มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ ร่วมภาคีเครือข่าย “จัดการคาร์บอนเครดิตในป่า”

กรุงเทพฯ 17 ส.ค.-มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ ร่วมกับ 14 องค์กร ภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชน เครือข่ายป่าชุมชน ร่วมแสดงเจตนารมณ์เพื่อรักษาทรัพยากรธรรมชาติ ดำเนินโครงการจัดการคาร์บอนเครดิตในป่าเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน

หม่อมหลวงดิศปนัดดา ดิศกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวว่า มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ได้ดำเนินการร่วมรักษาพื้นที่ป่ากับกรมป่าไม้มาอย่างต่อเนื่องร่วมมือร่วมใจ ร่วมกับชุมชน รักษาทรัพยากรธรรมชาติ การเพิ่มพื้นที่ป่า ความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่ ล้วนส่งผลต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ สร้างรายได้ และพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ประชาชนในพื้นที่ได้อย่างยั่งยืน


สำหรับความร่วมมือระหว่าง กรมป่าไม้ และมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้ดำเนินมาแล้วรวม 3 ระยะ ได้แก่ ระยะที่ 1 ปี 2531 เพื่อดูแลและฟื้นฟูพื้นที่ป่าไม้กว่า 100,000 ไร่ ณ โครงการพัฒนาดอยตุง อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย ระยะที่ 2 ปี 2553 ต่อยอดในพื้นที่จังหวัดน่าน ดูแลฟื้นฟูพื้นที่ป่าไม้กว่า 250,000 ไร่ เพื่อเป็นต้นแบบการฟื้นฟูอย่างยั่งยืน และระยะที่ 3 ปี 2565 ภายใต้โครงการ “จัดการคาร์บอนเครดิตในป่าเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน” แบ่งออกเป็น 2 ระยะ โดยระยะที่ 1 พื้นที่จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ พะเยา แม่ฮ่องสอน ประกอบด้วยป่าชุมชน 16 แห่ง เนื้อที่ 19,786 ไร่ จำนวนคาร์บอนไดออกไซด์ที่ลดได้ 78,000 ตัน และระยะที่ 2 พื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ กำแพงเพชร อุทัยธานี กระบี่ ประกอบด้วยป่าชุมชน 30 แห่ง เนื้อที่ 23,603 ไร่ จำนวนคาร์บอนไดออกไซด์ที่ลดได้ 97,000 ตัน จากความร่วมมือดังกล่าวได้สร้างประโยชน์ให้กับประชาชนกว่า 74,331 คน มีการรวมกลุ่มเพื่อการอนุรักษ์ในรูปแบบป่าชุมชน และประชาชนมีส่วนร่วมในการดูแลป่าและตัดสินใจเชิงนโยบาย ซึ่งเป็นกลไกสำคัญของการพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติที่ยั่งยืน ส่งผลให้พื้นที่ป่าเพิ่มขึ้น ไม่มีการบุกรุกพื้นที่ป่า แก้ปัญหาป่าเสื่อมโทรม และลดปัญหาไฟป่า

นางกลอยตา ณ ถลาง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานสื่อสารองค์กรและกิจการเพื่อความยั่งยืน บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บางจากฯ เป็นหนึ่งในพันธมิตรผู้ร่วมสนับสนุนโครงการจัดการคาร์บอนเครดิตในป่าเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนของมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ จะร่วมพัฒนาโครงการคาร์บอนเครดิตจากพืชเกษตรยืนต้นร่วมกับสหกรณ์การเกษตรในเครือข่ายธุรกิจสถานีบริการน้ำมันชุมชนของบางจากฯ กว่า 600 แห่งทั่วประเทศ


นายวิศน สุนทราจารย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านกลยุทธ์องค์กรและความยั่งยืน บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (OR) กล่าวว่า โออาร์ ร่วมมือเช่นการพัฒนาศักยภาพป่าให้เป็นแหล่งกักเก็บก๊าซเรือนกระจก ผ่านการสร้างแรงจูงใจให้ชุมชนดูแลรักษาป่าร่วมกับการเสริมสร้างความเป็นอยู่ที่ดีของชุมชน โดยในปี 2566 OR ได้เข้าร่วมโครงการจัดการคาร์บอนเครดิตในป่าเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนจากพื้นที่ป่าชุมชน รวม 8,100 ไร่ ภายใต้การดำเนินโครงการหลัก พื้นที่ป่าชุมชนจำนวน 100,000 ไร่ เพื่อเพิ่มพื้นที่ป่าให้เกิดความอุดมสมบูรณ์ ช่วยลดก๊าซเรือนกระจก และลดภาวะโลกร้อนอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ การเข้าร่วมในโครงการดังกล่าว ถือเป็นการดำเนินงานที่ส่งเสริมให้บรรลุตามเป้าหมายการปลูกป่าร่วมกับกลุ่ม ปตท. จำนวน 2 ล้านไร่อีกด้วย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

คนขับแท็กซี่ตายคารถ กว่าจะรู้ผ่านไปหลายชม.

รถแท็กซี่จอดอยู่ป้ายรถเมล์ตั้งแต่เที่ยงจนถึงเย็น มีผู้โดยสารขึ้นรถ แล้วก็ลงมา แถมถูกบีบแตรไล่ จนพ่อค้าขายข้าวโพดต้มเข้าไปเรียกพบคนขับนอนคอพับเสียชีวิต

ถอนตัวWHO

“ทรัมป์” ลงนามในคำสั่งให้สหรัฐถอนตัวจากการเป็นสมาชิกอนามัยโลก

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐกล่าววานนี้ว่า สหรัฐจะออกจากการเป็นสมาชิกองค์การอนามัยโลก โดยเขาระบุว่า องค์การอนามัยโลกดำเนินการผิดพลาดในการรับมือกับโรคโควิด-19

พิตบูลขย้ำหัวพระ

“อเมริกันบูลลี่” ขย้ำหัวพระ-กัดข้อมือหาย มรณภาพคากุฏิ

สลด! หลวงพี่ เลขาเจ้าอาวาสวัด เลี้ยงอเมริกันบูลลี่ไว้ตั้งแต่เป็นลูกสุนัข ผ่านไปปีกว่า ถูกขย้ำหัวมรณภาพคากุฏิ ข้อมือขาดหายไป ยังหาไม่พบ

ข่าวแนะนำ

หนุ่มอุดรฯ ดวงเฮง ถูกลอตเตอรี่เกาหลีใต้ 45 ล้านบาท

สุดเฮง! หนุ่มอุดรฯ ถูกลอตเตอรี่เกาหลีใต้ รับเงินรางวัล 45 ล้านบาท ลูกสาวเผยพ่อเป็นคนชอบทำบุญ ก่อนหน้านี้เพิ่งโทรมาบอกให้ใส่บาตร เชื่อผลบุญหนุนโชคลาภ

สามีภรรยาจากอยุธยารับ “เจ้าจอร์จ” ไปดูแล

สามีภรรยาใจบุญจาก จ.พระนครศรีอยุธยา ขอรับ “เจ้าจอร์จ” สุนัขพันธุ์อเมริกันบูลลี่ ไปอุปการะแล้ว หลังกัดแทะร่างพระเจ้าของที่มรณภาพในกุฏิด้วยโรคประจำตัว

ดีเอสไออนุมัติสืบสวนคดีแตงโม คาดตั้งชุดเริ่มสืบได้ 27 ม.ค.นี้

อธิบดีดีเอสไอ อนุมัติให้สืบสวนคดีแตงโม ว่ามีการบิดเบือนกระบวนการยุติธรรมทางอาญาหรือไม่ และมีบุคคลหรือเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องหรือไม่ คาดเริ่มได้ 27 ม.ค.นี้