CMDF ร่วมกับ FETCO ชี้โอกาสพัฒนาตลาดทุนไทย 

กรุงเทพฯ 19 ม.ค.-กองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน (CMDF) ร่วมกับ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) จัดสัมมนา “Improving Thailand’s Capital Market and Efficiency” พร้อมเชิญผู้บริหารจาก McKinsey และสถาบันอนาคตไทยศึกษา (Thailand Future Foundation) เผยผลการศึกษาโอกาสการเพิ่มศักยภาพของตลาดทุนไทยท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นทั่วโลก พร้อมข้อเสนอเชิงนโยบายการขับเคลื่อนที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาตลาดทุนไทยให้ยั่งยืน 


ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยว่า ทิศทางเศรษฐกิจและตลาดทุนทั่วโลกยังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านจากวิกฤติมาสู่ช่วงของการฟื้นตัว การจัดงานสัมมนาในวันนี้จะช่วยสร้างความรู้ความเข้าใจถึงศักยภาพการแข่งขันของตลาดทุนไทย เพื่อให้ทุกภาคส่วนได้เตรียมความพร้อมและร่วมขับเคลื่อนตลาดทุนและเศรษฐกิจไทยไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน  

 การสัมมนา “Improving Thailand’s Capital Market and Efficiency” ได้นำเสนอและแลกเปลี่ยนมุมมองถึงผลการศึกษา ซึ่งจัดทำโดยความร่วมมือระหว่าง CMDF ร่วมกับ McKinsey & Company (Thailand) Co. Ltd. จัดทำรายงานสมุดปกขาว “Improving Thailand’s Capital Market Competitiveness and Efficiency” และ CMDF ร่วมกับ สถาบันอนาคตไทยศึกษา (Thailand Future Foundation) จัดทำงานวิจัย “ตลาดทุนของทุกคน”


สำหรับผลการศึกษา “Improving Thailand’s Capital Market Competitiveness and Efficiency” ของ CMDF และบริษัท McKinsey ได้ข้อสรุปว่า โดยรวมตลาดทุนไทยมีการพัฒนาสู่การเป็นผู้นำของภูมิภาคในด้านความสามารถในการแข่งขัน และประสิทธิภาพของตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการออกตราสารทุน (cash equity) หรือตลาดตราสารหนี้ (fixed income) ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ ในอาเซียน อย่างไรก็ตาม ตลาดทุนไทยยังมีศักยภาพในการพัฒนาอีกมากเพื่อรักษาตำแหน่งผู้นำของภูมิภาคหรือแม้แต่โอกาสของการพัฒนาเป็นอันดับต้น ๆภายใต้การเปลี่ยนแปลงของโลกที่เกิดอย่างรวดเร็ว ดังนั้น การบริหารด้านประสิทธิภาพต้นทุนเป็นสิ่งสำคัญ และจากการศึกษาพบว่า ปัจจุบันต้นทุนการซื้อขายหุ้นในตลาดรองมีต้นทุนที่สูงกว่าหลายประเทศในอาเซียน ยกเว้นประเทศอินโดนีเซีย

นายชนันต์ ชาญชัยณรงค์ ผู้จัดการ  กองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน CMDF เปิดเผยว่า เวลานี้ประเทศไทยกำลังพิจารณาเก็บภาษีขายหุ้น (FTT) ซึ่งมีความจำเป็นที่จะต้องพิจารณาในหลายมิติ ประกอบกับรูปแบบภาษีอาจมีผลกระทบที่ซับซ้อนต่อตลาดทุนไทยและเศรษฐกิจ ซึ่งสามารถเรียนรู้ได้จากประสบการณ์ของตลาดทุนอื่นทั่วโลก ตัวอย่างเช่น ประเทศอินเดียที่เรียกเก็บภาษีคล้ายกัน โดยมีรายได้ภาษีที่เพิ่มขึ้นแต่มีผลกระทบน้อยต่อปริมาณการซื้อขาย ในขณะที่ประเทศสเปนจัดเก็บภาษีได้น้อยลงควบคู่กับปริมาณการเทรดที่ลดลง

นอกจากนี้ อีกหนึ่งในประเด็นสำคัญได้กล่าวถึงความยั่งยืนว่าเป็นเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งของตลาดทุนไทยโดยอ้างอิงจากผลการศึกษา ตลาดทุนไทยควรพิจารณาดำเนินตามขั้นตอนอย่างจริงจังเพื่อพัฒนากรอบงานที่จำเป็นต่อประเทศเช่น ตลาดคาร์บอน (Carbon Exchange) และมาตรฐานการจัดกลุ่มกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม(national green taxonomy) เพื่อสนับสนุนการจัดหาเงินทุนเพื่อความยั่งยืนในการช่วยให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ สิ่งนี้อาจนำมาซึ่งความชัดเจนในการจำแนกกลุ่มทางเศรษฐกิจที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม(taxonomy) ในด้านของการจัดหาเงินทุนระยะยาวที่ยั่งยืนของประเทศ เพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางของภูมิภาคและระดับโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ตลอดจนถึงการจัดตั้งกองทุนสีเขียวโดยมีการร่วมมือกับบริษัทร่วมทุนและการจัดตั้งตลาดคาร์บอนที่เป็นที่ต้องการเพื่อสร้างมูลค่าจากสินทรัพย์คาร์บอนทั้งในประเทศจนถึงระดับภูมิภาค


 นายเชษฐา เทอดไพรสันต์  Senior Partner และ Chairman of McKinsey Indochina, บริษัท McKinsey & Company เปิดเผยว่า เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ (net-zero) จึงเป็นโอกาสดีที่จะผลักดันให้ตลาดทุนเดินหน้าสู่การเงินสีเขียว ซึ่งอาจต้องจัดหาเงินทุนที่เหมาะสมเพื่อให้สอดคล้องกับการลดคาร์บอนของเทคโนโลยีที่มีอยู่ ตลอดจนพัฒนาทางเลือกอื่นที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ภายใต้นิยามของความยั่งยืนที่กล่าวไว้ข้างต้น ซึ่งในประเทศไทยมีหลากหลายองค์กรที่เริ่มดำเนินโครงการสีเขียวแล้ว อย่างไรก็ดีการเปลี่ยนแปลงทีละก้าวจากวิถีปัจจุบันเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการบรรลุเป้าหมายของ NCZ โดยสามารถพิจารณาปฏิบัติได้ภายใต้ 3 ประการหลักดังนี้ 1) เพิ่มการจัดหาเงินทุนโครงการสีเขียวเพื่อลดการปล่อยคาร์บอนของเทคโนโลยีที่ติดตั้งอยู่แล้วและสนับสนุนการลงทุนในโครงการสีเขียว 2) ต้องมีศักยภาพในการจัดตั้งกองทุนเทคโนโลยีสีเขียวเพื่อนำมาประยุกต์ใช้กับนวัตกรรมคาร์บอนเป็นศูนย์ และ 3) ประเทศไทยควรพิจารณากลไกการเทรดคาร์บอนซึ่งจะเป็นตัวกระตุ้นให้บริษัทต่าง ๆ ปฏิบัติตามข้อบังคับเกี่ยวกับการปล่อยมลพิษผ่านกลไกของตลาดที่ตั้งไว้ สิ่งนี้จึงสามารถช่วยในการจัดหาคาร์บอนเครดิตคุณภาพสูงสู่ตลาดในภูมิภาค

ผลการศึกษา “ตลาดทุนของทุกคน” ของ CMDF และ สถาบันอนาคตไทยศึกษา (Thailand Future Foundation)  ได้ข้อสรุปว่า การมีส่วนร่วมทางการเงิน จากการสำรวจการเข้าถึงตลาดทุนจากงานวิจัย “ตลาดทุนของทุกคน” พบว่าประเทศไทยยังมีช่องว่างในตลาดทุนในสี่ด้านหลัก คือ ปัญหาการขาดรายได้ การขาดความรู้และทักษะด้านการเงินผลิตภัณฑ์ทางการเงิน และกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องในการเข้าถึงตลาดทุน

   ดร.ณภัทร จาตุศรีพิทักษ์   กรรมการผู้จัดการ สถาบันอนาคตไทยศึกษา (Thailand Future Foundation) เปิดเผยว่าเพื่อให้คนไทยมีความพร้อมด้านความรู้เพื่อเข้าถึงตลาดทุน จึงจำเป็นต้องมีข้อเสนอเชิงนโยบายเป็นตัวขับเคลื่อน ซึ่งประกอบด้วย 5 ประเด็นหลัก ได้แก่ 1) ปรับระบบนิเวศสำหรับการเข้าถึงตลาดทุนโดยเอื้อให้กลุ่มผู้มีรายได้น้อยสามารถเข้าถึงได้ 2) การเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการเงินที่เหมาะสมกับกลุ่มประชากรต่าง ๆ โดยรัฐบาล 3) ส่งเสริมผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ ๆ เช่น การนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายและความโปร่งใสในการทำงาน 4) การปรับกฎระเบียบด้านการเข้าถึง และ 5) การนำเทคโนโลยีทางการเงินที่ทันสมัยมาใช้ เช่น Decentralized Digital Identity (DDID), เทคโนโลยีบล็อกเชนและสัญญาอัจฉริยะ (smart contract) ตลอดจนอนุญาตให้ซื้อขายทั้งสินทรัพย์ดิจิทัล และแบบดั้งเดิมบนแพลตฟอร์มเดียวกัน เพื่อเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์แก่ผู้ลงทุน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ทบ.ชี้เหตุกำลังพล ร้อย.ร.111 เหยียบกับระเบิด สะท้อนกัมพูชาเริ่มใช้อาวุธก่อน

กรุงเทพฯ 9 ส.ค. – โฆษก ทบ. ชี้เหตุกำลังพล ร้อย.ร.111 เหยียบกับระเบิดขณะลาดตระเวนเส้นทาง พื้นที่รอยต่อบ้านโดนเอาว์-บ้านกฤษณา จ.ศรีสะเกษ บาดเจ็บ 3 นาย สะท้อนกัมพูชาเริ่มใช้อาวุธก่อน พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า วันที่ 9 สิงหาคม 2568 เวลา 10.00 น. กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 กรณีกำลังพลของหน่วยกองร้อยทหารราบที่ 111 เหยียบกับระเบิด ขณะทำการลาดตระเวนเส้นทาง เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่รอยต่อบ้านโดนเอาว์-บ้านกฤษณา จังหวัดศรีสะเกษ ส่งผลให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ได้แก่ 1. จ่าสิบเอก ธานี พาหา ตำแหน่งผู้บังคับหมู่ป้องกัน บาดเจ็บรุนแรง ข้อเท้าซ้ายท่อนล่างขาด2. พลทหาร ภาคภูมิ ไชยสุระ ตำแหน่งพลปืนเล็ก บาดเจ็บบริเวณแขนและด้านหลัง3. พลทหาร ธนันชัย ไกรวงค์ […]

จับผับรังสิต

สั่งเด้งผู้การปทุมธานี ขาดจากตำแหน่งเดิม เซ่นจับผับดังรังสิต

8 ส.ค. – โดนด้วย! สั่งเด้งผู้การปทุมธานี โดยให้ขาดจากตำแหน่งเดิม พร้อมพวกอีก 5 นาย เซ่นจับผับดังรังสิต พบฉี่ม่วงเพียบเฉียด 200 คน พล.ต.ต.ศิลปคมณ์ เอี่ยมวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ลงนามในคำสั่งตำรวจภูธรภาค 1 ที่ 209/2568 เรื่อง ข้าราชการตำรวจช่วยราชการ ใจความว่า ด้วย ตำรวจภูธรภาค 1 มีคำสั่งที่ 208/2568 ลงวันที่ 8 สิงหาคม 2568 แต่งตั้ง คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ในกรณีเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2568 เวลา 01.00 น. ชุดปฏิบัติการ พิเศษกรมการปกครอง ได้มีการจัดระเบียบสังคม โดยเปิดปฏิบัติการ (Zero Drug) โดยนำกำลังเข้าทำการ ตรวจสอบและจับกุมสถานบริการ ชื่อ ร้าน “Skin […]

ข่าวแนะนำ

วิเคราะห์แนวทางดำเนินคดีกัมพูชา

10 ส.ค. – ฟังการวิเคราะห์ปมดำเนินคดีกัมพูชา กับ รศ.ดร. ดุลยภาค ปรีชารัชช อาจารย์ประจำสาขาวิชาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จากหลักฐานที่มีชัดเจน กระสุนกัมพูชายิงตกฝั่งไทย เกิดความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สินพลเรือน และมีกระสุนที่ต้องเก็บกู้มากกว่า 800 นัด ขณะที่หลังการเจรจา GBC ผ่านไป พบกัมพูชายังเสริมกำลังทหารต่อเนื่อง .-สำนักข่าวไทย

ชาวบ้านศรีสะเกษสุดช้ำ บ้านเรือนถูกกัมพูชายิงถล่มเหลือแต่ซาก

ศรีสะเกษ 10 ส.ค. – ชาวบ้าน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ กลับจากศูนย์อพยพเจอสภาพบ้านเหลือแต่ซาก หลังถูกลูกปืนใหญ่กัมพูชายิงถล่ม ขณะที่พบหัวจรวด BM-21 กลางทุ่งนา อีก 2 จุด ใน อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เจ้าหน้าที่ EOD ทำลายเรียบร้อย ปลัดอำเภอน้ำยืน เน้นย้ำหากชาวบ้านพบหลุมลึก-ปากหลุมแคบ ให้รีบแจ้งทันที ภาพจากกล้องวงจรปิดเผยให้เห็นนาทีกระสุนโจมตีของกัมพูชายิงตกใส่บ้านเรือนประชาชนอย่างรุนแรงจนฝุ่นฟุ้งกระจาย จากภาพจะเห็นว่ามีรถอีแต๋นคันหนึ่งวิ่งผ่านจุดที่กระสุนพุ่งตกลงมาเพียงเสี้ยววินาที เมื่อเวลา 10.00 น. ของวันที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมา ในพื้นที่บ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ วันนี้ นายกุลนที อายุ 45 ปี เดินทางกลับมาบ้าน หลังอพยพออกจากพื้นที่ไปกว่า 2 สัปดาห์ ในช่วงเหตุปะทะแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ทันทีที่เห็นบ้าน นายกุลนทีถึงกับน้ำตาคลอ เพราะบ้านเสียหายอย่างหนัก ทั้งโครงสร้างไม้และปูนได้รับความเสียหายเกือบทั้งหมด ประตู หน้าต่าง กระจก และหลังคาถูกกระสุนถล่มจนแทบไม่เหลือสภาพเดิม […]

มทภ.2 กำชับกำลังพลเพิ่มความระมัดระวัง หลังทหาร 3 นาย เหยียบกับระเบิด

10 ส.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 กำชับกำลังพลเพิ่มความระมัดระวัง หลังทหาร 3 นาย เหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวนแนวชายแดน จ.ศรีสะเกษ จากการตรวจสอบพบเป็นทุ่นใหม่ ถูกวางไว้ช่วงทหารกัมพูชาเข้ามาตั้งฐานป้องกันการเข้าโจมตีของไทย ไม่ใช่การลอบนำมาวางใหม่หลังถอนกำลัง พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยภายหลังการรับมอบสิ่งของช่วยเหลือทหารและเจ้าหน้าที่ตามแนวชายแดน จากภาครัฐและเอกชน ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังเจ้าหน้าที่ทหาร 3 นาย เหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวนแนวชายแดน จ.ศรีสะเกษ เมื่อวานว่า จากการตรวจสอบพบว่าเป็นทุ่นใหม่ที่ถูกวางไว้ช่วงทหารกัมพูชาเข้ามาตั้งฐานเพื่อป้องกันการเข้าโจมตีของไทย ก่อนที่จะถอนกำลังออกไป ไม่ใช่การลอบนำมาวางใหม่หลังถอนกำลัง จึงสั่งการให้ทุกหน่วยเพิ่มความระมัดระวัง พร้อมใช้เทคโนโลยีและเครื่องจักร เช่น รถไถ รถตักในการเคลียร์เส้นทางและค้นหาทุ่นระเบิดบุคคล เพื่อป้องกันไม่ให้กำลังพลได้รับอันตรายซ้ำ สำหรับพื้นที่แนวปะทะที่มีการวางกำลังของทหารกัมพูชายังถือว่าไม่ปลอดภัยสำหรับทหาร เนื่องจากมีการวางระเบิดไว้มาก ส่วนพื้นที่ชาวบ้านซึ่งอยู่นอกแนวชายแดนลึกเข้ามา ไม่น่าเป็นห่วงจากทุ่นระเบิดบุคคล แต่ยังมีความเสี่ยงจากจรวดที่ยิงเข้ามาแล้วไม่ระเบิด หากประชาชนพบเห็นให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทันที ห้ามเข้าไปจับ ดึง หรือเก็บเอง อย่างไรก็ตาม พื้นที่ส่วนใหญ่ เช่น ภูมะเขือ อานม้า ซำแปร และตาเมือนธม ไทยสามารถครอบครองได้ […]

นิด้าโพล เผยประชาชนไว้วางใจกองทัพ ปกป้องชาติมากถึง 75%

กทม. 10 ส.ค.-นิด้าโพล เผยประชาชนไว้วางใจกองทัพ ปกป้องผลประโยชน์ชาติ จากสถานการณ์ไทย-กัมพูชา มากถึง 75% แนะเปิดเจรจาทางการทูตสองฝ่ายจริงจัง รวมทั้งเห็นว่าไม่ควรรับผู้ป่วยชาวกัมพูชาทุกคน ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจ เรื่อง “สถานการณ์ไทย-กัมพูชา ไปต่อแบบไหนดี” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 4-5 สิงหาคม 2568 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป เกี่ยวกับความไว้วางใจและความพอใจต่อบทบาทของภาคส่วนต่างๆ ในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา พบว่า -กองทัพ ตัวอย่าง ร้อยละ 75.73 ระบุว่า ไว้วางใจมาก รองลงมา ร้อยละ 19.31 ระบุว่า ค่อนข้างไว้วางใจ ร้อยละ 3.66 ระบุว่า ไม่ค่อยไว้วางใจ ร้อยละ 1.07 ระบุว่า ไม่ไว้วางใจเลย และร้อยละ 0.23 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ -กระทรวงการต่างประเทศ ตัวอย่าง ร้อยละ 41.76 […]