สุรินทร์ 6 ส.ค. – ผลกระทบตามแนวชายแดน ส่งผลให้แม่ค้าในตลาดสด ติดชายแดน ในจังหวัดสุรินทร์ แทบหมดตัว ไม่มีรายได้ มีแต่รายจ่าย รวมถึงหนี้สิน ที่ต้องชำระให้ทันเวลา วอนรัฐบาลลงพื้นที่ช่วยเหลือด่วน
บรรยากาศที่จังหวัดสุรินทร์เช้านี้สถานการณ์ยังคงปกติ แต่รายได้ของ แม่ค้าในตลาดสด กลับสวนทางกัน ขณะนี้ไม่มีเงินดำรงชีวิต รวมถึงทุนการประกอบอาชีพ
ทีมข่าวสำนักไทยเดินทางมายังพื้นที่บริเวณอำเภอแห่งหนึ่งติดชายแดนพบว่า เงียบสนิท ประชาชนอพยพออกจากพื้นที่ มีเพียงเจ้าหน้าที่เท่านั้น บางจุดพบเพียงสุนัขที่หิวโหย จากนั้นจึงเดินทางต่อไปสำรวจยังตลาดสดแห่งหนึ่งติดกับแนวชายแดน พบร้านค้าที่เปิดเพียงไม่กี่ร้าน

แม่ค้าขายอาหารสด ในตลาดแห่งนี้มา 23 ปี ให้ข้อมูลว่าปกติรายได้ต่อวันกว่า 100,000 บาท แต่ช่วงปิดด่านเหลือหลักหมื่นต้นๆ และเมื่อเกิดเหตุการณ์ปะทะกันได้หนีเอาตัวรอด ทิ้งของที่ลงทุนมาทั้งหมด ขาดทุนสะสม ติดลบ และต้องจ่ายหนี้แก่ธนาคาร เดือดร้อนมาก ระหว่างรอผลประชุม GBC จึงได้อพยพไปอาศัยบ้านญาติที่ปลอดภัย โดยทุกวันตอนเช้าจะเดินทางมาขายของและช่วงเย็นจะรีบกลับออกไปเพื่อความปลอดภัย
ขณะที่แม่ค้าผลไม้ ที่เพิ่งเดินทางมาร้านวันแรกหลังจากหนีเอาชีวิตรอดไปกรุงเทพมหานคร และวันนี้เป็นวันแรกที่กลับมาทำความสะอาด และคิดหาวิธีการดำเนินชีวิตหลังจากนี้ เนื่องจากเหลือเงินติดตัวไม่ถึง 1,000 บาท อีกทั้งมีหนี้ที่ต้องชำระอีกด้วย
อย่างไรก็ตามแม่ค้าในตลาดส่วนใหญ่ สะท้อนถึงความต้องการให้ภาครัฐเข้ามาช่วยเหลือเยียวยา เนื่องจากได้รับผลกระทบมากจริงๆ รายได้ไม่มี มีแต่รายจ่ายรวมไปถึงหนี้สิน ขอให้ช่วยมีมาตรการรองรับคนชายแดนที่อาศัยในพื้นที่ด้วย

ส่วนสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์เช้านี้ยังคงปกติ โดยผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ได้เดินทางลงพื้นที่ไปยังศูนย์อพยพเพื่อนำสิ่งของไปมอบให้กับประชาชนพร้อมให้กำลังใจโดยมีหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชนในพื้นที่ร่วมลงพื้นที่
ทีมข่าวพบชาวบ้าน หน่วยราชการ และผู้ประกอบการในเขตอำเภอเมืองสุรินทร์ ต่างพร้อมใจประดับธงชาติไทยตามบ้านเรือน ร้านค้า ไม่ว่าจะเป็นหน้าบ้าน เสาไฟฟ้า ศาลาประชาคม หรือแม้แต่รถจักรยานยนต์ส่วนตัว และสถานที่ต่างๆ ทั่วเมือง ซึ่งการประดับธงชาติไทย เริ่มขึ้นตั้งแต่เกิดการปะทะในพื้นที่แนวชายแดน โดยมีเป้าหมายเพื่อแสดงออกถึงความรักชาติ และเป็นกำลังใจสำคัญให้กับเจ้าหน้าที่ทหารและทุกหน่วยงานที่กำลังปฏิบัติภารกิจร่วมถึงให้กำลังใจคนไทยทุกคนที่ต้องอยู่ในวิกฤติแบบนี้.-สำนักข่าวไทย