ทำเนียบ 6 ส.ค.- ศบ.ทก. เผยข่าวดี ที่ประชุม GBC สรุปข้อตกลง 2 ฝ่าย พร้อมเตรียมเสนอให้ สมช. – ครม. นัดพิเศษ พิจารณาเย็นนี้ ก่อน รมช.กห. เดินทางร่วมลงนามพรุ่งนี้ ด้าน กต. เตรียมประชุมทูตทั่วโลก เพื่อชี้แจงสถานการณ์ให้นานาชาติเข้าใจ หลังพาองค์การระหว่างประเทศเยี่ยม 18 เชลยศึก ขณะที่ผ่อนปรนให้โดรนเพื่อการเกษตรบินได้หลัง 15 ส.ค.นี้
พลเรือตรีสุรสันต์ คงสิริ โฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทบ.) และนางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศและรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมกับนางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงการณ์ภายหลังจากการประชุมความคืบหน้าสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา
พลเรือตรีสุรสันต์ แถลงว่าสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ในส่วนของความมั่นคงในห้วงที่ผ่านมา สถานการณ์โดยทั่วไปอยู่ในสภาวะปกติ มีการเสริมที่มั่นทางทหารในพื้นที่บางส่วน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่มีการเสริมกำลังทหารแต่อย่างใด ในช่วงเวลาที่ผ่านมาเช่นเดียวกันก็มีการตรวจพบว่ามีการใช้โดรนเพิ่มมากยิ่งขึ้น ในสถานการณ์ไทยห้ามบินโดรนทั่วประเทศ ซึ่งฝ่ายความมั่นคงยังเข้มงวดในการสกัดกั้น ตรวจตรา ตรวจสอบ รวมทั้งดำเนินการตามกฎหมายอย่างต่อเนื่องด้วย ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ถึงวันที่ 15 สิงหาคมนี้
ส่วนสถานการณ์บริเวณช่องอานม้า ที่ฝ่ายกัมพูชาพยายามตัดลวดหนามที่ฝ่ายไทยได้วางไว้ ตามขอบเขตอธิปไตยของไทย ปัจจุบันกำลังทหารในพื้นที่ของทั้งสองฝ่ายได้มีการพูดคุยเจรจาเรียบร้อยแล้ว ไม่มีการกระทบกระทั่งใด ๆ สถานการณ์อยู่ในสภาวะปกติ ซึ่งฝ่ายไทยได้ดำเนินการวางลวดหนามชุดใหม่ทดแทนชุดเดิมที่ถูกตัดไปเรียบร้อยแล้ว
ต่อมา การดำเนินการต่อบุคคลที่ถูกจับกุมและเป็นคนต่างด้าว ขอยืนยันให้พี่น้องประชาชนได้เชื่อมั่นและมั่นใจ ว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมีความเข้มงวดในการตรวจตราและดำเนินการจับกุมต่อบุคคลต่างด้าวที่เข้าเมืองโดยผิดกฎหมายอย่างต่อเนื่อง ที่ผ่านมามีการจับกุม ดำเนินการและดำเนินคดีไปบ้างแล้ว โดยหลักการการปฏิบัติ คือ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการปฏิบัติการเชิงรุกในการตรวจค้นขยายผล โดยการสืบสวนสอบสวนขยายผลเกี่ยวกับผู้ที่มีพฤติกรรมน่าสงสัยหรือคนต่างด้าวที่แฝงตัวเข้ามาเพื่อเป็นข้อมูลด้านความมั่นคง ได้ประสานกับหน่วยงานความมั่นคงต่าง ๆ โดยแจ้งเบาะแส รายละเอียดต่าง ๆ ให้หน่วยงานด้านความมั่นคงได้ทราบด้วยเช่นเดียวกัน ในลักษณะการแชร์ข้อมูล เพื่อเป็นการป้องกันป้องปรามการขยายใช้ข่าว การรายงานข่าวที่อาจบิดเบือนและที่มีผลทางด้านความมั่นคง หากมีการตรวจสอบแล้ว ทางฝ่ายความมั่นคงพิสูจน์ทราบแล้วยังไม่มีประเด็นใด ๆ ที่น่าเป็นห่วง บุคคลต้องสงสัยนั้นก็จะถูกผลักดันออกนอกประเทศและขึ้นทะเบียนไว้ตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 และหากพบว่านอกจากบุคคลนั้นเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายแล้ว ทำผิดกฎหมายในเรื่องอื่น ๆ ก็จะดำเนินการตามคดีตามกฎหมายของไทยที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมอีกด้วย
พลเรือตรีสุรสันต์ ยังกล่าวถึงเรื่องการใช้โดรนในช่วงเวลาที่ผ่านมา ที่มีการตรวจพบการใช้โดรนเพิ่มมากขึ้น จึงขอเน้นย้ำว่าประเทศไทยยังไม่อนุญาตให้มีการบินโพรนทุกชนิด ทุกประเภท ทั่วประเทศ จนถึงวันที่ 15 สิงหาคม 2568 ตามประกาศ ของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย อย่างไรก็ตามในวันนี้ในที่ประชุมศบ.ทก.มีการพูดคุยเรื่องการผ่อนปรนการบินโดรนเกษตร ในบางพื้นที่ ภายหลังวันที่ 15 สิงหาคม ด้วยเห็นว่าพี่น้องเกษตรกรมีความจำเป็นและเดือดร้อน จำเป็นต้องใช้โดรนเพื่อการเกษตร ซึ่งโดรนการเกษตรที่จะขึ้นบินต้องผ่านการขึ้นทะเบียน การหารือมีประเด็นว่าโดรนเกษตรที่จะใช้ต้องผ่านการขึ้นทะเบียนผู้บังคับหรือผู้ควบคุมอากาศยาน และมีการลงทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฏหมาย ผ่านระบบ UAS Portal ของสำนักงานการบินพลเรือน การบินสามารถบินได้เฉพาะเวลากลางวัน ตั้งแต่เวลา 06.00 น. ถึง 18.00 น. การลงทะเบียนไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ ซึ่งจะมีประกาศเรื่องการผ่อนปรนการบินโดรนให้ประชาชนทราบต่อไป
พร้อมเน้นย้ำ ปัจจุบันผู้ซื้อโดนที่มีจำหน่ายตามท้องตลาดทั่วไป มีหน้าที่จะต้องลงทะเบียนที่จุดขายคล้ายกับการซื้อซิมโทรศัพท์มือถือ
ในส่วนของความมั่นคงการประชุม GBC เมื่อคืนนี้ คณะเลขานุการ GBC ของทั้งสองฝ่ายได้ประชุมเจรจาหารือจนถึงเวลา 24.15 น. เนื่องจากทางฝ่ายเลขาของกัมพูชาไม่สามารถตัดสินใจ ตกลงใจได้ในบางหัวข้อจึงต้องส่งเรื่องต่าง ๆ เหล่านี้กลับไปให้พนมเปญพิจารณาก่อน จนทำให้เกิดความล่าช้าในการตกลงใจ จนกระทั่งเมื่อเช้านี้ มีข่าวดีที่ทั้งสองฝ่ายสามารถสรุปข้อตกลงได้และปัจจุบันอยู่ระหว่างการเตรียมเอกสารให้ประธานของทั้งสองฝ่ายพิจารณา ขอเน้นย้ำว่าเป็นการตกลงระหว่างฝ่ายเลขาฯ ร่วม ยังไม่ถือว่าเป็นข้อตกลงสุดท้ายของประชุมนี้ โดยฝ่ายไทยจะนำเรื่องข้อสรุปเสนอเข้าที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในช่วงบ่ายวันนี้ ที่จะมีการประชุม สมช. ร่วมกับการประชุม ครม.วาระพิเศษด้วย เพื่อให้ความเห็นชอบต่อไป ก่อนที่ประธานฝ่ายไทยจะเดินทางไปประชุม GBC ในวันพรุ่งนี้ที่ประเทศมาเลเซีย
ด้านนางมาระตี แถลงถึงการเยี่ยมลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมเชลยศึกของผู้แทนคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (ICRC) เมื่อวานนี้ที่กองทัพบกและกระทรวงการต่างประเทศได้นำคณะเจ้าหน้าที่สำนักงานภูมิภาคของคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ เข้าเยี่ยมเชลยศึกชาวกัมพูชาที่อยู่ระหว่างการถูกควบคุมตัว 18 นาย ขอย้ำว่าเป็นการริเริ่มฝ่ายไทย เพื่อแสดงเห็นถึงความโปร่งใสในการดำเนินการการปฎิบัติตามหลักมนุษยธรรม และการปฏิบัติตามหลัก ICRC ของฝ่ายไทย ตามกฎหมายอย่างครบถ้วนและเคร่งครัด สำหรับการดำเนินการในขั้นตอนต่อไป กระทรวงการต่างประเทศทั้งที่กรุงเทพฯ และผ่านคณะผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครเจนีวา จะดำเนินการเชิงรุกเพื่อประสานงานกับทั้งสำนักงานภูมิภาคในประเทศไทย และสำนักงานใหญ่ของ ICRC ที่นครเจนีวาอย่างใกล้ชิด และพร้อมให้ความร่วมมือ ชี้แจงข้อมูลการดำเนินงานของฝ่ายไทย
นางมาระตี ยังเผยว่า ในวันพรุ่งนี้ (7 ส.ค.) กระทรวงการต่างประเทศจะจัดการประชุมออนไลน์ กับเอกอัครราชทูต เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรและกงสุลใหญ่ของไทยทั่วโลก เพื่อย้ำการดำเนินการเชิงรุกของทีมประเทศไทย ในการเดินหน้าชี้แจงข้อเท็จจริงที่เป็นหลักฐานเชิงประจักษ์และพิสูจน์ได้ เพื่อป้องกันไม่ให้รัฐบาลและสื่อมวลชนต่างประเทศ ตลอดจนประชาคมโลกเข้าใจผิดจากการเผยแพร่ข้อมูลเท็จ ข้อมูลบิดเบือนอย่างเป็นระบบของฝ่ายกัมพูชาที่มีออกมาอย่างแพร่หลายมากจนถึงปัจจุบัน พร้อมยืนยันจุดยืนของไทยให้ประชาคมโลก นานาประเทศ ได้รับทราบต่อเนื่องจากการเข้าร่วมกิจกรรมเสวนาที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ และการจัดการบรรยายสรุปแก่คณะฑูตและผู้แทนองค์การระหว่างประเทศประจำประเทศ เมื่อวันที่ 4 สิงหาคมที่ผ่านมา
ในส่วนของการประชุมออนไลน์ในวันพรุ่งนี้ จะได้รับทราบข้อมูลล่าสุดเพื่อทำความเข้าใจกับรัฐบาล องค์การระหว่างประเทศ สื่อมวลชนท้องถิ่น และภาคส่วนอื่น ๆ เพื่อเน้นหลักการของไทยที่ต้องการยุติความขัดแย้ง โดยสันติวิธีและกลับสู่การเจรจากับกัมพูชาบนพื้นฐานความจริงใจ ความสุจริตใจ
สุดท้ายนี้ ในช่วงเวลานี้การเผยแพร่ข่าวปลอม ข่าวบิดเบือนจากฝ่ายกัมพูชา และการใส่ร้ายฝ่ายไทยถึงขั้นแต่งนิยาย มีความถี่มากขึ้นเป็นพิเศษในช่วงเวลานี้ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ทีมไทยแลนด์อยู่ที่มาเลเซีย กำลังเจรจาในกรอบ GBC อยู่ ขอเรียนว่าฝ่ายไทยเชื่อมั่นว่าการรักษาบรรยากาศที่ดีโดยไม่ใส่ร้ายอีกฝ่ายหนึ่ง จะเป็นส่วนสำคัญที่จะลดความตึงเครียดระหว่างสองประเทศเพื่อประโยชน์ของประชาชนของทั้งสองฝ่าย ไม่ใช่ประโยชน์ของฝ่ายรัฐบาลอย่างเดียว บรรยากาศที่จะเอื้อต่อการเจรจาในกรอบเจรจา GBC มีความสำคัญมาก จะยกระดับขึ้นเป็นระดับรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมในวันพรุ่งนี้ ซึ่งขอให้ทุกท่านทั้งที่อยู่ที่มาเลเซียแล้วและทีมงานที่จะเดินทางไปพร้อมกับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมประสบความสำเร็จในภารกิจนี้
นางสาวศศิกานต์ ระบุว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับทุกชีวิต ขอยืนยันว่าการเยียวยาทุกอย่างจะเป็นไปอย่างรอบด้าน ครบทุกมิติ มีมาตรฐาน ให้เกียรติผู้เสียสละอย่างสูงสุด ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวานนี้ได้มีมติเห็นชอบหลักเกณฑ์กรอบอัตราการเยียวยา ตามข้อเสนอของสภาความมั่นคงแห่งชาติ โดยอ้างอิงจากข้อมูลสถิติรายได้ประชาชาติและอัตราค่าจ้างขั้นต่ำในพื้นที่ชายแดน ทั้งนี้เพื่อสะท้อนมูลค่าความเสียหายและความสูญเสียที่เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม เป็นส่วนเพิ่มเติมจากกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย ที่อนุมัติไปก่อนหน้านี้แล้ว
สำหรับเจ้าหน้าที่ของรัฐ เช่น ทหาร ตำรวจ เจ้าหน้าที่แนวหน้า หากถึงแก่ชีวิตหรือทุพพลภาพ จะได้รับเงินเยียวยารวม 10 ล้านบาทต่อราย และ 8 ล้านบาทต่อรายสำหรับพลเรือน ในส่วนที่มากกว่าของเจ้าหน้าที่รัฐ คือ ค่าเสี่ยงภัย กรณีบาดเจ็บสาหัส เจ้าหน้าที่จะได้รับเงิน 1 ล้านบาท และพลเรือน 800,000 บาท กรณีบาดเจ็บมากเจ้าหน้าที่รัฐจะได้รับ 500,000 บาท พลเรือน 400,000 บาท นอกจากนี้คณะรัฐมนตรียังได้มีมติอนุมัติกรอบงบประมาณเบื้องต้น จำนวน 404.6 ล้านบาทจากกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณะภัย และงบกลางเพื่อเยียวยาความเสียหายในครั้งนี้
ในส่วนของระเบียบปกติได้เริ่มดำเนินการจ่ายเงินไปแล้ว แต่ในส่วนเพิ่มเติมที่ครม.เพิ่งอนุมัติมาจะทำให้เร็วที่สุด และในกรณีที่บางเคสไม่ได้รวมอยู่ในหลักเกณฑ์ รัฐบาลกำลังพิจารณาความช่วยเหลืออย่างเร็วที่สุดเช่นกัน ทั้งนี้รัฐบาลยังมอบหมายให้หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเร่งสำรวจและประเมินความเสียหายด้านทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่เพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามลำดับขั้นตอนอย่างรวดเร็วที่สุด -สำนักข่าวไทย