สศช.เผยจีดีพีปี 60 ขยายตัวร้อยละ 3.9

สศช. 19 ก.พ.- สศช.เผยจีดีพีปี 60 ขยายตัวร้อยละ 3.9  คาดจีดีพีปี 61 โตต่อเนื่องร้อยละ 4.1 ยอมรับบาทผัวผวนแนวโน้มแข็งค่า   ส่งเสริมเอกชนออกไปลงทุนต่างประเทศ 


นายปรเมธี วิมลศิริ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยว่า ตัวเลขเศรษฐกิจทั้งปี 60 ขยายตัวได้ร้อยละ 3.9 หลังจากจีดีพีไตรมาส 4 ขยายตัวร้อยละ  4.0  ปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจาก, ไตรมาส 2 ขยายตัวร้อยละ 3.9 , ไตรมาส 3 ขยายตัวร้อยละ 4.3 นับว่า GDP ขยับเพิ่มจากปีก่อนที่ขยายตัวร้อยละ 3.3 ในปี 59 เพราะการบริโภคภาคเอกชนขยายตัวร้อยละ 3.2 และการลงทุนภาคเอกชนขยายตัวร้อยละ 1.7 ภาคเกษตรเติบโตดีขึ้นร้อยละ 6.2 จากเคยติดลบร้อยละ 2.5ในปี 59  ส่วนการส่งออกขยายตัวร้อยละ 9.7 เร่งสูงขึ้นจากปี 59 ขยายตัวร้อยละ 0.1 นับว่า นับว่าการส่งออกสูงสุดในรอบ 6 ปี   อัตราเงินเฟ้อร้อยละ 0.7 ขนาดจีดีพีของประเทศ 15,450 พันล้านบาท หรือ 455.4 พันล้านดอลลาร์ สอร. รายได้เฉลี่ยต่อหัวของไทย 228,371 บาทต่อปี หรือ 6,729 ดอลลาร์ สอร.ต่อหัวต่อปี  

สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจปี 61  สศช.ยังคาดการณ์จีดีพีขยายตัวร้อยละ 4.1 หรืออยู่ในช่วงร้อยละ  3.6-4.6  แต่ได้ทบทวนปัจจัยหลายภายใน  ทั้งปรับเป้าหมายใหม่จากจีดีพีโลกจากร้อยละ 3.6 เพิ่มเป็นร้อยละ 3.8 เพราะอัตราแลกเปลี่ยน ผันผวนเดิมคาดการณ์เงินบาทอ่อนค่ามีราคา 33.9 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ จึงทบทวนค่าเงินบาทใหม่ แข็งค่าประมาณ 31.5-32.5 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เพราะสหรัฐอาจปรับเพิ่มดอกเบี้ย การลดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดของประเทศจากเดิมขยายตัวร้อยละ 8.1 เหลือเกินดุลร้อยละ 7.8 เพื่อทำให้ลดแรงกดดันต่อค่าเงินบาทในการนำรายได้เข้ามาแลกเป็นเงินบาท จึงต้องใช้โอกาสนี้เร่งรัดนำเข้าเครื่องมือเครื่องจักรเพื่อลงทุนของรัฐวิสาหกิจและเอกชน หรือการส่งเสริมให้ภาคเอกชนรายใหญ่ออกไปลงทุนในต่างประเทศ 


ส่วนราคาน้ำมันตลาดโลกเมื่อเศรษฐกิจเติบโตคาดว่าจะปรับสูงขึ้นด้วย คาดว่าตลาดดูไบราคา 55-65 บาทต่อดอลล์ สรอ.ต่อาร์เรล การส่งออกในรูปดอลลาร์ สอร. ปรับจากร้อยละ 5.0 เพิ่มเป็นร้อยละ 6.8 ถือว่าขยับเป้าหมายส่งออกจากเดิม เพราะมองว่าเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวโตต่อเนื่อง  นับว่าศักยภาพในการส่งออกยังสูง เพราะเศรษฐกิจยังขยายตัวซึ่งได้ปรับเป้าหมายใหม่  ส่วนอัตราเงินเฟ้อยอมรับว่าหลังจากมีปัญหาภาวะเงินฝืดร้อยละ 0.2 ในปี 59 และเริ่มดีขึ้นร้อยละ 0.7 ในปี 60 จากนั้นปี 61 อัตราเงินเฟ้อร้อยละ 0.9-1.9 นับว่าเป็นเงินเฟ้อนอ่อนสนับสนุนต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ 

แนวทางบริหารในของรัฐบาลในปี 61 ต้องมุ่งเน้นส่งเสริมการผลิตภาคเกษตรให้เข้าสู่ภาวะปกติ นอกจากน้ีรองนายกฯสมคิด ยังกำหนดแผนผลักดันการส่งออกของกระทรวงพาณิชย์ให้เติบโตต่อเนื่องจากปี 60  ผลักดันการลงทุนภาครัฐเพื่อเบิกจ่ายงบประมาณให้ได้ร้อยละ 72 และการลงทุนภาครัฐวิสาหกิจให้ได้ร้อยละ 77 การสร้างความมั่นใจกับนักลงทุนจากความต่อเนื่องของนโยบายหลังเปลี่ยนผ่านไปสู่การเลือกตั้ง การดูแลเศรษฐกิจฐานรากให้มีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

“เหนือ-อีสาน-กลาง” อากาศเย็น ภาคใต้ฝนตกหนัก

กรมอุตุฯ รายงานภาคเหนือ อีสาน และภาคกลาง อากาศเย็นในตอนเช้า มีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ส่วนภาคใต้ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง