุ 32 ปี พร้อมของกลางอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่ใช้ในการก่อเหตุ โดยให้การรับสารภาพว่าตนเองจะมายิงนายมานะ หรือไอซ์ อายุ 33 ปี เพียงคนเดียว ซึ่งก่อนเกิดเหตุตนได้นั่งกินเบียร์มาก่อน และที่ทำไปนั้น เพราะจับได้ว่าผู้ตายเป็นชู้กับภรรยาตน หลังก่อเหตุขับรถหนีไปจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม .-สำนักข่าวไทย

“ภูมิธรรม” รับกัมพูชาล้ำ 200 ม. จริง แต่เป็นจุด No Man’s Land

ทำเนียบ 5 มิ.ย.- “ภูมิธรรม” รับกัมพูชาล้ำ 200 เมตร จริง แต่เป็นจุด No Man’s Land ย้ำใช้เวที JBC เจรจา บอกไม่ใช่เรายอมศิโรราบ แต่ไทยมีข้อมูลหลักฐาน รอชัดเจน 14 มิ.ย. ขณะที่กองทัพเตรียมพร้อมตรึงกำลังแนวชายแดน ลั่นไม่ยอมใคร ยืนยันไทยเริ่มต้นจากสันติ ชี้หากประกาศกฏอัยการศึก แม่ทัพภาค 2 มีอำนาจสั่งได้ทันที นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการลงพื้นที่ชายแดน ไทย-กัมพูชา บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานีเมื่อวานนี้ ว่า ตนได้รับรายงานจากกองทัพภาคที่สอง ถึงข้อมูลที่ออกไปในปัจจุบัน ผิดไปจากสิ่งที่เป็นอยู่ ในปัจจุบันมากพอสมควร จึงอยากให้ระมัดระวังเรื่องข้อมูลข่าวสาร ยืนยันว่า ในพื้นที่ไม่ได้มีการวางทุ่นระเบิด จะเป็นภาพเก่าในอดีต ซึ่งตนมองว่าเป็นการสร้างความสับสน และทำลายศรัทธาความร่วมมือของประชาชน นายภูมิธรรม กล่าวถึงการรุกล้ำ 200 เมตร ว่า ทั้งหมดนี้อยู่ที่คณะกรรมการ JBC ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดนกำหนดแต่ละฝ่ายมีจุดที่ค่อมกัน ดังนั้นจึงกำหนดให้เป็น […]

ดรามานิติไล่ไรเดอร์รับลูกค้าหน้าคอนโดฯ

5 มิ.ย. – สาวเรียกรถผ่านแอปฯ มารับหน้าคอนโดฯ หัวหน้าวินมอเตอร์ไซค์ถือวิทยุสื่อสารพร้อมไล่ให้ลงรถ ขู่ไม่อนุญาตให้เรียกรถผ่านแอปฯ ด้านไรเดอร์รู้ข่าวบุกรวมตัว ลั่นถ้าคู่กรณีไม่ออกมาก็อย่าหวังว่าแยกย้าย คลิปจากผู้โดยสารคนหนึ่งถ่ายไว้ขณะเรียกรถมารับบริเวณด้านหน้าคอนโดฯ ย่านสาทร แต่กลับถูกชายรายหนึ่งถือวิทยุสื่อสาร ไล่ให้ลงจากรถ พร้อมพูดขู่ว่าไม่ใช่วินห้ามเข้า แฟนเพจเฟซบุ๊กอยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทริน์ part 6 ได้รับเรื่องร้องเรียนจากลูกบ้านคอนโดฯ แห่งหนึ่ง โพสต์ไว้หลังจากเรียกรถผ่านแอปพลิเคชัน แต่กลับถูกขัดขวาง ระบุว่า “เราได้เรียกรถจักรยานยนต์ผ่านแอปพลิเคชันเพื่อไปทำงานตามปกติ แต่มีชายคนหนึ่ง (คาดว่าเป็นวินในหมู่บ้าน มีวิทยุสื่อสารด้วย) เข้ามาไล่ให้ลงจากรถ พร้อมพูดในลักษณะข่มขู่ว่า “ไม่ให้เรียกผ่านแอปฯ เพราะที่นี่มีวินอยู่แล้ว” และยังไล่คนขับกลับไปทันที เหตุการณ์นี้ทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัยและเสียเวลาในการเดินทาง รบกวนช่วยตรวจสอบ ขอความชัดเจนว่าในหมู่บ้านมีข้อกำหนดห้ามเรียกรถผ่านแอปฯ หรือไม่ หากมีรบกวนขอเอกสารหรือประกาศที่เป็นทางการด้วย หากไม่มีรบกวนช่วยดำเนินการกับบุคคลดังกล่าว เพราะพฤติกรรมที่เกิดขึ้นเข้าข่ายคุกคามและไม่เหมาะสม” หลังจากโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ ปรารกฏว่าวานนี้ (4 มิ.ย.) มีไรเดอร์จำนวนมานัดรวมตัวกันและเดินทางไปยังคอนโดฯ ดังกล่าว โดยมีตำรวจเข้ามาพูดคุย ขณะที่ทางตัวแทนไรเดอร์ระบุว่า ถ้าคู่กรณีไม่ออกมาก็อย่าหวังว่าแยกย้าย และนิติคอนโดฯ ต้องออกมาพูดให้ชัดเจนว่าไรเดอร์เข้าไปรับผู้โดยสารได้ไหม” ต่อมาที่ สน.บางขุนเทียน เจ้าหน้าที่เรียกตัวนายพงษ์ อายุ 52 […]

คนขับหลับใน รถทัวร์เสียหลักตกร่องถนน ดับ 2 สาหัส 5

ประจวบคีรีขันธ์ 4 มิ.ย. – รถทัวร์ตกร่องกลางถนนชนเสาไฟ บนถนนเพชรเกษม อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ผู้โดยสารเสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บสาหัส 5 คน คนขับยอมรับหลับใน วงจรปิดจับภาพขณะเกิดเหตุรถทัวร์ขับมาดีๆ จู่ๆ ไถลลงร่องกลางถนน โดยไม่มีคู่กรณี เหตุเกิดประมาณตี 04.30 น.ที่ผ่านมา (4 มิ.ย.) บนถนนเพชรเกษม บริเวณหน้าค่ายพระมงกุฎเกล้า อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ รถที่เกิดเหตุเป็นรถบัสโดยสารปรับอากาศ สายระยอง-มุกดาหาร พลิกตะแคงอยู่ในร่องกลาง มีร่องรอยชนกับเสาไฟและการ์ดเลนถนน สภาพรถด้านหน้าพังยับเยิน กระจกหน้าและด้านข้างแตกร้าว หลังคาฉีกขาด ที่เกิดเหตุมีผู้เสียชีวิต 2 คน เป็นชาย และอาการสาหัส 5 คน นอกจากนี้ยังมีผู้บาดเจ็บอีกจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ปฐมพยาบาลเบื้องต้นและเร่งนำตัวนำส่งโรงพยาบาล ขณะที่ผู้โดยสารต่างอยู่ในอาการตกใจ บอกว่าก่อนเกิดเหตุรู้สึกว่ารถส่ายไปมา คนขับรถคือ นายทศพร อายุ 51 ปี ให้การว่า ในรถมีผู้โดยสารรวมคนขับแล้ว 28 คน รับผู้โดยสารจาก จ.ระยอง […]

ข่าวแนะนำ

ผบ.ทสส.นัดถก ผบ.เหล่าทัพเฉพาะกิจ ปมชายแดนไทย-กัมพูชา

กรุงเทพฯ 5 มิ.ย. – ถก ผบ.เหล่าทัพเฉพาะกิจ พรุ่งนี้ แก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา คาด “ผบ.ทบ.” รับผิดชอบโดยตรง เตรียมแผนรับมือครอบคลุมทุกมิติแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันพรุ่งนี้ (6 มิ.ย.68) พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) จะเป็นประธานการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ ครั้งที่ 4/2568 วาระเฉพาะกิจ ที่กองบัญชาการกองทัพอากาศ (บก.ทอ.) ในเวลา 14.00 น. คาดว่าจะมีการหารือถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งเป็นความรับผิดชอบของกองทัพบกโดยตรง ทั้งการเตรียมกำลัง และดำเนินการเกี่ยวกับการใช้กำลังตามอำนาจหน้าที่ของกระทรวงกลาโหม โดยมี พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก เป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรง และเตรียมแผนพร้อมรับมือสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ครอบคลุมทุกมิติแล้ว สำหรับการประชุม ผบ.เหล่าทัพ ในครั้งนี้ กองทัพอากาศเป็นเจ้าภาพ และได้แจ้งสื่อมวลชน ขอยกเลิกการมาทำข่าวนี้ เนื่องจากเป็นการประชุมเฉพาะกิจ นอกจากนี้ สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) จะมีการประชุม และคาดว่าจะมีการตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจขึ้นมาดูแลแก้ปัญหาโดยเฉพาะ.-313-สำนักข่าวไทย

รวมพลังหยุดเหมืองพิษ คืนชีวิตคนลุ่มน้ำชายแดน

5 มิ.ย. – วันนี้เป็นวันสิ่งแวดล้อมโลก ซึ่งขณะนี้ผู้คนตามลุ่มน้ำชายแดนไทย-เมียนมา ทางภาคเหนือของไทย กำลังเผชิญกับวิกฤติสิ่งแวดล้อม หลัง 2 เดือนมานี้พบสารหนูปนเปื้อนเกินมาตรฐานในลำน้ำกกและน้ำสาย รวมถึงแม่น้ำรวกและแม่น้ำโขง เชื่อว่าเป็นผลมาจากการทำเหมืองแร่หลายแห่งบริเวณต้นน้ำในเมียนมา วันนี้ชาวเชียงใหม่และเชียงราย ร่วมกันออกมาแสดงพลังเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ โดยเฉพาะการเจรจาให้หยุดเหมืองพิษและคืนชีวิตให้กับลุ่มน้ำต่างๆ .-สำนักข่าวไทย

แฉชนวนเหตุ ไรเดอร์บุกยิงดับ 2 ศพคา รพ.

ปทุมธานี 5 มิ.ย. – จากเหตุระทึกขวัญที่ลาดหลุมแก้ว ปทุมธานี เมื่อคืนที่ผ่านมา ไรเดอร์บุกยิงคนถึงในบ้าน แล้วยังขับรถตามไปยิงซ้ำที่โรงพยาบาลจนเสียชีวิต วันนี้ตำรวจจับกุมตัวได้แล้ว ชนวนเหตุมาจากอะไร ติดตามจากรายงาน.-สำนักข่าวไทย

นายกฯ โพสต์หารือประเมินปมชายแดนไทย-กัมพูชา

ทำเนียบ 5 มิ.ย.-นายกฯ โพสต์หารือประเมินปมชายแดนไทย-กัมพูชา ยึดหลักการสันติวิธี ยันไทยไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก ชี้ต้องคุยเฉพาะพื้นที่เป็นปัญหา ไม่ขยายประเด็น นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ถึงการหารือสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า “จากกรณีที่ทางรัฐบาลกัมพูชาออกแถลงการณ์เกี่ยวกับสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ดิฉันได้หารือร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ และท่านรองนายกรัฐมนตรี นายภูมิธรรม เวชยชัย ซึ่งได้โทรศัพท์เข้ามารายงานเรื่องการลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ ณ จังหวัดอุบลราชธานี อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินภาพรวมอย่างรอบด้าน รัฐบาลไทยขอยืนยันในหลักการแก้ไขปัญหาด้วยแนวทางสันติวิธี ภายใต้ความเคารพในอธิปไตยและดินแดนของกันและกัน ในกรณีที่กัมพูชาประสงค์จะเสนอให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) เข้ามามีบทบาท รัฐบาลไทยขอเรียนว่า ประเทศไทยไม่ได้ให้การยอมรับเขตอำนาจศาล ICJ ในกรณีพิพาทต่างๆ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2503 จนถึงปัจจุบัน และขอย้ำว่า ประเด็นที่เกิดขึ้นควรได้รับการแก้ไขปัญหาในบริเวณที่มีการกระทบกระทั่งกันเท่านั้น ไม่ขยายประเด็นปัญหาออกไป ประเทศไทยยังยึดมั่นในกลไกการหารือทวิภาคีที่ทั้งสองฝ่ายตกลงกันไว้มาโดยตลอด เพื่อรักษาความสัมพันธ์อันดีระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศค่ะ.-315.-สำนักข่าวไทย