พยาบาลได้ฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มแรกของสหรัฐ

นิวยอร์ก 15 ธ.ค.- พยาบาลประจำหอผู้ป่วยหนักเป็นชาวอเมริกันคนแรกที่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ในสหรัฐ ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตด้วยโรคนี้ในสหรัฐพุ่งทะลุ 300,000 คนแล้ว แซนดรา ลินด์เซย์ ซึ่งให้การรักษาผู้ป่วยโควิด-19 มานานหลายเดือน เป็นคนแรกในสหรัฐที่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของไฟเซอร์และไบโอเอ็นเทค โดยรับการฉีดวัคซีนที่ศูนย์การแพทย์ยิวลองไอส์แลนด์ ย่านควีนส์ของนครนิวยอร์ก ศูนย์กลางการระบาดระยะแรกในสหรัฐ นายแอนดรูว์ คัวโม ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์กที่ชมการถ่ายทอดสดผ่านการสตรีมได้ปรบมือร่วมแสดงความยินดีกับเธอด้วย ลินด์เซย์เผยว่า ไม่รู้สึกแตกต่างไปจากการฉีดวัคซีนอื่น ๆ หวังว่าการที่เธอได้รับวัคซีนคือสัญญานว่าการรักษากำลังจะมาถึงในเร็ว ๆ นี้ และอยากให้ประชาชนมั่นใจว่าวัคซีนปลอดภัย แต่ละรัฐในสหรัฐกำหนดว่า เจ้าหน้าที่สาธารณสุขและผู้ที่พักอาศัยตามบ้านพักคนชรา คือบุคคลกลุ่มแรกที่จะได้วัคซีน ซึ่งต้องให้คนละ 2 เข็ม ห่างกันสามสัปดาห์ โดยกลุ่มต่อไปที่จะได้รับวัคซีนคือแรงงานที่จำเป็น และผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัว ขณะที่ ดร. แอนโธนี เฟาชี ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อของสหรัฐ ได้กล่าวกับเอ็มเอสเอ็นบีซี (MSNBC) ว่า ชาวอเมริกันที่ไม่มีปัจจัยเสี่ยงสูงจะได้รับการฉีดวัคซีนภายในสิ้นเดือนมีนาคม หรือไม่ก็ต้นเดือนเมษายน.-สำนักข่าวไทย

ไบเดนตำหนิทรัมป์หลังชนะคะแนนคณะผู้เลือกตั้ง

วิลมิงตัน 15 ธ.ค.- โจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีคนที่ 46 ของสหรัฐตำหนิโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน หลังจากคณะผู้เลือกตั้งลงคะแนนยืนยันให้เขาเป็นผู้ชนะเลือกตั้งว่า ประชาธิปไตยสหรัฐได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า สามารถกลับมาเหมือนเดิมแม้ต้องเผชิญกับการใช้อำนาจโดยมิชอบของทรัมป์ ไบเดนกล่าวที่เมืองวิลมิงตันที่เขาอาศัยอยู่ในรัฐเดลาแวร์วานนี้ตามเวลาสหรัฐว่า ประธานาธิบดีทรัมป์และพรรคพวกไม่เคารพเจตนารมณ์ของประชาชนและหลักนิติธรรม และไม่ให้เกียรติรัฐธรรมนูญ ซึ่งหมายถึงเรื่องที่พรรครีพับลิกันยื่นฟ้องโดยได้รับการสนับสนุนจากทรัมป์ให้ศาลพลิกผลคะแนนในหลายรัฐสำคัญ แต่ถูกศาลฎีกามีมติเอกฉันท์ไม่ยอมรับคำร้องเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ไบเดนถือโอกาสนี้ยกย่องผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ไปใช้สิทธิมากเป็นประวัติการณ์แม้กลัวโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 มีแรงกดดันทางการเมืองมหาศาล มีการพูดข่มขู่และขู่ทำร้ายร่างกาย ไฟแห่งประชาธิปไตยถูกจุดขึ้นในประเทศนี้มายาวนาน แม้โรคระบาดหรือการใช้อำนาจโดยมิชอบก็ไม่สามารถดับลงได้ ถึงเวลาที่สหรัฐซึ่งแตกแยกอย่างน่าขมขื่นต้องเริ่มต้นใหม่ เขาเชื่อว่าทุกคนสามารถทำงานร่วมกันเพื่อให้ประเทศดีขึ้นได้ ไบเดนกล่าวหลังจากได้เป็นผู้ชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการเมื่อคณะผู้เลือกตั้งใน 50 รัฐ และ 1 เขตปกครองพิเศษลงคะแนนในวันเดียวกัน เขาต้องการเพียง 270 คะแนนจากทั้งหมด 538 คะแนน แต่คะแนนที่นับแล้วจนถึงขณะนี้ชี้ว่าเขาใกล้จะทิ้งขาดทรัมป์ 306 ต่อ 232 คะแนน เมื่อรัฐแคลิฟอร์เนียที่มีคะแนนคณะผู้เลือกตั้งมากที่สุด 55 คะแนนลงคะแนนให้เขา ไบเดนมีกำหนดสาบานตนรับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม.-สำนักข่าวไทย

อังกฤษวอนคนอย่ากักตุนของก่อนเบร็กซิตสิ้นปีนี้

ลอนดอน 14 ธ.ค.- นายอาโลก ชาร์มา รัฐมนตรีกระทรวงธุรกิจ พลังงาน และยุทธศาสตร์อุตสาหกรรมของอังกฤษขอร้องประชาชนอย่ากักตุนสินค้า หลังจากมีกระแสวิตกว่าราคาสินค้าจะแพงขึ้น หากสหราชอาณาจักร (ยูเค) ออกจากสหภาพยุโรป (อียู) หรือเบร็กซิตในสิ้นปีนี้โดยปราศจากข้อตกลงทางการค้า นายชาร์มาให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์สกายนิวส์ในวันนี้ว่า เขามั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมว่าอังกฤษจะมีอาหารคงคลังอย่างเพียงพอแม้เบร็กซิตโดยไร้ข้อตกลงทางการค้า เพราะห่วงโซ่อุปทานจะยังคงอยู่ ขอให้ทุกคนจับจ่ายตามปกติ ทุกอย่างจะเป็นไปด้วยดีอย่างแน่นอน ส่วนในการให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์บีบีซี นายชาร์มากล่าวว่า หากเบร็กซิตโดยไร้ข้อตกลงทางการค้า จะเกิดผลกระทบด้านราคาน้อยมาก โดยอาจไม่ถึงร้อยละ 2 แต่ก็อาจมีบางสินค้าที่จะมีผลกระทบมากกว่านั้นเล็กน้อย ยูเคและอียูตกลงกันวานนี้ว่า จะต่อเวลาเจรจาอีกเล็กน้อยเพื่อหาทางบรรลุข้อตกลงการค้าก่อนหมดช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านในวันที่ 31 ธันวาคมนี้ ด้านกลุ่มค้าปลีกอังกฤษเผยในวันเดียวกันว่า ร้านค้าปลีกกำลังทำทุกวิถีทางเพื่อรับมือกับทุกอย่างที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 1 มกราคม เช่น เพิ่มปริมาณคงคลังสินค้าประเภทเครื่องกระป๋อง ม้วนกระดาษชำระ และสินค้าอายุการเก็บรักษานานให้มีปริมาณเพียงพอ ประชาชนไม่จำเป็นต้องซื้อสินค้ามากกว่าปกติ เพราะจะกระทบต่อสินค้าสดอย่างผักผลไม้ที่อายุการเก็บรักษาสั้น ด้านเทสโก เครือซูเปอร์มาร์เก็ตใหญ่ที่สุดในอังกฤษคาดว่า หากเบร็กซิตโดยไร้ข้อตกลงอาจทำให้ราคาสินค้าปรับขึ้นร้อยละ 3-5.-สำนักข่าวไทย

เผยรัสเซียปล่อยจรวด “อังการา เอ5” สู่อวกาศสำเร็จ

มอสโก 14 ธ.ค. – รัสเซียประสบความสำเร็จในการทดสอบปล่อยจรวดขนส่งของหนักขึ้นสู่อวกาศหลังหยุดพัฒนาไปถึง 6 ปี ซึ่งเป็นโครงการที่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซียระบุว่า มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความมั่นคงของรัสเซีย กระทรวงกลาโหมรัสเซียและรอสคอสมอส สำนักงานอวกาศรัสเซียเผยวันนี้ว่า การทดสอบปล่อยจรวดอังการา เอ5 ที่ศูนย์ปล่อยยานอวกาศในเมืองพลีเซตส์ค ทางตะวันตกเฉียงเหนือของรัสเซียประสบความสำเร็จด้วยดี รอยเตอร์ตั้งข้อสังเกตว่า ช่วงหลายปีมานี้รอสคอสมอสประสบความล้มเหลวหลายต่อหลายครั้งและเผชิญกับข้อกล่าวหาทุจริตคอรัปชั่นสุดอื้อฉาวที่รวมถึงการสร้างฐานปล่อยจรวดวอสตอกนี ทางตะวันออกไกลของรัสเซีย หลังบริษัทผู้รับเหมาถูกกล่าวหาว่า ยักยอกเงินรัฐบาล ทางการรัสเซียได้ทดสอบการปล่อยจรวดอังการา เอ5 ขึ้นสู่อวกาศครั้งแรกในปี 2557 และพัฒนาจรวดดังกล่าวที่สามารถบรรทุกวัตถุน้ำหนักกว่า 20 ตันเข้าสู่วงโคจรแทนที่จรวดโปรตอน-เอ็มที่ประสบความล้มเหลว โดยจะประกาศเปิดตัวแท่นปล่อยจรวดในปีหน้า อย่างไรก็ดี จรวดอังการาประสบปัญหาความล่าช้าในการผลิตและปัญหาทางเทคนิคที่รวมถึงการพบข้อผิดพลาดในระบบเครื่องยนต์ที่นักวิทยาศาสตร์ระบุว่าอาจทำลายจรวดขณะขึ้นสู่อวกาศ. -สำนักข่าวไทย

บ. ยาเยอรมนีรับอาสาสมัครฉีดวัคซีนโควิดแล้ว

เบอร์ลิน 14 ธ.ค. – เคียวแวก บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพของเยอรมนีประกาศรับสมัครอาสาสมัครเข้าร่วมการทดลองทางคลินิกระยะที่ 2-3 ของวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ที่พัฒนาขึ้นเอง แถลงการณ์ของเคียวแวกระบุว่า การทดลองดังกล่าวมีผลต่อการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอนุมัติใช้วัคซีน โดยจะประเมินความปลอดภัยและประสิทธิภาพในกลุ่มอาสาสมัครผู้ใหญ่กว่า 35,000 คนในทวีปยุโรปและภูมิภาคลาตินอเมริกา การทดลองดังกล่าวยังตั้งเป้าศึกษาประสิทธิภาพของวัคซีนในการป้องกันผู้ป่วยติดเชื้อที่ได้รับการยืนยันแล้ว ไม่ให้มีอาการรุนแรง และป้องกันอาสาสมัครที่ไม่เคยติดเชื้อไวรัสโคโรนามาก่อนไม่ให้มีอาการปานกลางถึงรุนแรง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารหรือซีอีโอของเคียวแวกกล่าวว่า ข้อมูลความปลอดภัยของการทดลองและการฉีดวัคซีนในขณะนี้มีแนวโน้มในทิศทางที่ดี หวังว่าการทดลองในครั้งนี้จะแสดงให้เห็นว่า เทคโนโลยีพัฒนาวัคซีนแบบเอ็มอาร์เอ็นเอ (mRNA) และวัคซีนของบริษัทจะสามารถป้องกันโรคโควิด-19 รวมทั้งช่วยให้เอาชนะการแพร่ระบาดได้ วัคซีนทดลองของเคียวแวกเป็น 1 ใน 3 โครงการพัฒนาวัคซีนที่รัฐบาลเยอรมนีให้การสนับสนุนด้วยงบประมาณรวมทั้งสิ้นราว 750 ล้านยูโร (27,400 ล้านบาท) ขณะที่คณะกรรมาธิการยุโรปได้สั่งจองวัคซีนดังกล่าวไว้แล้วถึง 405 ล้านโดส. -สำนักข่าวไทย

รัฐบาลสหรัฐยืนยันถูกโจมตีระบบคอมพิวเตอร์

วอชิงตัน 14 ธ.ค.- รัฐบาลสหรัฐยืนยันว่า ถูกโจมตีเครือข่ายคอมพิวเตอร์ตามที่หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์รายงานว่า มีกระทรวงอย่างน้อย 2 แห่งตกเป็นเป้าหมายของนักเจาะระบบหรือแฮ็กเกอร์ที่ได้รับการสนับสนุนจากทางการรัสเซีย โฆษกสำนักงานความปลอดภัยไซเบอร์และความปลอดภัยโครงสร้างพื้นฐานของสหรัฐชี้แจงว่า กำลังประสานงานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเรื่องกิจกรรมที่พบเมื่อไม่นานมานี้ในเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของรัฐบาล และกำลังให้ความช่วยเหลือทางเทคนิคแก่หน่วยงานที่ได้รับผลกระทบ เพราะหน่วยงานเหล่านี้ต้องค้นหาและบรรเทาความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น ก่อนหน้านี้หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์รายงานว่า การแฮ็กล่าสุดเชื่อมโยงกับกับการโจมตีไฟร์อาย บริษัทความปลอดภัยไซเบอร์ที่ถูกกลุ่มแฮ็กเกอร์ขโมยเครื่องมือที่ใช้ทดสอบระบบคอมพิวเตอร์ของลูกค้าไปเจาะระบบการป้องกันของบริษัท ไฟร์อายสันนิษฐานว่า เป็นฝีมือแฮ็กเกอร์ที่ได้รับการสนับสนุนจากทางการ สื่อสหรัฐหลายแห่งรายงานว่า สำนักสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอ (FBI) กำลังตรวจสอบกลุ่มที่ทำงานให้กับหน่วยข่าวกรองต่างประเทศของรัสเซียหรือเอสวีอาร์ (SVR) เพราะเชื่อว่าเจาะระบบหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐมาหลายเดือนแล้ว รวมไปถึงหน่วยงานรัฐบาลสมัยประธานาธิบดีบารัค โอบามาด้วย สถานทูตรัสเซียในสหรัฐตอบโต้ผ่านหน้าเฟซบุ๊กอย่างเป็นทางการว่า สื่ออเมริกันอ้างอย่างเลื่อนลอย เพราะกิจกรรมประสงค์ร้ายด้านข้อมูลข่าวสารเป็นสิ่งที่ขัดต่อหลักการนโยบายต่างประเทศ ผลประโยชน์แห่งชาติ และความตกลงร่วมกันเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างรัฐของรัสเซีย พร้อมกับย้ำว่ารัสเซียไม่ดำเนินปฏิบัติการน่ารังเกียจในโลกไซเบอร์.-สำนักข่าวไทย

เกษตรกรอินเดียอดข้าวค้านกฎหมายใหม่

นิวเดลี 14 ธ.ค. – แกนนำเกษตรกรอินเดียเริ่มต้นการอดอาหารเป็นเวลา 1 วันในวันนี้ เพื่อกดดันให้นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ของอินเดียยกเลิกกฎหมายปฏิรูปการค้าผลผลิตทางการเกษตร แกนนำผู้ประท้วงคนหนึ่งจากรัฐปัญจาบทางตอนเหนือของอินเดียกล่าวว่า กลุ่มเกษตรกรต้องการให้ยกเลิกกฎหมายปฏิรูปการค้าผลผลิตทางการเกษตร เขาและแกนนำคนอื่น ๆ เริ่มต้นอดอาหารเป็นเวลา 1 วันที่บริเวณจุดชุมนุมหลัก การชุมนุมของกลุ่มเกษตรกรอินเดียมีขึ้นเกือบ 3 สัปดาห์แล้ว เพื่อคัดค้านการออกกฎหมายดังกล่าวที่จะอนุญาตให้ภาคการเกษตรขายผลผลิตให้กับผู้ซื้อรายอื่นได้ นอกเหนือไปจากการขายในตลาดค้าส่งที่ควบคุมโดยรัฐบาล ซึ่งมีการประกันราคาขั้นต่ำ เกษตรการรายย่อยเกรงว่า การเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในแผนปฏิรูปเศรษฐกิจเสรีของนายกรัฐมนตรีโมดีจะทำให้การสนับสนุนราคาวัตถุดิบหลัก เช่น แป้งและข้าวสิ้นสุดลง รวมถึงเปิดช่องให้บริษัทต่าง ๆ เข้ามากดราคารับซื้อให้ต่ำลง ก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรีโมดีได้ให้คำมั่นกับกลุ่มเกษตรกรว่า พวกเขาจะได้รับสิทธิและโอกาสใหม่ ๆ จากการปฏิรูปในกฎหมาย 3 ฉบับที่บังคับใช้เมื่อเดือนกันยายน เพราะมีการผ่อนคลายระเบียบการขาย การกำหนดราคา และการจัดเก็บผลผลิตทางการเกษตร อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่รัฐบาลและผู้นำสหภาพแรงงานกลุ่มเกษตรกรได้ตั้งโต๊ะเจรจาร่วมกันมาแล้วถึง 6 ครั้ง แต่ก็ยังไม่บรรลุผลจนถึงขณะนี้. -สำนักข่าวไทย

เรือบรรทุกน้ำมันสิงคโปร์ระเบิดนอกท่าเรือซาอุฯ

ริยาด 14 ธ.ค.- เกิดเหตุระเบิดบนเรือบรรทุกน้ำมันติดธงชาติสิงคโปร์ นอกเมืองท่าเจดดาห์ของซาอุดีอาระเบียในวันนี้ เป็นการโจมตีครั้งล่าสุดต่อโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของซาอุดีอาระเบีย ฮาฟเนีย (Hafnia) บริษัทขนส่งที่มีฐานอยู่ในสิงคโปร์แถลงว่า เรือ บี ดับเบิลยู ไรน์ (BW Rhine) ถูกโจมตีจากภายนอก ขณะกำลังเคลื่อนตัวออกจากเมืองท่าเจดดาห์หลังเที่ยงคืนวันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่น ทำให้เกิดระเบิดและไฟไหม้ตามมา แต่ลูกเรือสามารถดับไฟได้ โดยได้รับความช่วยเหลือจากหน่วยดับเพลิงบนฝั่งและเรือโยง ลูกเรือทั้ง 22 คน ไม่ได้รับบาดเจ็บ ส่วนตัวเรือเสียหายจากการระเบิด และยังไม่ตัดความเป็นไปได้ว่าอาจมีน้ำมันรั่วหรือไม่ จนถึงขณะนี้ยังไม่มีกลุ่มใดอ้างตัวว่าเป็นผู้ก่อเหตุ ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงที่กลุ่มกบฏฮูธีในเยเมนที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน ได้เพิ่มการโจมตีข้ามพรมแดนต่อเป้าหมายในซาอุดีอาระเบีย เพื่อตอบโต้ปฏิบัติการทางทหารในเยเมนที่มีซาอุดีอาระเบียเป็นแกนนำมาตั้งแต่กลุ่มกบฏฮูธีเข้ายึดกรุงซานา เมืองหลวงของเยเมนเมื่อปี 2557 และรุกคืบยึดพื้นที่ส่วนใหญ่ทางตอนเหนือ เดือนที่แล้วเรือบรรทุกน้ำมันติดธงชาติมอลตาที่เดินเรือโดยบริษัทกรีกเกิดระเบิดขณะเทียบท่าทางใต้ของซาอุดีอาระเบีย พันธมิตรทางทหารที่นำโดยซาอุดีอาระเบียโทษว่าเป็นฝีมือของกลุ่มฮูธี ไม่มีคนบาดเจ็บ กลุ่มฮูธีอ้างในเดือนเดียวกันว่า ยิงขีปนาวุธวุธกัดส์-2 ถล่มโรงงานของซาอุดีอารามโกเจดดาห์ อารามโกแจ้งว่า ขีปนาวุธทำให้ถังน้ำมันเป็นรู เกิดระเบิดและไฟไหม้.-สำนักข่าวไทย

เผยกูเกิลให้ พนง. ทำงานจากบ้านถึง ก.ย. ปีหน้า

แคลิฟอร์เนีย 14 ธ.ค. – สื่อสหรัฐเผยว่า อัลฟาเบต อิงค์ บริษัทแม่ของกูเกิลจะอนุญาตให้พนักงานทำงานจากบ้านได้จนถึงเดือนกันยายนปีหน้า หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สของสหรัฐรายงานอ้างประกาศของนายซันดาร์ พิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารหรือซีอีโอของอัลฟาเบต อิงค์ที่ส่งให้พนักงานทางอีเมลว่า บริษัทจะทดสอบแนวทางการทำงานในสัปดาห์แบบยืดหยุ่นทันทีที่พนักงานสามารถกลับมาทำงานในสำนักงานได้อย่างปลอดภัย โดยจะอนุญาตให้พนักงานกูเกิลมาทำงานที่สำนักงาน 3 วันต่อสัปดาห์ และทำงานจากบ้านในวันที่เหลือ นายพิชัยระบุในอีเมลว่า บริษัทกำลังทดสอบแนวทางการทำงานแบบยืดหยุ่นที่จะนำไปสู่การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต การร่วมมือ และสวัสดิภาพของพนักงาน อย่างไรก็ดี อีเมลดังกล่าวไม่ได้ระบุว่า บริษัทจะบังคับให้พนักงานฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ก่อนกลับมาทำงานที่สำนักงานหรือไม่ ขณะที่โฆษกหญิงของกูเกิลเผยว่า บริษัทแนะนำให้พนักงานฉีดวัคซีนเมื่อผู้ให้บริการสาธารณสุขหรือทางการสาธารณสุขท้องถิ่นมีความพร้อมในการฉีดวัคซีน กูเกิลเป็นหนึ่งในบริษัทแรก ๆ ที่ขอให้พนักงานทำงานจากบ้านเนื่องจากเกิดการระบาดของโรคโควิด-19 และได้ขยายเวลาให้พนักงานทำงานจากบ้านจากเดือนมกราคมปีหน้าไปเป็นเดือนกรกฎาคมปีหน้า และเลื่อนไปเป็นเดือนกันยายนจากประกาศครั้งล่าสุด. -สำนักข่าวไทย

ตำหนิแผนฉีดวัคซีนโควิดของบราซิลไร้ประสิทธิภาพ

บราซิเลีย 14 ธ.ค.- ผู้นำบราซิลถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักเรื่องแผนการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ให้กับประชาชน ขณะที่บราซิลเป็นประเทศที่มีผู้เสียชีวิตจากโรคนี้มากเป็นอันดับสองของโลกรองจากสหรัฐ บราซิลประกาศแผนการฉีดวัคซีนเมื่อวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น โดยมีช่องโหว่หลายจุด ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ประธานาธิบดีจาอีร์ โบวโซนารู ผู้นำขวาจัดที่ท้าทายคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับการระบาดของโรคมาโดยตลอด และเพิ่งประกาศว่าตัวเองจะไม่ฉีดวัคซีน รัฐบาลบราซิลเสนอแผนดังกล่าวตามที่ศาลฎีกากำหนด โดยให้เพียงภาพร่างคร่าวเรื่องประชากรเป้าหมาย และวัคซีนที่จะใช้ในการระดมสร้างภูมิคุ้มกันเบื้องต้น แบ่งออกเป็น 4 ระยะ มุ่งเป้าไปยังกลุ่มที่มีความอ่อนไหว ได้แก่ ผู้ปฏิบัติงานด้านสุขภาพ ผู้สูงอายุ ชนพื้นเมือง และครู รวมทั้งหมด 51.6 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 24 ของประชากร 212 ล้านคน เป้าหมายสูงสุดของแผนได้กำหนดไว้ว่า จะฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมประชากรมากกว่าร้อยละ 70 ของประเทศ แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดว่าจะทำอย่างไร ผู้เชี่ยวชาญตำหนิว่า แผนนี้ยังขาดรายละเอียดเกี่ยวกับกรอบเวลา การขนส่ง และแหล่งที่มาของวัคซีนด้วย บราซิลผู้ป่วยสะสมราว 6.9 ล้านคน เสียชีวิตกว่า 180,000 คน ผลสำรวจที่เผยแพร่เมื่อวันอาทิตย์พบว่า ชาวบราซิลร้อยละ 22 ไม่คิดฉีดวัคซีนป้องกันโคโควิด-19 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 9 […]

นิวซีแลนด์เล็งเปิดรับชาวออสเตรเลียต้นปีหน้า

เวลลิงตัน 14 ธ.ค.- นิวซีแลนด์หวังว่าจะสามารถจับคู่ท่องเที่ยวปลอดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 กับออสเตรเลียภายในเดือนเมษายนปีหน้า และกำลังสรุปมาตรการที่จำเป็นในการป้องกันโควิดบริเวณพรมแดน นายกรัฐมนตรีจาซินดา อาร์เดิร์น เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีของนิวซีแลนด์ได้ตกลงในหลักการที่จะเปิดเขตท่องเที่ยวปลอดโควิดข้ามทะเลทาสมันในช่วงไตรมาสแรกของปี 2564 หากโรคโควิด-19 ไม่กลับมาระบาดใหญ่อีกในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ตั้งเป้าไว้ว่า จะสามารถกำหนดวันที่เริ่มการเดินทางโดยปลอดการกักโรคได้ในปีหน้า อย่างไรก็ดี เธอจะไม่เปิดโอกาสให้เกิดความเสี่ยงที่ไม่จำเป็น โดยจะมุ่งเน้นไปที่การป้องกันไม่ให้หน่วยงานชายแดนเกิดภาวะล้นจนรับมือไม่ไหว หากชาวนิวซีแลนด์ที่ไปเที่ยวออสเตรเลียต้องรีบเร่งกลับประเทศ หากเกิดการระบาดใหญ่ในออสเตรเลียอีกครั้ง นิวซีแลนด์ปิดพรมแดนมาตั้งแต่เดือนมีนาคม และกำหนดให้ผู้เดินทางเข้าประเทศทั้งหมดต้องได้รับการแยกกักโรคเป็นเวลาสองสัปดาห์ รวมถึงชาวออสเตรเลีย นักท่องเที่ยวต่างชาติรายใหญ่ที่สุดของนิวซีแลนด์ช่วงก่อนโควิด-19 ระบาด ขณะที่ออสเตรเลียให้ชาวนิวซีแลนด์เดินทางเข้าโดยไม่ต้องกักโรคตั้งแต่เดือนตุลาคมแล้ว นิวซีแลนด์ได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางว่าจัดการกับโรคโควิด-19 อย่างเข้มงวด มีผู้เสียชีวิตเพียง 25 คน จากประชากรทั้งหมด 5 ล้านคน ส่วนออสเตรเลียมีผู้ป่วยสะสมตั้งแต่เดือนมกราคมจนถึงขณะนี้ที่ 28,031 คน เสียชีวิต 908 คน.-สำนักข่าวไทย

1 653 654 655 656 657 693