ภาคอสังหาฯ เสนอรัฐออกมาตรการกระตุ้น

กรุงเทพฯ 3 ก.ย.- นายกรัฐมนตรีเปิดตึกไทย พบปะพูดคุยกับภาคธุรกิจ 4 กลุ่มรับฟังข้อเสนอและความเห็นเกี่ยวกับการเดินหน้าเศรษฐกิจประเทศ ขณะที่ภาคอสังหาฯ เสนอให้รัฐบาลลดค่าธรรมเนียมการโอน-จดจำนอง และผ่อนคลาย LTV กระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ที่ปีนี้ย่ำแย่


วันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดทำเนียบรัฐบาลตั้งแต่เช้าเชิญตัวแทนและผู้ประกอบการในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ค้าปลีก และพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-commerce เข้าพบ มีนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เข้าร่วม ในรูปแบบที่ไม่เป็นทางการ และเป็นวงพูดคุยขนาดเล็ก ทีละกลุ่ม เพื่อรับฟังข้อเสนอวิสัยทัศน์ ขับเคลื่อนแต่ละภาคธุรกิจ ที่โดยจะหารือ 5 หัวข้อหลัก คือวิสัยทัศน์หรือมุมมองใน 3 ปีข้างหน้า โอกาสไทยในเวทีโลก เรื่องสำคัญที่สุด 3 เรื่อง ที่ต้องการให้รัฐบาลสนับสนุน อุปสรรคที่สำคัญมากที่สุดที่ขัดขวางความสำเร็จ กฎกติกาของภาครัฐที่เป็นอุปสรรคต่อการทำงาน และ หน่วยงานของภาครัฐที่อยากเห็นการปฏิรูป

นายอธิป พีชานนท์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมอาคารชุดไทย เผยจะเสนอให้รัฐบาลลดค่าธรรมเนียมการโอน และจดจำนอง ที่อยู่อาศัยราคา 3 ล้านบาทแรก และส่วนที่เหลือก็เสียค่าใช้จ่ายในอัตราปกติ ทั้งนี้ เพื่อให้ครอบคลุมที่อยู่อาศัยทุกเซกเมนต์ นอกจากนี้ จะยื่นข้อเสนอให้แบงก์ชาติ ผ่อนปรนมาตรการกำกับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (Loan to Value : LTV) ไปยังนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ว่าที่ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย อีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่ก่อนหน้านี้เคยยื่นเรื่องไปที่นายวิรไท สันติประภพ ที่จะหมดวาระในวันที่ 30 กันยายน 2563


รวมทั้งจะผลักดันให้เกิดกฎหมายสิทธิการเช่าในที่อยู่อาศัย เพื่อให้ต่างชาติสามารถถือครองที่อยู่อาศัยในรูปแบบการเช่าระยะยาว จากเดิม 30+30 ปี เป็น 50 ปี และสามารถขายสิทธิการเช่ากรรมสิทธิ์นั้นได้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับการขายอสังหาฯ ในระดับนานาชาติ

ด้านนายพรนริศ ชวนไชยสิทธิ์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย กล่าวว่า จะเสนอให้ใช้โอกาสจากการที่ประเทศไทยบริหารจัดการวิกฤติโควิด-19 ได้ดี เป็นจุดแข็งของประเทศไทย จัดแคมเปญ Thailand Best Second Home ประเทศไทยเหมาะเป็นบ้านหลังที่ 2 ที่ดีที่สุด เพื่อส่งเสริมให้ต่างชาติมาซื้อบ้านในไทยได้ง่ายขึ้น และเป็นการช่วยระบายสตอกอสังหาริมทรัพย์ที่เหลืออยู่จำนวนมาก

ด้านศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย เผยครึ่งแรกปี 2563 สตอกอสังหาริมทรัพย์คงเหลือสะสม 221,192 หน่วย เพิ่มขึ้น 2,311 หน่วย จากสิ้นปี 2562 เป็นห้องชุด 40.9% เป็นทาวน์เฮาส์ 32.6% และเป็นบ้านเดี่ยว 16.7% เป็นบ้านแฝด 7.7% และเป็นตึกแถว 1.8%.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

จำคุกสมรักษ์คำสิงห์

ศาลสั่งคุก 2 ปี 13 เดือน 10 วัน “สมรักษ์” พยายามข่มขืนสาววัย 17

ศาลจังหวัดขอนแก่น พิพากษาจำคุก “สมรักษ์ คำสิงห์” อดีตนักมวยฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก เป็นเวลา 2 ปี 13 เดือน 10 วัน พร้อมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนรวม 170,000 บาท คดีพยายามข่มขืนเด็กสาววัย 17 ปี

Chinese foreign ministry in January 2025

ถอดบทเรียนจากจีน แก้ปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 จริงจัง

ปักกิ่ง 23 ม.ค. – สถานการณ์ฝุ่นพิษ PM 2.5 ที่กำลังเป็นปัญหาใหญ่และเร่งด่วนในไทยอยู่ในขณะนี้ หลายฝ่ายกำลังหาทางแก้ไขด้วยการมุ่งไปที่ต้นตอที่ทำให้เกิดฝุ่น จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลกระบุว่า ในปี พ.ศ. 2542 ประชากรโลกมากถึง 92% ได้รับฝุ่น PM2.5 ในระดับความเข้มข้นสูงกว่าที่องค์การอนามัยโลกกำหนด และถ้ารัฐบาลทุกประเทศไม่เร่งแก้ปัญหาอย่างเอาจริงเอาจัง ภายในอีก 7 ปีข้างหน้า หรือ พ.ศ. 2573 คุณภาพชีวิตคนทั่วโลกจะยิ่งเลวร้ายสุดขีด เพราะปริมาณ PM2.5 จะเพิ่มขึ้นจากเดิม 50% และประเทศที่สามารถพิสูจน์ให้เห็นเป็นตัวอย่างว่า หากรัฐบาลตั้งใจจริงจัง ทุ่มสรรพกำลังความพยายาม จะสามารถกำจัดปัญหาฝุ่นควันพิษได้อย่างแน่นอนนั่นก็คือ จีน   จีนเคยมีคนเสียชีวิตเพราะมลพิษในอากาศปีละหลายล้านคน แต่ทุกวันนี้แม้แต่ธนาคารโลกยังยกย่องจีนว่า เป็นแบบอย่างของความพยายาม สามารถพลิกฟ้าหม่นเพราะฝุ่น PM2.5 ให้กลับเป็นฟ้าใสได้สำเร็จ ความพยายามของเหมา เจ๋อตุง ผู้นำจีนที่มุ่งเปลี่ยนสังคมเกษตรกรรมเป็นสังคมอุตสาหกรรม ทำให้จำนวนโรงงานในจีนเพิ่มขึ้นทวีคูณภายใน พ.ศ. 2502 แน่นอนว่า นโยบายเศรษฐกิจของผู้นำจีนช่วยให้คนจีนหลายล้านหลุดพ้นจากขีดความยากจน แต่ก็ต้องแลกกับชีวิตและสุขภาพ เพราะควันพิษจากโรงงานทำให้ฝุ่น PM2.5 พุ่งในระดับเกินกว่าจะรับไหว กว่ารัฐบาลจะรู้ตัวว่าปัญหามาถึงขั้นวิกฤต […]

คึกคัก คู่รักจูงมือกันไปจดทะเบียนวันแรกกฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผล

วันนี้กฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการ หลายคู่รักควงแขนไปจดทะเบียนสมรสกันชื่นมื่น ที่สยามพารากอน มีคู่รักที่ลงทะเบียนมาจดทะเบียนสมรสที่นี่กว่า 300 คู่

ผู้ป่วยเสียชีวิต

รพ.สิรินธร ยืนยันไม่มีผู้ป่วยช็อก-เสียชีวิต จากเหตุชายผิวสีคลุ้มคลั่ง

ผอ.รพ.สิรินธร ยืนยันไม่มีผู้ป่วยช็อก หรือเสียชีวิต จากเหตุต่างชาติผิวสีคลุ้มคลั่ง มีเพียงเจ้าหน้าที่ รพ.บาดเจ็บจากการถูกต่อยเล็กน้อย

ข่าวแนะนำ

ดีเอสไอจ่อล่องเรือใช้เลเซอร์สแกนจำลอง 3 มิติ สืบคดี “แตงโม”

ดีเอสไอ นำผู้เชี่ยวชาญหลายด้านเปิดประชุมนัดแรก ลุยสืบสวน “คดีแตงโม” จ่อล่องเรือใช้เลเซอร์สแกนจำลอง 3 มิติ หาพยานหลักฐานใหม่ และบินเก็บข้อมูลระบบ Cloud ในมือถือทุกคนบนเรือ-นอกเรือ

แก้ปัญหาฝุ่น

นายกฯ สั่งการด่วนคมนาคมออกมาตรการหยุด PM 2.5

นายกฯ สั่งการคมนาคมออกมาตรการเร่งด่วน หยุด PM 2.5 ให้ประชาชนนั่งรถไฟฟ้าทุกสาย-ขสมก.ฟรี 7 วัน 25-31 ม.ค.นี้ เตรียมใช้งบกลางกว่า 140 ล้านบาท ชดเชยผู้ประกอบการ เข้มตั้งจุดตรวจควันดำ 8 จุด รอบ กทม.-ปริมณฑล

เปิดรับการลงทุน

นายกฯ ย้ำบทบาทของไทยในเวทีโลก ที่ดาวอส พร้อมเปิดรับการลงทุน

นายกฯ ย้ำบทบาทของไทยในเวทีโลก ที่ดาวอส พร้อมเปิดรับการลงทุนสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ ด้วยจุดแข็งด้านเกษตรกรรม Soft Power และอุตสาหกรรมที่มีความยั่งยืน มุ่งมั่นพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลและการค้าเสรี เร่งสร้างสภาพแวดล้อมทางการค้าที่เสรี เปิดกว้าง และยั่งยืน

ช้างหลุดเดินถนน

ระทึก! ช้างหลุดจากปางช้างเดินบนถนน รถเสียหาย 1 คัน

ระทึก! ควาญช้างและตำรวจเร่งติดตามช้างหลุดจากปาง เดินบนถนน ชนกระจกมองข้างรถยนต์เสียหาย 1 คัน สุดท้ายไปเจอเล่นน้ำอยู่ในลำธารอย่างสบายใจ