“การบินไทย” มั่นใจแผนฟื้นฟูผ่านโหวตเจ้าหนี้ 12 พ.ค.นี้

กรุงเทพฯ 2 มี.ค. – “ชาญศิลป์” มั่นใจแผนฟื้นฟูการบินไทยผ่านการโหวตจากเจ้าหนี้ 12 พ.ค.นี้ พร้อมเดินหน้าหาเงินกู้-ทุนใหม่ 50,000 ล้านบาท มาเสริมสภาพคล่องใน 2 ปี ส่วนกลางปีเดินหน้าเปิดเส้นทางบินต่างประเทศ เน้นยุโรป “แฟรงก์เฟิร์ต-ปารีส-ซูริก-ลอนดอน-โคเปนเฮเกน” ญี่ปุ่น เกาหลี สิงคโปร์ มั่นใจกลับมาทำกำไรในปี 66-67


นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร รักษาการแทนกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตามที่ศาลล้มละลายกลางได้มีคำสั่งให้การบินไทยฟื้นฟูกิจการและตั้งผู้จัดทำแผนฯ โดยในวันนี้ (2 มี.ค.) การบินไทยได้จัดทำแผนแล้วเสร็จ และยื่นแผนฟื้นฟูกิจการต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เป็นที่เรียบร้อย โดยในแผนฯ ได้ระบุมูลหนี้สินรวมทั้งสิ้น 410,000 ล้านบาท แต่มีมูลหนี้จริงที่การบินไทยยอมรับและเป็นหนี้ก่อนวันที่ 14 ก.ย.63 ที่ 160,000-170,000 ล้านบาท โดยการบินไทยมีเจ้าหนี้ทั้งสิ้น 13,000 ราย ซึ่งแผนที่เสนอจะไม่มีการลดหนี้เงินต้นของเจ้าหนี้ (แฮร์คัท) เพื่อให้เจ้าหนี้ยอมรับแผนฟื้นฟูที่จะมีการโหวต 12 พ.ค.64 อย่างไรก็ตาม มั่นใจว่า แผนฟื้นฟูฯ ที่เสนอนี้จะผ่านการเห็นชอบแน่นอน และขั้นตอนเมื่อแผนฟื้นฟูฯ ผ่าน จะมีการส่งต่อไปยังศาลล้มละลายกลางตัดสิน ซึ่งคาดว่าตามกรอบเวลาน่าจะเป็นช่วงเดือน มิ.ย.-ก.ค.64

ทั้งนี้ การบินไทยได้พยายามเต็มที่ในการจัดเตรียมแผนฟื้นฟูกิจการที่เป็นประโยชน์และเป็นธรรมกับเจ้าหนี้ทั้งหลายมากที่สุด และมั่นใจว่า แผนฟื้นฟูฉบับนี้จะได้รับการยอมรับจากเจ้าหนี้ และได้รับการสนับสนุนจากทุกภาคส่วน โดยในเบื้องต้นคณะผู้ทำแผนฯ เสนอให้นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ และนายจักรกฤศฎิ์ พาราพันธกุล เป็นผู้บริหารแผนที่จะบริหารและจัดการธุรกิจภายใต้กระบวนการฟื้นฟูกิจการต่อไป โดยผู้ทำแผนได้เตรียมความพร้อมที่จะดำเนินการตามแผนเอาไว้อย่างดี เช่น เตรียมแผนการประกอบธุรกิจ เตรียมความพร้อมที่จะปรับโครงสร้างองค์กรให้กระชับขึ้น ในส่วนของพนักงาน มีการลดจำนวนผู้บริหาร อีกทั้งยังลดขั้นตอนการบังคับบัญชา เพื่อให้การดำเนินงานต่างๆ คล่องตัวขึ้น โดยคณะผู้ทำแผนจึงมั่นใจได้ว่า ผู้บริหารแผนจะสามารถดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการ เพื่อให้การบินไทยกลับมาประกอบธุรกิจได้อย่างยั่งยืนในฐานะสายการบินแห่งชาติของประเทศไทยได้ต่อไป


“การบินไทยจะไม่มีการแฮร์คัทเจ้าหนี้ แต่จะจ่ายเงินต้น เป็นลักษณะการผ่อนจ่าย โดยการบินไทยจะไม่ขอจ่ายลูกหนี้ใน 3 ปีแรก เพราะมีปัญหาเรื่องกระแสเงินสด แต่จะเริ่มจ่ายเจ้าหนี้ในปีที่ 4 อย่างไรก็ตาม มั่นใจว่าจะได้รับความเห็นใจและเห็นชอบจากเจ้าหนี้ ส่วนกรณีที่ว่า มูลหนี้ที่เสนอศาลฯ อยู่ที่ 410,000 ล้านบาท แต่ทำไมการบินไทยแจ้งยอมรับหนี้ที่มีอยู่จริงเพียง 160,000-170,000 ล้านบาทนั้น เนื่องจากว่าเจ้าหนี้ได้มีการประเมินหนี้ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอีก 2-3 ปี ซึ่งการบินไทยมองว่ายังเป็นหนี้ที่ยังไม่เกิดขึ้น”

นายชาย เอี่ยมศิริ รักษาการรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายการเงินและการบัญชี การบินไทย กล่าวต่อว่า ในแผนฟื้นฟูฯ การบินไทยจะมีการลดรายจ่าย สร้างรายได้ในการดำเนินการภายในบริษัททั้งหมด เช่น เพิ่มรายได้ทั้งจากธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการบิน (Flight Business) และธุรกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับการบิน (Non-Flight Business) ส่วนการลดค่าใช้จ่าย คือ การปรับลดขนาดองค์กร ซึ่งวางเป้าหมายที่จะปรับลดจำนวนพนักงานที่เป็นพนักงานสัญญาจ้าง (Outsource) พนักงานที่เกษียณหรือลาออก และพนักงานผู้เสียสละเข้าร่วมโครงการร่วมใจจากองค์กร ในโครงการร่วมใจจากองค์กร MSP A จากที่เหลืออยู่ 21,000 คน ลดลงอีก โดยในปี 64 จะมีพนักงานเข้าร่วมโครงการร่วมใจจากองค์กร ในโครงการ MSP B และ MSP C อีกประมาณ 6,000-7,000 คน ซึ่งจะทำให้มีพนักงานคงเหลือประมาณ 14,000-15,000 คน ภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งจะทำให้ค่าใช้จ่ายในเรื่องบุคลากรของการบินไทยลดลงเหลือเพียง 13% เท่านั้น จากเดิมมีค่าใช้จ่ายส่วนนี้กว่า 23%

นอกจากนั้น การบินไทยยังมีแผนในการลดขนาดฝูงบิน และปรับลดแบบเครื่องบินจาก 12 แบบ เหลือ 5 แบบ ปรับลดแบบเครื่องยนต์จาก 9 แบบ เหลือ 4 แบบ เพื่อให้สอดคล้องกับอุปสงค์ของอุตสาหกรรมการบิน และความต้องการในการใช้เครื่องบิน ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว รวมถึงยังได้มีการเจรจากับบริษัทที่ให้เช่าเครื่องบิน ให้ลดค่าเช่า และจ่ายเงินการใช้งานตามการใช้จริงของเครื่องบิน ซึ่งทำให้ค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ลดลงในระยะยาวกว่า 40% อย่างไรก็ตาม จากมาตรการลดต้นทุนต่างๆ นั้น มั่นใจว่า จะทำให้การบินไทยมีเงินเหลือประมาณ 36,000 ล้านบาท และภายในปี 65 จะมีเงินเหลือจากต้นทุนกว่า 58,000 ล้านบาท ซึ่งจากปัจจัยต่างๆ ทำให้มีการประมาณการว่า การบินไทยจะกลับมาทำกำไรได้ในปี 66-67


นายชาย กล่าวต่อว่า แม้ว่าจะดำเนินการตามมาตรการลดค่าใช้จ่าย เพิ่มรายได้ก็ตาม การบินไทยก็ยังมีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องหาเงินทุนจากผู้ร่วมทุนใหม่ หรือเงินกู้ จำนวนกว่า 50,000 ล้านบาท มาเสริมสภาพคล่องภายใน 2 ปีนี้ โดยเบื้องต้นระยะเร่งด่วนภายในกลางปี 64 การบินไทยจะต้องใช้เงินจำนวนกว่า 30,000 ล้านบาท มาใช้ในการจัดการในบริษัท ทั้งเรื่องเงินเดือน และเงินชดเชยพนักงานในส่วนต่างๆ อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า ในส่วนของผู้ร่วมทุนใหม่นั้นได้มีการเจราจาบ้างแล้ว แต่ขณะนี้ไม่สามารถเปิดเผยได้ ส่วนการกู้เงินก็เป็นอีกแนวทางหนึ่งของการดำเนินการ

นายนนท์ กลินทะ รักษาการรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายการพาณิชย์ การบินไทย กล่าวว่า ในแผนฟื้นฟูฯ การบินไทยจะเน้นการทำตลาดที่เข้าถึงกลุ่มลูกค้า และความต้องการของผู้โดยสารเป็นหลัก เช่น ให้ผู้โดยสารสามารถเลือกความต้องการของที่นั่ง เลือกน้ำหนักการโหลดกระเป๋าได้ ขณะเดียวกัน จะมีโปรโมชั่นราคาค่าโดยสารที่หลากหลายมากขึ้น นอกจากนั้น การทำตลาดการบินจะเน้นโค้ดแชร์ร่วมกับสายการบินพันธมิตรมากขึ้น และในเดือน ก.ค.นี้ การบินไทยจะกลับมาทำการบินเชิงพาณิชย์ในเส้นทางบินต่างประเทศ ในเส้นทางยุโรป 5 จุดบิน ประกอบด้วย เส้นทางบิน ปารีส แฟรงก์เฟิร์ต โคเปนเฮเกน ลอนดอน ซูริก ส่วนภูมิภาคเอเซีย จะทำการบิน ญี่ปุ่น ในเส้นทางบิน โอซากา ฮาเนดะ นาโกยา ส่วน เกาหลี ทำการบิน อินชอน มะนิลา จาร์การ์ตา เป็นต้น. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์

กทม. 16 ก.ย.-บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เกือบ 5 ล้าน แต่ยายไม่ฟัง ไม่เชื่อว่าโดนหลอก ไล่ตำรวจกลับไป แถมโทรฟ้องมิจฉาชีพว่าตำรวจมากวน สุดท้ายเข้าแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง ตะโกนคุยกับคุณยายวัย 83 ปี ข้ามรั้วประตูบ้าน ว่า อย่าโอนเงินให้มิจฉาชีพอีก หลังธนาคารพบความผิดปกติ เนื่องจากคุณยายถอนเงินออกมาหลายล้านบาท จึงประสานงานไปที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 ให้แจ้งมายังตำรวจนครบาล เพื่อตรวจสอบการโอนเงินของคุณยายโดยด่วน ปรากฏว่า เมื่อตำรวจมาถึงบ้าน คุณยายไม่เชื่อ แถมยังคุยโทรศัพท์กับตำรวจปลอมในมือถือตลอดเวลา แล้วไม่เชื่อว่า ตำรวจที่มาหน้าบ้านเป็นตำรวจจริง จนตำรวจตัวจริงอ่อนใจ ทำได้เพียงแค่ประสานงานผู้นำในชุมชนให้ช่วยดูแลคุณยาย และเตือนเรื่องนี้ ล่าสุดคุณยายมาแจ้งความแล้ว เมื่อวันที่ 13 กันยายน แต่ยังไม่ได้เงินคืน ข้อมูลของตำรวจพบว่า คุณยายโอนเงินไปทั้งหมด 5 ครั้งครั้งแรกวันที่ 3 กันยายน ฝากเงินสดเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง 3.5 ล้านบาทวันที่ 4 กันยายน โอนเงินสดไป 400,000 บาทวันที่ […]

ข่าวแนะนำ

เตือนภาวะน้ำทะเลหนุนสูง 17-22 ก.ย.

กรุงเทพฯ 16 ก.ย.-สทนช. ออกประกาศเตือน เฝ้าระวังน้ำทะเลหนุนสูง 17-22 ก.ย.นี้ คาดระดับน้ำบริเวณป้อมพระจุลจอมเกล้าและพื้นที่ใกล้เคียงจะสูงกว่าจุดวิกฤติ 0.20 เมตร เสี่ยงน้ำเอ่อล้นริมเจ้าพระยา-ท่าจีน-แม่กลอง สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ออกประกาศเตือน เรื่อง “เฝ้าระวังน้ำทะเลหนุนสูง” เตือนประชาชนและหน่วยงานในพื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำท่าจีน และแม่น้ำแม่กลอง ให้เฝ้าระวังระดับน้ำเอ่อล้นตลิ่ง ระหว่างวันที่ 17–22 กันยายน 2568 ในช่วงเวลา 16.00–19.00 น. ของแต่ละวัน โดยเฉพาะพื้นที่นอกแนวคันกั้นน้ำและแนวเขื่อนชั่วคราว ซึ่งยังไม่มีแนวป้องกันน้ำถาวร หรือที่เรียกว่า “แนวฟันหลอ” นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสทนช. กล่าวว่า จากการติดตามสถานการณ์ร่วมกับกรมอุทกศาสตร์ คาดว่าช่วงเวลาดังกล่าวจะเป็นช่วงที่ระดับน้ำทะเลหนุนสูง โดยระดับน้ำบริเวณป้อมพระจุลจอมเกล้าและพื้นที่ใกล้เคียงอาจสูงถึง 1.70–1.90 เมตร จากระดับทะเลปานกลาง ซึ่งสูงกว่าระดับน้ำวิกฤติประมาณ 0.20 เมตร ปัจจัยที่ส่งผลต่อการหนุนสูงของน้ำทะเลในช่วงนี้ได้แก่ ร่องมรสุมที่พาดผ่านประเทศไทย ประกอบกับลมตะวันออกเฉียงใต้และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่มีกำลังปานกลาง ซึ่งยังคงพัดปกคลุมประเทศไทยและบริเวณอ่าวไทย ส่งผลให้บางพื้นที่ยังคงมีฝนตก และเมื่อรวมกับปรากฏการณ์น้ำทะเลหนุน จะทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำเพิ่มสูงขึ้น เกิดน้ำเอ่อล้นตลิ่งในพื้นที่ลุ่มต่ำริมน้ำ พื้นที่เสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ได้แก่ […]

จับตาเวทีหารือปราบสแกมเมอร์

15 ก.ย. – พรุ่งนี้ (16 ก.ย.) ต้องเกาะติดการประชุมความร่วมมือไทย-กัมพูชา วางแนวทางปราบอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและสแกมเมอร์ ที่ จ.สระแก้ว ต่อยอดการประชุม GBC ที่เกาะกง เมื่อ 10 ก.ย.ที่ผ่านมา.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ยืนยันปิดด่านชายแดนกัมพูชาเป็นหนึ่งในยุทธวิธี

เชียงใหม่ 15 ก.ย. – แม่ทัพภาค 2 บรรยายพิเศษที่เชียงใหม่ ปลุกพลังรักชาติของคนไทย ยืนยันปิดด่านชายแดนกัมพูชาเป็นหนึ่งในยุทธวิธี พร้อมให้ข้อมูลแนวหน้าและคำแนะนำกับรัฐบาล ช่วงบ่ายวันนี้ (15 ก.ย.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 พร้อม พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ร่วมบรรยายพิเศษ บอกเล่า “เรื่องจริงจากชายแดน” ที่หอประชุมทีปังกรรัศมีโชติ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ศูนย์แม่ริม อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ มีนักเรียน นักศึกษา ประชาชนชาวเชียงใหม่ และนักศึกษาวิชาทหาร กว่า 2,000 คน รอให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น โดยแม่ทัพภาคที่ 2 ได้พูดคุยกับคุณยายที่มารอต้อนรับ พร้อมสวมกอดคุณยายอย่างเป็นกันเอง และยังมอบลายเซ็นลงบนรูปถ่ายของตนที่คุณยายเตรียมมาด้วย พล.ท.บุญสิน ได้กล่าวสดุดีเหล่าทหารกล้าที่เสียสละเพื่อแผ่นดินไทย แสดงความเสียใจต่อประชาชนผู้สูญเสีย พร้อมประณามการกระทำของทหารกัมพูชาที่โจมตีเข้ามาด้วยอาวุธหนักโดยไม่เลือกเป้าหมาย พร้อมเน้นย้ำกับน้องๆ เยาวชนคนรุ่นใหม่ที่มาร่วมฟังบรรยายในวันนี้ว่าขอให้ยึดมั่นใน 3 สถาบันหลักของชาติ มีความรักชาติหวงแหนในผืนแผนดินไทย จงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ และช่วยกันทำนุบำรุงศาสนา ร่วมแรงร่วมใจสามัคคีกันเป็นพลังให้ประเทศไทยก้าวผ่านหลากหลายความท้าทายในสถานการณ์ปัจจุบันไปให้ได้ ส่วนการเปิดด่านชายแดน […]

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]