กรุงเทพฯ 30 พ.ค.- รมว.พลังงาน เผยแหล่งบงกช-เอราวัณ ผลิตก๊าซธรรมชาติได้ตามแผน ส่วนจะช่วยลดต้นทุนค่าไฟได้หรือไม่ กกพ.กำลังเร่งหารือ พร้อมพิจารณาเซ็นสัญญาซื้อก๊าซระยะยาว หลังราคาตลาดโลกเริ่มอ่อนตัว
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยถึงความคืบหน้าของการเปลี่ยนผ่านการผลิตก๊าซธรรมชาติ จากแหล่งบงกช-เอราวัณ ตามเงื่อนไขสัญญาสัมปทานใหม่แบบแบ่งปันผลผลิต ว่า ล่าสุดสามารถผลิตก๊าซธรรมชาติได้เป็นไปตามแผน โดยคาดว่าเดือนกรกฎาคมนี้ สามารถผลิตก๊าซธรรมชาติได้ 400 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน ธันวาคมนี้ 600 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน และเดือนเมษายน 2567 จะเพิ่มการผลิตได้เป็น 800 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน
ส่วนการที่สามารถผลิตก๊าซธรรมชาติได้ตามแผน จะช่วยทำให้ต้นทุนค่าไฟฟ้าลดลงหรือไม่นั้น ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ปตท. และ กฟผ. กำลังเร่งหารือร่วมกัน เนื่องจากขณะนี้ราคาก๊าซธรรมชาติในตลาดโลกเริ่มอ่อนตัว ซึ่งจะต้องพิจารณาว่าจะมีการเซ็นสัญญาซื้อในระยะยาวดีหรือไม่
รมว.พลังงาน ยังระบุด้วยว่า ปัจจุบันไทยมีปริมาณการใช้ไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้นมาก อาจเป็นเพราะสภาพอากาศหรือสภาวะโลกร้อน โดยล่าสุดปริมาณการใช้ไฟฟ้าสูงสุด จากที่เคยอยู่ในช่วงกลางวัน ได้เปลี่ยนเป็นช่วงกลางคืนแล้ว
ส่วนการที่ ก.คลัง เตรียมยกเลิกการต่ออายุลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล ลิตรละ 5 บาท ในเดือนกรกฎาคมนี้ ก.พลังงาน จะต้องมีการหารือร่วมกับกระทรวงการคลัง โดยพิจารณาแนวโน้มทิศทางราคาน้ำมันว่ามีความจำเป็นจะต้องขอต่ออายุการลดภาษีน้ำมันดีเซลหรือไม่ หากพบว่ามีความจำเป็นก็อาจจะต้องขออนุญาตคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา
สำหรับรัฐบาลชุดใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น เชื่อว่าทุกพรรคมีความเข้าใจเรื่องพลังงานดี ซึ่งรัฐบาลชุดปัจจุบันพยายามเต็มที่ในการไม่สร้างภาระให้รัฐบาลชุดใหม่ ส่วนนโยบายลดค่าไฟฟ้าหน่วยละ 70 สตางค์ ของพรรคก้าวไกล ที่ขณะนี้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล จะสามารถทำได้หรือไม่นั้น ขึ้นกับวิธีการที่พรรคนั้นๆ จะต้องไปคิดวิธี ส่วนต้นทุนในการคำนวณค่าไฟฟ้า มีกำหนดชัดเจนอยู่แล้ว โดย กกพ.ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแล พร้อมให้ข้อมูล.-สำนักข่าวไทย