กรุงเทพฯ 12 ก.ย. – ตลท.เดินหน้าพัฒนาศูนย์ซื้อขายคาร์บอนเครดิต ส่งเสริมให้ไทยเป็นผู้นำอาเซียนด้านการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
ตามที่รัฐบาลได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาในวันนี้ (12 ก.ย.) ในการส่งเสริมเศรษฐกิจสีเขียว มุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และเป็นผู้นำของอาเซียนในด้านการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ตลอดจนส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางด้านการซื้อขายคาร์บอนเครดิต (Carbon Credit) ของอาเซียนผ่านตลาดหลักทรัพย์ไทยนั้น
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เห็นความสำคัญของการพัฒนาระบบนิเวศเศรษฐกิจสีเขียวร่วมกับพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านของประเทศไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งการเตรียมความพร้อมและส่งเสริมศักยภาพของภาคธุรกิจในการปรับตัวและแสวงหาโอกาสจากการเปลี่ยนผ่าน รวมถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น การพัฒนาระบบจัดการข้อมูล SET ESG Data Platform เพื่อเป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงข้อมูล ESG ของภาคธุรกิจและผู้ลงทุน ซึ่งจำเป็นต่อการพัฒนาระบบนิเวศการเงินอย่างยั่งยืน (Sustainable Finance) อีกทั้งยังได้พัฒนาระบบ SET Carbon ซึ่งเป็นเครื่องมือคำนวณคาร์บอนฟุตพรินท์ (Carbon Footprint) ให้กับบริษัทจดทะเบียนและผู้ประกอบธุรกิจในห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) รวมทั้งช่วยให้สถาบันการเงินมีข้อมูลสำคัญที่เพียงพอต่อการพัฒนาสินค้าทางการเงินสีเขียว (Green Finance) นอกจากนี้ ยังได้พัฒนาสัญญามาตรฐานในการซื้อขายคาร์บอนเครดิต (Standard Master Trading Agreement) เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการซื้อขายคาร์บอนเครดิต
ทั้งนี้ กลไกหนึ่งที่สำคัญต่อการปรับตัวของภาคธุรกิจในการมุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) คือ การมีศูนย์กลางการซื้อขายคาร์บอนเครดิตที่มีประสิทธิภาพและความโปร่งใส ตลาดหลักทรัพย์ฯ อยู่ระหว่างศึกษาการพัฒนากลไกกำกับดูแลและระบบซื้อขาย โดยได้ทำงานร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) ในการออกแบบรูปแบบที่เหมาะสม และผลักดันแก้ไขกฎระเบียบต่าง ๆ ที่เป็นอุปสรรค เพื่อให้สามารถดำเนินการในเรื่องนี้ได้อย่างคล่องตัว ซึ่งจะมีส่วนสนับสนุนเป้าหมายการสร้างความยั่งยืนควบคู่ไปกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ. -516-สำนักข่าวไทย
Top Viewed • อ่านมากสุด
ดูทั้งหมด
หญิงวัย 31 เพิ่งคลอดลูกแฝด พลัดตกตึก 18 ชั้น รพ.ดัง เสียชีวิต
สลด! หญิงวัย 31 ปี เพิ่งคลอดลูกแฝด พลัดตกตึก 18 ชั้น โรงพยาบาลดัง เสียชีวิต ด้านโรงพยาบาลแถลงแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต พร้อมทบทวนมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุแบบนี้ขึ้นอีก
ทหารควง M16 ยิงเพื่อนตำรวจดับคาบ้านพัก
ทหารพรานควง M16 บุกยิงเพื่อนตำรวจเสียชีวิตภายในบ้านพัก ก่อนขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านผู้ตาย เข้ามอบตัวกับตำรวจ สภ.เมืองปัตตานี เบื้องต้นคนก่อเหตุให้การวกวน เนื่องจากอยู่ในอาการหลอน
ลูกน้องปืนโหดรัวยิงหัวหน้างานดับคา สนง.ปฏิรูปที่ดินฯ
ลูกน้องชักปืนกระหน่ำยิงหัวหน้างานดับกลางห้องทำงาน สำนักงานปฏิรูปที่ดิน จ.น่าน ก่อนลั่นไกยิงตัวเอง ปมเหตุขัดแย้งเรื่องงาน
จนท.ปะทะเดือด! เสียงปืนสงบพบศพคนร้าย 4 ศพ
ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง นำกำลังปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่ อ.กรงปินัง จ.ยะลา เกิดการปะทะ เสียงปืนสงบพบศพคนร้าย 4 ศพ ยึดอาวุธสงคราม 3 กระบอก
ข่าวแนะนำ
อุตุฯ เผยไทยตอนบนอุ่นขึ้น 1-2 องศาฯ ค่าฝุ่นมีแนวโน้มเพิ่ม
กรมอุตุฯ เผยมวลอากาศเย็นมีกำลังอ่อน ส่งผลให้ไทยตอนบนอุณหภูมิสูงขึ้น 1-2 องศาฯ ขณะที่ค่าฝุ่นละอองมีแนวโน้มเพิ่ม
กกต.ขอบคุณ ปชช.ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง อบจ.
เลขาธิการ กกต. แถลงสถานการณ์หลังปิดหีบบัตรเลือกตั้ง อบจ.ทั่วประเทศ ขอบคุณประชาชนที่ออกมาใช้สิทธิ พร้อมชี้แจงกรณีบัตรเลือกตั้งหายที่จังหวัดบึงกาฬ
นายกฯ วิดีโอคอลให้กำลังใจ 5 คนไทยที่อิสราเอล
นายกรัฐมนตรี วิดีโอคอลให้กำลังใจ 5 คนไทยที่อิสราเอล ดีใจทุกคนสุขภาพแข็งแรงดี อยากให้ตรวจเช็กให้เรียบร้อยก่อนกลับไทย ยืนยันรัฐบาลดูแลสิทธิประโยชน์อย่างเต็มที่
ศึก อบจ.ปราจีนฯ “สจ.จอย” คะแนนนำคู่แข่ง
บรรยากาศการนับคะแนนหลังปิดหีบเลือกตั้ง อบจ.ปราจีนบุรี ล่าสุดคะแนนของ สจ.จอย นำคู่แข่ง