บ. ถุงมือยางมาเลเซียเผยยามเสียชีวิตจากโควิด

เปตาลิงจายา 14 ธ.ค. – ท้อปโกลฟ บริษัทผู้ผลิตถุงมือยางที่ใหญ่ที่สุดในโลกของมาเลเซียเผยว่า เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย (รปภ.) คนหนึ่งเสียชีวิตจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ซึ่งถือเป็นผู้เสียชีวิตรายแรกหลังเกิดการระบาดในหอพักพนักงานและโรงงาน ท้อปโกลฟเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า รปภ.ชาวเนปาล วัย 29 ปีเสียชีวิตเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาด้วยโรคโควิด-19 ทั้งระบุเพิ่มเติมว่า เขาทำงานที่โรงงานผลิตถุงมือในเมืองกลัง ซึ่งตั้งอยู่ห่างกรุงกัวลาลัมเปอร์ไปทางตะวันตกราว 40 กิโลเมตรมาเป็นเวลากว่า 2 ปี ก่อนหน้านี้ ท้อปโกลฟพบผู้ป่วยติดเชื้อในโรงงานผลิตถุงมือกว่า 5,000 คน ซึ่งถือเป็นการระบาดเป็นกลุ่มก้อนใหญ่ที่สุดของมาเลเซีย โดยพบการระบาดครั้งแรกเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายนที่ผ่านมาในกลุ่มพนักงานที่ได้รับการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนาก่อนขึ้นเครื่องบินเพื่อเดินทางกลับบ้าน ทางการมาเลเซียจึงใช้มาตรการเข้มงวดและสั่งปิดโรงงานของท้อปโกลฟบางส่วนที่พบการระบาดเพื่อเฝ้าระวังและกักตัวผู้ป่วยติดเชื้อในเดือนที่แล้ว พนักงานของท้อปโกลฟกล่าวกับรอยเตอร์ว่า การใช้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมในที่ทำงานเป็นเรื่องยากและขาดความต่อเนื่อง ยิ่งไปกว่านั้น หอพักพนักงานยังมีความแออัด พนักงานกว่า 20 คนต้องอาศัยอยู่ภายในห้องพักเดียวกัน ขณะที่เมื่อสัปดาห์ก่อนท้อปโกลฟเผยระหว่างแถลงผลการดำเนินงานว่า พนักงานที่ได้รับการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนากลับมาทำงานตามปกติแล้วร้อยละ 94. -สำนักข่าวไทย

เกาหลีใต้สั่งปิดโรงเรียนสกัดโควิด

โซล 14 ธ.ค. – เกาหลีใต้สั่งปิดโรงเรียนในกรุงโซลและพื้นที่โดยรอบตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป เพื่อควบคุมการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ครั้งรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่พบการระบาดในประเทศ ทางการเกาหลีใต้ประกาศให้โรงเรียนในกรุงโซลและพื้นที่โดยรอบทำการสอนทางไกลผ่านระบบออนไลน์ไปจนถึงสิ้นเดือนนี้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมของรัฐบาลที่ยังคงไม่สามารถควบคุมยอดผู้ป่วยติดเชื้อที่พุ่งสูงขึ้น การใช้คำสั่งปิดโรงเรียนถือว่าเข้าใกล้มาตรการยกระดับทางสังคมระดับ 3 ที่จะเป็นการล็อกดาวน์เกาหลีใต้ นายกรัฐมนตรีชุง เซ-คยุน ของเกาหลีใต้กล่าวว่า รัฐบาลไม่ลังเลที่จะยกระดับมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมเป็นระดับ 3 หากมีความจำเป็นและผ่านความเห็นชอบจากกระทรวงที่เกี่ยวข้อง รัฐบาลท้องถิ่น และผู้เชี่ยวชาญ ในขณะเดียวกัน สำนักงานควบคุมและป้องกันโรคของเกาหลีใต้หรือเคดีซีเอรายงานวันนี้ว่า เกาหลีใต้มีผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ 718 คน ลดลงจากวานนี้ที่มี 1,030 คน ในจำนวนนี้เป็นการติดเชื้อในประเทศ 682 คน ผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ส่วนใหญ่ได้รับเชื้อไวรัสโคโรนามาจากกรุงโซล เมืองอินชอน และจังหวัดคย็องกี ขณะนี้ เกาหลีใต้มียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสม 43,484 คน และผู้เสียชีวิต 587 คน. -สำนักข่าวไทย

คณะผู้เลือกตั้งสหรัฐเตรียมรับรองชัยชนะไบเดน

วอชิงตัน 14 ธ.ค.- คณะผู้เลือกตั้งของสหรัฐเตรียมรับรองชัยชนะของ โจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดี ขณะที่โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีคนปัจจุบันยังคงยืนกรานไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ คณะผู้เลือกตั้งของสหรัฐจะลงมติกันในวันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่น เพื่อรับรองว่าไบเดนเป็นผู้ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดี ขณะที่ทรัมป์ยังคงยืนกรานไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ ผลการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ไบเดน ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครต ได้คะแนนประชาชนทั้งสิ้น 81.3 ล้านเสียง คิดเป็นร้อยละ 51.3 ขณะที่ทรัมป์ได้คะแนน 74.2 ล้านเสียง คิดเป็นร้อยละ 46.8 อย่างไรก็ตาม ชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ไม่ได้ยึดจากคะแนนประชาชน แต่ใช้คะแนนคณะผู้เลือกตั้งเป็นเกณฑ์ แต่ละรัฐจะมีคะแนนคณะผู้เลือกตั้งประจำรัฐลดหลั่นกันไปตามสัดส่วนประชากร โดยมีคะแนนรวมทั่วประเทศที่ 538 คะแนน ผู้สมัครที่ได้คะแนนคณะผู้เลือกตั้งตั้งแต่ 270 คะแนนขึ้นไปจะเป็นผู้ชนะ และในการเลือกตั้งที่ผ่านมา ไบเดนได้คะแนนคาดการณ์ชนะทรัมป์ 306 ต่อ 232 คะแนน ในการประชุมกันวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น คณะผู้เลือกตั้งจะประชุมกันเพื่อสรุปกระบวนการอย่างเป็นทางการ และหลังจากนั้น ไบเดนจะกล่าวสุนทรพจน์ยืนยันในชัยชนะของตนในช่วงเย็น ขณะที่ทรัมป์ยังมีสิทธิตามกฎหมายในการครองทำเนียบขาวต่อไปได้ถึงวันที่ 20 มกราคม ซึ่งเป็นวันสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของประธานาธิบดีคนใหม่ ทรัมป์ยังคงทวีตข้อความโดยไม่มีหลักฐานว่า การเลือกตั้งเมื่อวันที่ […]

รัฐนิวเซาท์เวลส์ยกเลิกคำสั่งทำงานจากบ้านแล้ว

ซิดนีย์ 14 ธ.ค. – รัฐนิวเซาท์เวลส์ยกเลิกคำสั่งให้ประชาชนทำงานจากบ้านในวันนี้เป็นวันแรก หลังออสเตรเลียมีผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ในระดับต่ำมาก ขณะที่หลายบริษัทยังคงอนุโลมให้พนักงานบางส่วนทำงานจากบ้านต่อไปจนถึงปีหน้า รัฐนิวเซาท์เวลส์มีประชากรมากที่สุดในออสเตรเลีย และมีนครซิดนีย์ เมืองใหญ่ที่สุดในประเทศเป็นเมืองหลวง เริ่มประกาศผ่อนคลายมาตรการด้านสาธารณสุขที่บังคับใช้มาเกือบตลอดทั้งปีนี้ หลังจากไม่พบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ในชุมชนติดต่อกันเป็นวันที่ 10 แล้ว แต่บริษัทใหญ่หลายแห่งยังไม่มีแผนที่จะให้พนักงานกลับมาทำงานในบริษัทโดยทันที เนื่องจากใกล้ถึงวันหยุดเทศกาลคริสต์มาสในอีก 10 วันข้างหน้า กรรมการบริหารสภาทรัพย์สินออสเตรเลียประจำรัฐนิวเซาท์เวลส์กล่าวว่า เป็นเรื่องยากที่จะทำให้พนักงานกลับมาทำงานในสำนักงานตามปกติ ขณะนี้ย่านธุรกิจของนครซิดนีย์มีอัตราผู้ทำงานในสำนักงานเพียงร้อยละ 45 เทียบกับในช่วงก่อนโรคโควิด-19 ระบาดที่มีร้อยละกว่า 90 สมาชิก 2 ใน 3 ของสภาทรัพย์สินคาดว่า พนักงานจะกลับมาทำงานในสำนักงานเพิ่มขึ้นในอีก 3 เดือนข้างหน้าหรือนานกว่านั้น คอมมอนเวลท์ แบงค์ ออฟ ออสเตรเลีย ซึ่งเป็นหนึ่งในธนาคารรายใหญ่สุดของออสเตรเลียและมีสำนักงานใหญ่ที่นครซิดนีย์เผยว่า จะเริ่มให้พนักงานกลับมาทำงานในสำนักงานเช่นกัน แต่ก็จะรับฟังความเห็นของพนักงานในการสรรหาวิธีทำงานที่ตอบโจทย์ทั้งลูกค้า ทีมงาน และพนักงานแต่ละคนด้วย รัฐนิวเซาท์เวลส์ถือเป็นรัฐแรกในออสเตรเลียที่ยกเลิกการใช้คำสั่งให้ประชาชนทำงานจากบ้านก่อนรัฐอื่น ๆ ขณะที่รัฐวิกตอเรียเป็นเพียงรัฐเดียวที่ยังคงใช้คำสั่งให้พนักงานทำงานจากบ้าน และจำกัดผู้ที่เข้ามาทำงานในสำนักงานได้ไม่เกินร้อยละ 25 ส่วนรัฐอื่น ๆ ให้ขึ้นอยู่กับนโยบายของบริษัทหากพนักงานต้องการทำงานจากบ้านต่อไป. -สำนักข่าวไทย

โตเกียว-นาโงย่าอาจถูกถอดจากโครงการไปเที่ยว

โตเกียว 14 ธ.ค.- รัฐบาลญี่ปุ่นกำลังพิจารณาว่าจะถอดกรุงโตเกียว และเมืองนาโงย่า ออกจากโครงการสนับสนุนการท่องเที่ยวในประเทศหรือไม่ เนื่องจากสองเมืองนี้กำลังเป็นแหล่งแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไสรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 รัฐบาลญี่ปุ่นจะจัดประชุมคณะทำงานในวันนี้ เพื่อหารือว่าจะทำอย่างไรกับโครงการ “ออกไปเที่ยว” (Go To Travel) ที่เปิดขึ้นเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 นายกรัฐมนตรี โยชิฮิเดะ ซูงะกล่าววานนี้ว่า โครงการนี้มีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของท้องถิ่นอย่างมาก รัฐบาลกลางจะร่วมกับรัฐบาลท้องถิ่นหามาตรการรับมือที่เหมาะสมเพื่อควบคุมการแพร่กระจายของไวรัส รัฐบาลท้องถิ่นกรุงโตเกียวได้ขอให้บาร์และร้านอาหารที่ให้บริการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ปิดบริการก่อนเวลามาตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายน แต่ดูเหมือนไม่ได้ช่วยลดการระบาดมากนัก เพราะเมื่อวันเสาร์กรุงโตเกียวมีผู้ป่วยรายวันทำสถิติสูงสุดกว่า 600 คน แม้ขณะนี้กรุงโตเกียวจะยังไม่ถูกถอดออกจากโครงการ “ออกไปเที่ยว” แต่ทางเมืองได้ขอให้ผู้สูงอายุและผู้มีปัญหาสุขภาพงดเว้นการเข้าร่วมโครงการไปจนถึงวันพฤหัสบดีนี้ ที่ผ่านมามีเมืองใหญ่ถูกถอดออกจากโครงการ “ออกไปเที่ยว” แล้ว 2 เมือง ได้แก่ ฮอกไกโด และโอซากา และรัฐบาลกลางกำลังพิจารณาขยายมาตรการคุมเข้มใน 2 เมืองนี้ เนื่องจากไวรัสยังคงแพร่ระบาด.-สำนักข่าวไทย

เยอรมนีคุมเข้มมาตรการป้องกันโควิด-19

เบอร์ลิน 14 ธ.ค.- เยอรมนีเตรียมเพิ่มการคุมเข้มมาตรการป้องกันการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 หลังติดเชื้อและตายเพิ่ม นายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิล ของเยอรมนีประกาศว่า จะเพิ่มความเข้มงวดของมาตรการควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 เพื่อควบคุมยอดผู้ป่วยรายใหม่ทั่วประเทศ หลังจากเมื่อวันศุกร์มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มกว่า 29,000 คน และเสียชีวิตเพิ่มอีก 598 คน ซึ่งเป็นสถิติใหม่ของประเทศ เยอรมนีจะกำหนดให้ร้านค้าปลีกส่วนใหญ่ ยกเว้นร้านค้าที่จำเป็น ปิดให้บริการตั้งแต่วันพุธ ไปจนถึงวันที่ 10 มกราคม รวมถึงจะปิดโรงเรียนด้วย ส่วนการห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นอกบ้านจะยังมีผลบังคับใช้ต่อไป ส่งผลให้ปีนี้ผู้คนไม่สามารถดื่มไวน์ร้อน ซึ่งเป็นเครื่องดื่มตามประเพณีในช่วงคริสต์มาสในสถานที่กลางแจ้งได้เหมือนทุกปี นายกรัฐมนตรีแมร์เคิลกล่าวว่า เทศกาลจับจ่ายช่วงคริสต์มาสผู้คนมีการพบปะทางสังคมกันเพิ่มขึ้น จึงขอย้ำถึงความจำเป็นที่จะต้องกำหนดข้อจำกัดที่เข้มงวดขึ้น เพื่อลดภาระของระบบสาธารณสุข เนื่องจากที่ผ่านมา แม้เยอรมนีจะปิดบาร์ ร้านอาหาร และสถานประกอบการอื่นๆ ทั่วประเทศมาตั้งแต่วันที่ 2 พฤศจิกายน โรคโควิด-19 ก็ยังคงระบาดอย่างต่อเนื่อง.-สำนักข่าวไทย

ผู้สนับสนุนทรัมป์ยังคงประท้วงผลเลือกตั้ง

โอลิมเปีย 14 ธ.ค.- กลุ่มผู้สนับสนุนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐประท้วงโดยอ้างเรื่องทรัมป์ถูกปล้นชัยชนะ และเกิดการปะทะกับฝ่ายตรงข้าม กลุ่มอนุรักษ์นิยมที่อ้างโดยไม่มีหลักฐานว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ถูกปล้นชัยชนะในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน ได้ประท้วงทั่วสหรัฐเมื่อวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น การประท้วงที่รัฐวอชิงตันเกิดความรุนแรงขึ้นประปราย ตำรวจต้องเข้าแยกกลุ่มประท้วงและกลุ่มตรงข้ามเป็นระยะๆ สื่อท้องถิ่นในเมืองโอลิมเปีย เมืองเอกของรัฐวอชิงตัน รายงานว่า มีผู้ถูกยิง 1 ราย และมีผู้ถูกจับกุม 3 คน หลังการปะทะกันระหว่างกลุ่มผู้สนับสนุนกับกลุ่มที่ต่อต้านทรัมป์ ขณะที่ในเมืองอื่นๆ ของสหรัฐก็เกิดการประท้วงเช่นกัน เช่น นครแอตแลนตาของรัฐจอร์เจีย ซึ่งเป็นอีกรัฐที่ทีมหาเสียงของทรัมป์พยายามจะล้มล้างชัยชนะของ โจ ไบเดน และที่เมืองโมบิล รัฐแอละแบมา ทรัมป์จากพรรครีพับลิกันยังคงปฏิเสธที่จะยอมรับความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้ง โดยอ้างอย่างไม่มีหลักฐานว่า ถูกปล้นชัยชนะเพราะมีการโกงเลือกตั้งครั้งใหญ่ แม้ศาลของรัฐบาลกลางและหลายรัฐของสหรัฐมีคำตัดสินสนับสนุนชัยชนะของไบเดนมากกว่า 50 คำตัดสินแล้วก็ตาม และเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ศาลสูงสหรัฐก็เพิ่งยกฟ้องคำร้องจากเทกซัส ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากทรัมป์ที่ขอให้ยกเลิกผลการเลือกตั้งใน 4 รัฐ.-สำนักข่าวไทย

เยอรมนีเตรียมล็อกดาวน์มากขึ้นก่อนคริสต์มาส

เบอร์ลิน 11 ธ.ค. – เยอรมนีอาจจะต้องขยายมาตรการล็อกดาวน์ให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศมากขึ้นก่อนถึงเทศกาลคริสต์มาส เพื่อควบคุมยอดผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 รายวันที่พุ่งสูงขึ้น นายฮอร์สต์ ซีโฮเฟอร์ รัฐมนตรีกลาโหมเยอรมนีกล่าวว่า มาตรการล็อกดาวน์เป็นเพียงหนทางเดียวที่จะช่วยควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 ในเยอรมนี แต่ต้องรีบประกาศใช้ทันที หากรอให้ถึงเทศกาลคริสต์มาส เยอรมนีอาจมีผู้ป่วยติดเชื้อในระดับสูงไปอีกหลายเดือน ขณะที่นายปีเตอร์ อัลท์เมเออร์ รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจเยอรมนีเผยว่า ยอดผู้ป่วยติดเชื้อที่พุ่งสูงขึ้นเป็นเรื่องที่น่ากังวล รัฐบาลเยอรมนีและเหล่ามุขมนตรีจะต้องขยายมาตรการล็อกดาวน์ให้ครอบคลุมพื้นที่อื่น ๆ ในประเทศด้วย ด้านทางการรัฐบาเดิน-เวือร์ทเทมแบร์กของเยอรมนีระบุว่า นายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิล ของเยอรมนีและมุขมนตรีทั้ง 16 รัฐจะประชุมร่วมกันในวันอาทิตย์นี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับการใช้มาตรการใหม่ควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 ก่อนหน้านี้ ทางการเยอรมนีประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์เฉพาะบางพื้นที่ในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมาที่รวมถึงการสั่งปิดร้านอาหารและบาร์ และจำกัดจำนวนผู้คนที่พบปะ แต่ยังคงอนุญาตให้เปิดโรงเรียนและร้านค้า ขณะที่นางแมร์เคิลได้เรียกร้องให้ทางการรัฐต่าง ๆ ของเยอรมนีประกาศใช้มาตรการเข้มงวดขึ้นก่อนคริสต์มาส แต่กลับถูกคัดค้าน สถาบันโรแบร์ท ค็อก หรืออาร์เคไอ หน่วยงานควบคุมโรคของเยอรมนีรายงานวันนี้ว่า มียอดผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นเกือบ 30,000 คน และผู้เสียชีวิตราว 600 คน ทำให้มียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสม 1.29 ล้านคน และผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 21,064 คน. […]

สหรัฐจะคืนที่ตั้งทางทหารบางแห่งให้เกาหลีใต้

โซล 11 ธ.ค.- กองทัพสหรัฐตกลงในวันนี้ว่า จะคืนที่ตั้งทางทหาร 12 แห่งให้แก่เกาหลีใต้ บางแห่งอยู่ใจกลางกรุงโซล หลังจากรับปากตั้งแต่ปี 2545 ว่าจะคืนให้ทั้งหมด 80 แห่ง เพื่อให้เกาหลีใต้นำไปปรับปรุงพัฒนา สหรัฐประจำการทหารในเกาหลีใต้ตั้งแต่ช่วงสงครามเกาหลีปี 2493-2496 หลายปีมานี้ทั้งสองประเทศถกเถียงกันเรื่องภาระค่าใช้จ่ายในการดูแลทหารอเมริกัน 28,500 นายในเกาหลีใต้ กองกำลังสหรัฐในเกาหลีหรือยูเอสเอฟเค (USFK) เห็นพ้องในปี 2545 ว่าจะส่งคืนที่ตั้งทางทหาร 80 แห่งให้เกาหลีใต้นำไปปรับปรุงพัฒนา แต่ล่าช้ามาจนถึงปัจจุบันเพราะตกลงกันไม่ได้เรื่องค่าใช้จ่ายทำความสะอาดก่อนส่งคืน หน่วยงานรัฐบาลเกาหลีใต้แถลงวันนี้ว่า ทั้งสองฝ่ายได้ข้อสรุปเรื่องแผนการส่งคืนที่ตั้งทางทหาร 12 แห่ง โดยมีเงื่อนไขว่า จะหารือเรื่องค่าใช้จ่ายทำความสะอาดต่อไป ในจำนวนนี้ 6 แห่งอยู่ในกรุงโซล รัฐบาลจะปรับปรุงพื้นที่ สร้างสิ่งอำนวยความสะดวกด้านที่พักและการค้าเพื่อชะลอราคาห้องชุดพักอาศัยที่ปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขและทางการกรุงโซลกำลังพิจารณาแผนสร้างโรงพยาบาลรัฐเฉพาะด้านโรคติดเชื้อ ณ ที่ตั้งทางทหารหนึ่งแห่งที่ได้รับคืน ชาวเกาหลีใต้ในหลายพื้นที่ประท้วงมาหลายปีให้กองทัพสหรัฐคืนพื้นที่ให้พลเรือน เพราะเห็นว่าการมีที่ตั้งทางทหารเป็นอุปสรรคต่อแผนการพัฒนาและไม่เป็นผลดีต่อราคาอสังหาริมทรัพย์.-สำนักข่าวไทย

โพลชี้หญิงอเมริกันกังวลวัคซีนโควิดมากกว่าชาย

นิวยอร์ก 11 ธ.ค. – ผลสำรวจความคิดเห็นชาวอเมริกันของรอยเตอร์/อิปซอสชี้ว่า ผู้หญิงชาวอเมริกันรู้สึกวิตกกังวลมากกว่าผู้ชายเรื่องการรีบเร่งพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ผลสำรวจความคิดเห็นชาวอเมริกันในช่วงวันที่ 2 – 8 ธันวาคมที่ผ่านมาพบว่า ผู้หญิงอเมริกันร้อยละ 35 ระบุว่า ไม่สนใจเท่าใดหรือไม่สนใจเลยที่จะเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 9 จากผลสำรวจครั้งก่อนในเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นช่วงที่วัคซีนอยู่ระหว่างการพัฒนา ขณะที่ผู้หญิงร้อยละ 55 ระบุว่า สนใจมากหรือค่อนข้างสนใจเข้ารับการฉีดวัคซีน ลดลงร้อยละ 6 จากครั้งก่อน อย่างไรก็ดี ผู้ชายอเมริกันร้อยละ 68 บอกว่า สนใจเข้ารับการฉีดวัคซีน ซึ่งไม่ต่างไปจากผลสำรวจครั้งที่แล้ว ผลสำรวจเดือนนี้พบว่า ในภาพรวมแล้วชาวอเมริกันที่ยินดีฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 มีร้อยละ 61 ลดลงร้อยละ 4 จากผลสำรวจเดือนพฤษภาคม และพบว่า ผู้ปกครองที่ต้องการให้บุตรหลานฉีดวัคซีนลดลงจากร้อยละ 62 เหลือร้อยละ 53 ผู้อำนวยการศาสตร์การดำเนินการและพฤติกรรมของคณะสาธารณสุขจอห์นส์ฮอปกินส์บลูมเบิร์ก มหาวิทยาลัยจอห์นส์ฮอปกินส์ของสหรัฐกล่าวว่า การโน้มน้าวผู้หญิงให้ยอมรับวัคซีนมีความสำคัญต่อการควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 เนื่องจากผู้ที่เป็นแม่มักเป็นคนที่จัดการนัดพบแพทย์และคอยติดตามการฉีดวัคซีนต่อเนื่อง ผู้หญิงมีความระมัดระวังสูง และชอบศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม การทำให้พวกเธอเชื่อมั่นว่าวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ไม่ได้ใช้ขั้นตอนลัดในกระบวนการอนุมัติจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง. -สำนักข่าวไทย

ฮ่องกงจะได้วัคซีนโควิดจีนเดือนหน้า

ฮ่องกง 11 ธ.ค.- นางแคร์รี หล่ำ ผู้บริหารฮ่องกงเผยว่า ฮ่องกงจะได้รับวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 จากซิโนแวกไบโอเทคของจีนและไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทคในไตรมาสแรกของปีหน้า โดยจะได้รับชุดแรกจากจีนก่อน นางหล่ำเผยว่า รัฐบาลได้สั่งซื้อวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว 15 ล้านโดส สำหรับฉีดให้ประชากร 7.5 ล้านคน ๆ ละ 2 โดส แยกเป็นวัคซีนจีนและวัคซีนสหรัฐ/เยอรมนีอย่างละครึ่ง วัคซีนของซิโนแวกชุดแรก 1 ล้านโดสจะมาถึงในเดือนมกราคม ส่วนวัคซีนของไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทคชุดแรก 1 ล้านโดสจะมาถึงในไตรมาสแรก รัฐบาลตั้งเป้าจะซื้อทั้งหมด 30 ล้านโดส และกำลังเจรจาสั่งซื้อจากแอสตราเซนเนกาของอังกฤษ คาดว่าจะมาถึงในครึ่งหลังของปีหน้า ผู้บริหารฮ่องกงเผยว่า ผู้ที่จะได้รับวัคซีนเป็นกลุ่มแรกคือ ผู้สูงวัยและกลุ่มเสี่ยง ฮ่องกงพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 ตั้งแต่เดือนมกราคม และสามารถควบคุมการระบาดได้ค่อนข้างดีแม้มีการระบาดหลายระลอก โดยมีผู้ป่วยสะสมราว 7,300 คน เสียชีวิต 114 คน.-สำนักข่าวไทย

ซาโนฟี-จีเอสเคชะลอโครงการพัฒนาวัคซีนโควิด

ปารีส 11 ธ.ค.- ซาโนฟีของฝรั่งเศสและเกล็กโซสมิธไคลน์หรือจีเอสเคของอังกฤษประกาศชะลอโครงการทดลองวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 หลังจากผลการทดลองทางคลินิกพบว่ากระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ไม่เพียงพอ ซาโนฟีและจีเอสเคแถลงร่วมกันว่า ผลการทดลองที่ระงับไปนั้น กระตุ้นภูมิคุ้มกันในอาสาสมัครวัย 18-49 ปี ได้เทียบเท่ากับผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่หายป่วยแล้ว แต่กระตุ้นภูมิคุ้มกันได้น้อยในผู้สูงวัย คาดว่าเป็นเพราะแอนติเจนที่ใช้กระตุ้นให้ร่างกายสร้างแอนติบอดีหรือสารภูมิคุ้มกันมีความเข้มข้นไม่เพียงพอ จึงตัดสินใจระงับการทดลองระยะสามที่มีกำหนดเริ่มขึ้นในเดือนนี้ แล้วจะเริ่มการศึกษาใหม่ในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้าแทน โดยจะเปรียบเทียบผลกับวัคซีนที่ได้รับอนุมัติให้ใช้งานด้วย หากข้อมูลออกมาน่าพอใจ จะเริ่มการทดลองระยะสามทั่วโลกในไตรมาสสองของปีหน้า หากผลการทดลองได้ผลดีจะยื่นขออนุมัติในครึ่งหลังของปี และน่าจะได้ใช้ในไตรมาสสี่ของปี จากเดิมที่ตั้งเป้าว่าจะใช้ได้ในช่วงกลางปีหน้า ทั้งสองบริษัทได้แจ้งให้รัฐบาลประเทศต่าง ๆ และคณะกรรมาธิการยุโรปที่ทำสัญญาสั่งซื้อทราบเรื่องชะลอการพัฒนาวัคซีนแล้ว รอยเตอร์เสริมว่า ซาโนฟีและจีเอสเคได้เพิ่มกำลังผลิต หวังว่าจะพร้อมผลิตวัคซีนเป็น 1,000 ล้านโดสในปีหน้า ทันทีที่ได้รับอนุมัติ และได้รับคำสั่งซื้อจากหลายประเทศในสหภาพยุโรปหรืออียู สหรัฐ แคนาดา และอังกฤษ.-สำนักข่าวไทย

1 654 655 656 657 658 693