เลขาธิการสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุนแนะนักลงทุนควรศึกษาก่อนเข้าลงทุน

กรุงเทพฯ 25 ก.ย.-เลขาธิการสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุนแนะนักลงทุนหน้าใหม่ควรศึกษารายละเอียดก่อนเข้าลงทุน โดยเฉพาะต้องระวังการเข้าใจผิด  เพราะชีวิตอาจเปลี่ยนไปสู่ความย่ำแย่ได้


นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการ สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน กล่าวว่า การลงทุนมีทั้งโอกาสและความเสี่ยงควบคู่กัน การไม่ลงทุนเลยเป็นการปิดโอกาสของอนาคตที่น่าเสียดายแต่ต้องไม่มั่นใจเกินความจริง เพราะโอกาสทายผิดเกิดขึ้นได้ในบางครั้ง โดยหลายปีที่ผ่านมา การที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารต่ำเตี้ยเรี่ยดินเพียง 0.50-1.50% เป็นเวลานาน มีผลทำให้เกิดผู้สนใจเข้าลงทุนในสินทรัพย์เพื่อการลงทุน ทั้งหุ้น ทอง กองทุน หุ้นกู้ หรือแม้กระทั่งคริปโท กันอย่างมากมาย ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ดี ที่คนไทยได้หาทางออกในการออมเงินรูปแบบที่มากกว่าการฝากธนาคารเพียงอย่างเดียว โดยมีข้อมูลสถิติ และมีเหตุผลทางวิชาการสนับสนุนอย่างหนักแน่นว่า สินทรัพย์เพื่อการลงทุนนั้นมีผลตอบแทนระยะยาวดีกว่าเงินฝากแต่ก็มีความเสี่ยงที่สูงกว่าสอดคล้องกัน

สำหรับหลักการในการลงทุนต่างๆ เช่น ความรู้ในสินทรัพย์ที่ลงทุน การกระจายความเสี่ยงการลงทุน ความรู้ทางการวิเคราะห์  เทคนิคและกลยุทธ์การลงทุน คุณผู้อ่านน่าจะเคยเห็น เคยฟังกันมามากพอสมควร  บทความวันนี้ ผมจะขอจับบางประเด็นของการลงทุนที่ต้องระวังการเข้าใจผิด  เพราะชีวิตอาจเปลี่ยนไปสู่ความย่ำแย่ได้  มีประเด็นดังนี้ คือ 


เรื่องของหุ้น หลายท่านรู้ว่า ให้ใช้หลักการกระจายการลงทุน จึงกระจายไปในหลายหุ้นแล้ว แต่ว่าหลายหุ้นนั้นเป็นธุรกิจประเภทเดียวกันหมดเลย เวลาธุรกิจนั้นแย่ จึงเเย่ไปทั้งหมด เช่นลงหุ้นเกี่ยวกับท่องเที่ยวทั้งหมด แล้วมาเจอภาวะโควิดอย่างยาวนาน  ที่จริงต้องกระจายหุ้นไปในหลายธุรกิจ (ที่เลือกแล้วว่าแนวโน้มธุรกิจดี)

เลือกหุ้นที่มี Volume ซื้อขายเยอะ แสดงว่าหุ้นดีมีคนเข้าซื้อเยอะ  อันนี้จริงบางส่วน แต่มีหลายหุ้นที่ไม่จริงนะครับ โดยเฉพาะหุ้นที่ผลการดำเนินงานปัจจุบันยังไม่เคยมีแววดีเลย มีแต่ข่าวและการแสดงวิสัยทัศน์ที่น่าตะลึงพรึงเพริด กรณีนี้นอกจากวิธีต้องไปตรวจจากงบการเงิน ดูกำไร และ Cashflow แล้ว ผมแนะให้ไปดูว่ามีบทวิเคราะห์ทางปัจจัยพื้นฐาน(IAA Consensus) ใน www.settrade.com หรือไม่นะครับ ปกติแล้ว  แม้ว่านักวิเคราะห์ไม่ค่อยเขียนหุ้นขนาดกลางถึงเล็กเพราะไม่มีกำลังคนมากพอ  แต่ถ้าเป็นหุ้นที่มีการซื้อขายมากและเป็นบริษัทดี  นักวิเคราะห์ไม่ทิ้งให้เหงาแน่  ต้องมีคนเข้าไปวิเคราะห์ไว้มากมาย ดังนั้น ถ้าไม่มีเลย หรือมีแค่ 1-2 ราย ทั้งๆ ที่มี Volume มากแบบนี้ โปรดไตร่ตรองให้ดีครับ 

ตลาดล่วงหน้าเปิดโอกาสให้ทำกำไรทั้งขาขึ้นและขาลง กรณีนี้ เป็นการเปิดโอกาสให้ท่านที่มีวิทยายุทธ์ที่ดีที่จะทายทิศทางให้ถูก จึงต้องเข้าใจตรงกันครับว่า ถ้าทายผิดก็ต้องขาดทุนครับ จึงไม่ควรทุ่มหนักตรงนี้เพราะเข้าใจว่าคงกำไรดีทั้งตอนขาขึ้นและขาลง


ทองคำ ตามรายงานข่าวมักเห็นคำว่า ทองคำเป็น Safe Haven หลายคนเลยเข้าใจว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยไม่เสี่ยงอันนี้ต้องเรียนว่า ตามสถิติเห็นได้ชัดเจนว่าทองคำเป็นสินทรัพย์เสี่ยงที่มีราคาขึ้นลงรุนแรงพอสมควร  สถิติรายปี บางครั้งขึ้น 7-8 ปีต่อเนื่อง  รวมแล้วหลายร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่รอบที่ลงก็แย่ยาวไป 3-5 ปี รวมขาลง ร่วม 30-40% ทีเดียวแต่เฉลี่ยแล้วก็นับว่าให้กำไรระยะยาว เฉลี่ยปีละ 6% ดังนั้น แม้พวกเรารวมถึงผมด้วย จะสนใจลงทุนทองคำแต่ต้องเข้าใจตรงกันว่า เป็นของเสี่ยง มีโอกาสที่จะลงมากเป็นบางจังหวะครับ  สรุปแล้วทองคำแม้จะน่าสนใจ แต่ไม่ควรทุ่มหมดหน้าตัก ควรกระจายเงินไปในสินทรัพย์การเงินอื่นๆด้วย

หลายคนฟังมาว่า หุ้นกู้เสี่ยงน้อยกว่าหุ้นสามัญ ดังนั้นถ้าไม่อยากเสี่ยงมาก ก็เล่นหุ้นกู้ ประเด็นนี้เป็นจริงในกรณีที่เป็นหลักการกว้างๆ โดยเฉลี่ย และเป็นจริงแน่ในกรณีเป็นหุ้นกู้เทียบกับหุ้นสามัญของบริษัทเดียวกันหรือระดับความเสี่ยงเท่ากัน  แต่เนื่องจากหุ้นกู้นั้นมีหลายบริษัทเป็นผู้ออก  จึงมีระดับความเสี่ยงแตกต่างกันมาก  บางบริษัทมีอันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating) สูง หรือค่อนข้างสูง  ระดับ Investment Grade จึงสามารถให้อัตราดอกเบี้ยต่ำ  แต่บางบริษัทก็มีอันดับความน่าเชื่อถือต่ำกว่า Investment Grade  ซึ่งจัดเป็น Speculative-grade Bond บางทีก็เรียกชื่อที่บาดใจว่า Junk Bond นอกจากนั้น บางหุ้นกู้ที่ขาย ถึงขั้นไม่มีการประกาศอันดับความน่าเชื่อถือเลย  แบบนี้ต้องใช้ความระมัดระวังมาก  

แม้จะตั้งอัตราดอกเบี้ยให้สูงลิบลิ่ว  6-7 % ต่อปี  ก็ไม่ได้แปลว่าน่าสนใจที่สุดเพราะได้ดอกเบี้ยมากที่สุด รวมทั้งอย่านึกไปว่ายังเสี่ยงน้อยกว่าเล่นหุ้น  เพราะในเหตุการณ์จริงมีหุ้นกู้บางบริษัทที่ไม่สามารถจ่ายเงินคืนให้เห็น  ขณะที่หุ้นสามัญของบริษัทชั้นดีในตลาด  ก็ยังมีความแข็งแรงทางผลดำเนินงานและฐานะการเงิน  ในระยะยาวถ้าราคาลงก็ยังมีโอกาสขึ้นไปใหม่ จ่ายปันผลได้สม่ำเสมอ  ถ้าอยากจะขายหุ้นสามัญชั้นดีก็สะดวกสบายขายได้ทันที  ดูแล้วน่าสนใจกว่าไปลง Junk Bond ในช่วงที่เศรษฐกิจไม่ค่อยดีแบบนี้ครับ

คำว่าถ้าไม่ขายก็ไม่ขาดทุน  ประเด็นนี้ น่าจะเป็นคำสอนที่พาลงเหวไปก็มากนะครับ  เพราะคำนี้จะได้ผลก็ต่อเมื่อหุ้นที่ถือมีธุรกิจที่ดี  ยังไม่มีสถานการณ์วิกฤติทางธุรกิจหรือภาวะเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไปในทางแย่ลงรุนแรง ในความจริงนั้น ถ้าราคาหุ้นลงก็ต้องยอมรับความจริงว่ากำลังขาดทุน  ส่วนจะสู้ต่อหรือมอบตัวแค่ตรงนี้ ก็เป็นอีกขั้นหนึ่ง  ดังนั้น ในกรณีหุ้นที่เราถืออยู่เกิดวิกฤติทางธุรกิจ หรือวิกฤติความน่าเชื่อถือ  ถ้าไม่ขายก็หายนะได้เลยนะครับ

เข้าหุ้นตามคุณ ABC ดีกว่า เขาเคยเล่นได้กำไรหลายร้อยเปอร์เซ็นต์จนรวยแล้ว  ไม่น่าจะพลาด  ประเด็นนี้ ก็ไม่ควรมั่นใจสุดขีดขนาดนั้นครับ  เพราะผลกำไรในอดีตไม่ได้รับประกันว่าจะได้เหมือนกันในอนาคต  รวมทั้งคนที่เคยกำไรมากๆ บางกรณีนั้นอาจมาจากเล่นแบบใจถึงแล้วเดาถูกก็มี  นอกจากนั้น เราก็น่าจะเคยเห็นการไปเล่นตามคนที่เคยกำไรดี พอครั้งหน้าเราทุ่มตามอย่างมั่นใจก็ขาดทุนเลยก็มี ดังนั้น เราอาจต้องไปดูก่อนว่า คุณ ABC มีหลักการเหตุผล วิธีการเลือกหุ้นลงทุนที่ดีน่าศึกษาเรียนรู้หรือไม่ ถ้าใช่ เราก็ลองศึกษาเรียนรู้ตามแนวทางที่เขาทำ  และถ้ามีบทวิเคราะห์ทางปัจจัยพื้นฐานของนักวิเคราะห์ให้ดู ก็เอามาพิจารณาความสมเหตุสมผลประกอบ  สุดท้ายเราเป็นผู้ไตร่ตรองตัดสินใจเองตามข้อมูล ดีกว่าเล่นตามคนอื่นเเบบไม่ดูเนื้อหานะครับ

อย่างไรก็ตาม สุดท้าย การลงทุนมีทั้งโอกาสและความเสี่ยงควบคู่กัน การไม่ลงทุนเลยเป็นการปิดโอกาสของอนาคตที่น่าเสียดาย แต่ต้องไม่มั่นใจเกินความจริง เพราะโอกาสทายผิดเกิดขึ้นได้ในบางครั้ง .-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ลั่น “ผมยังอยู่” หลังกัมพูชาปล่อยเฟกนิวส์

กทม. 28 ก.ค.-มทภ.2 ลั่น “ผมยังอยู่” หลังกัมพูชาปล่อยเฟกนิวส์ ทหารถือรูปภาพ ข้อความ RIP หวังทำลายขวัญกำลังใจ ยันจะต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ลูกน้อง ดูแลความปลอดภัยประชาชน ในการปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 28 ก.ค. พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่2 ระบุ ภายหลัง กัมพูชามีการรายงานและเผยแพร่ถือรูปทหารถือภาพของตนเอง พร้อมข้อความ RIP ว่า เป็นข่าวปลอม หวังทำลายขวัญกำลังใจทหารแนวหน้าและคนไทย ยืนยันว่า ปัจจุบันนี้ ตนยังต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่เจ้าหน้าที่ทหารทุกคนในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อดูแลความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ รวมถึงการปกป้องอธิปไตยของไทยต่อเนื่อง จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย และประชาชนมีความปลอดภัยอย่างแท้จริง พล.ท.บุญสิน ระบุต่อว่า ที่ผ่านมา ฝ่ายกัมพูชา พยายามบิดเบือนข้อมูล โดยการปล่อยข่าวเท็จ สร้างความสับสน ในหมู่ของคนไทย ดังนั้น อยากให้ประชาชนติดตามข้อมูลข่าวสารจากหน่วยงาน ที่เชื่อถือได้.-313.-สำนักข่าวไทย

ทบ. เผยกัมพูชาโจมตีตั้งแต่ 5 ทุ่มถึงรุ่งสาง

กทม. 28 ก.ค.-ทบ. เผยกัมพูชาโจมตีตั้งแต่ 5 ทุ่มถึงรุ่งสาง ขณะ ทภ.2 เตือนอย่าเชื่อข่าวปลอม กองทัพไม่สนทางรัฐบาลเจรจา กร้าวเดินหน้ารบ-ประกาศอัยการศึก พร้อมชวนกดรีพอร์ตโพสต์-คอมเมนต์ผู้ไม่หวังดีโจมตีสื่อทางการไทย กองทัพบกทันกระแส รายงานว่าเข้าวันที่ 5 ของสู้รบระหว่างไทย-กัมพูชา ตั้งแต่ 5 ทุ่ม เที่ยงคืน ตี 1 ตี 3 จนฟ้าเริ่มสาง ทหารไทยยังไม่ได้พักมีทุกแบบ ทั้งคืน นอกจากนี้ กองทัพภาคที่2 ยังได้ขอความร่วมมือ ชาวโซเชียลไทย กดรีพอร์ต Report โพสต์หรือคอมเม้นต์ของผู้ไม่หวังดี ที่ต้องการเข้ามา กลั่นแกล้ง ก่อกวน และโจมตี สื่อทางการไทย พร้อนเตือนประชาชน อย่าหลงเชื่อข่าวปลอม กรณีที่มีข่าวว่า “กองทัพแข็งกร้าว! ลั่นเดินหน้ารบ ซัดรบ.อย่าหวังเจรจา ขณะเขมรยึดพื้นที่ไทย จ่อใช้กฎอัยการศึกทั่วประเทศ”.-313.-สำนักข่าวไทย

ไทยตอนบน ยังมีฝนตกหนักบางแห่ง และฝนตกหนักมากบางพื้นที่

กทม. 28 ก.ค.-กรมอุตุฯ เตือนไทยตอนบน ยังมีฝนตกหนักบางแห่ง และฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคเหนือและอีสาน ระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยตอนบนยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง และมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน หนองคาย บึงกาฬ อุดรธานี สกลนคร และนครพนม ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ และประเทศลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบน และอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทย 06.00 น. วันนี้ ถึง 06.00 น. วันพรุ่งนี้ […]

กองทัพภาคที่ 2 แจงภาพระเบิดอาคารร้างฝั่งกัมพูชา

กทม. 28 ก.ค.-กองทัพภาคที่ 2 แจงภาพระเบิดอาคารร้างฝั่งกัมพูชา พบฝ่ายกัมพูชาตั้งอาวุธยิงสนับสนุนวิถีโค้งโจมตีพื้นที่พลเรือนฝ่ายไทย ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ชี้แจงกรณีมีภาพการระเบิดที่อาคารร้างฝั่งกัมพูชา ตามที่ปรากฏข่าวสารในสื่อสังคมออนไลน์ เหตุการณ์การระเบิดบริเวณอาคารร้างฝั่งกัมพูชาซึ่งอยู่ใกล้แนวชายแดนไทย ฝ่ายไทยมีการตรวจพบว่าฝ่ายกัมพูชาได้ตั้งอาวุธยิงสนับสนุนวิถีโค้งไว้บริเวณพื้นที่พลเรือน และสิ่งปลูกสร้างที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับภารกิจทางทหารในหลายพื้นที่ ซึ่งที่ผ่านมากัมพูชาใช้อาวุธดังกล่าวในการโจมตีพื้นที่พลเรือนของฝ่ายไทยอย่างต่อเนื่อง นำมาซึ่งความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทย อันถือเป็นการกระทำที่เข้าข่าย “ใช้พลเรือนเป็นโล่มนุษย์” (Human Shield) ซึ่งเป็นการละเมิดหลักมนุษยธรรมสากล ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 จึงขอยืนยันว่า การใช้กำลังทางทหารของกองทัพไทยมุ่งเป้าเฉพาะไปยังเป้าหมายทางทหารที่ตรวจพบว่ามีการโจมตี หรือคุกคามต่อความมั่นคงของชาติไทย เท่านั้น ทั้งนี้ ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ยังคงยึดมั่นในหลักสันติวิธี การเคารพในอธิปไตยของประเทศเพื่อนบ้าน และไม่ใช้ความรุนแรงกับพลเรือนทุกกรณี แต่ต้องดำเนินมาตรการป้องกันตนเองจากภัยคุกคามที่เกิดขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ และอยู่ภายใต้กรอบกฎหมายระหว่างประเทศ.-สำนักข่าวไทย