กรุงเทพฯ 25 ก.ย.- สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) หารือนายกรัฐมนตรี ชูข้อเสนอ “Quick – Big Win“ ทำได้ใน 4 เดือน หนุนบริษัทใน EEC เข้าตลาดทุนไทย เสนอยกเว้นภาษีเงินปันผลระยะยาว สิทธิภาษีถาวรลงทุนใน ESG ตลท.-บจ. ร่วมupskill แรงงานฟรี ปราบหลอกลวงลงทุนผ่านตลาดทุนไทย 5.5 หมื่นล้าน
ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) ฐานะผู้แทนภาคเอกชนในตลาดทุนไทย กล่าวภายหลังร่วมหารือกับนายอนุทินชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ว่าพร้อมสนับสนุนรัฐบาลในการขับเคลื่อนตลาดทุนเพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่น ฟื้นฟูเศรษฐกิจ และวางอนาคตระยะยาวให้กับประเทศไทย ไม่ต้องใช้การแก้ไขกฎหมายหรือใช้ประกาศพระราชกฤษฎีกาแทนออก พ.ร.บ. ผ่านข้อเสนอหลัก เชื่อดำเนินการได้ใน 4 เดือน
- เสริมสร้างความเชื่อมั่นตลาดทุนต่อนโยบายรัฐ ด้วยทีมที่ใช่ นโยบายที่ใช่ แอคชั่นที่ทำ(กล้าทำ) และการสื่อสารที่ใช่ ทำให้ตลาดทุนเกิดความเชื่อมั่น ซึ่งได้รับฟังนโยบายแล้วถือว่ามีประโยชน์ต่อประเทศ จะเชื่อไปยังความเชื่อมี่นนักลงทุนต่างประเทศที่เห็นภาพการเลือกตั้งเกิดขึ้นแต่ช่วง 4 เดือนหากมีนโยบายที่ใช่ยิ่งสร้างความเชื่อมั่นและนำไปสร้าง Growth Story โรดโชว์
- พัฒนาเครื่องยนต์เศรษฐกิจยุคใหม่ด้วยกลไกตลาดทุน พัฒนาเครื่องยนต์ใหม่แทนเซ็คเตอร์เดิมให้เกิดซัพพลาย-ดีมานด์ใหม่ เสนอให้ผลักดันโครงการ เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ต่อเนื่อง เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ฯ มีบริษัทขนาดใหญ่เข้ามาลงทุนเป็นฐานผลิต-สำนักงานใหญ่ ต้องมีการปลดล็อกข้อกำหนด จากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI)
3.เพิ่มสภาพคล่องระยะยาวในตลาดทุนไทย เสนอยกเว้นภาษีเงินปันผลการลงทุนระยะยาว ให้สิทธิภาษี ESG เป็นการถาวร ซึ่งนายกรัฐมนตรีและทีมรับไปพิจารณา หากไม่ได้ 100% อาจจะยกเว้นภาษี 50 % เป็นต้น รวมถึงเพิ่มแรงจูงใจในการดึงดูดการลงทุนจากนักลงทุนสถาบันในประเทศ
- สร้างอนาคตตลาดทุนไทย Upskill-Reskill แรงงานไทย ผ่าน e-Learning ขับเคลื่อนโดยตลาดหลักทรัพย์ฯ และบริษัทจดทะเบียน ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย โดยจะทำให้สำเร็จภายใน 1-2 เดือน การปราบปรามหลอกลงทุนที่มีผ่านตลาดทุนไทยมูลค่า 5.5 หมื่นล้านบาท เพื่อสภาพแวดล้อมทางการเงินที่ปลอดภัยสำหรับประชาชน และแก้ไขกลยุทธ์ที่เป็นภาระอุปสรรค

“การได้นำเสนอข้อเสนอมาตรการ Quick – Big Win แก่ท่านนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจในวันนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือเพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่น และผลักดันให้ตลาดทุนไทยเป็นกลไกสำคัญ ในการสนับสนุนนโยบายภาครัฐ สอดรับกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในด้านการดึงดูดการลงทุน การสร้างธุรกิจใหม่ และการยกระดับศักยภาพการแข่งขันของประเทศ ซึ่งมาตรการเหล่านี้สอดคล้องกับข้อเสนอของคณะกรรมการพิจารณามาตรการปฎิรูปตลาดทุนไทย (Taskforce) ซึ่งมาจากความร่วมมือของ 4 หน่วยงานหลัก ซึ่งประกอบด้วย กระทรวงการคลัง สำนักงาน ก.ล.ต. สภาธุรกิจตลาดทุนไทย และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สำหรับในขั้นต่อไป สภาธุรกิจตลาดทุนไทยจะนัดเข้าพบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและกระทรวงพาณิชย์เพิ่มเติม เพื่อกำหนดแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรม อันจะช่วยยกระดับการพัฒนาเศรษฐกิจไทยโดยรวม” ดร.กอบศักดิ์ กล่าว.-516-สำนักข่าวไทย