Hun Manet speaks with Trump

กัมพูชาพร้อมหยุดยิงหลัง “ทรัมป์“ กดดัน

พนมเปญ 27 ก.ค.- นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ขานรับข้อเสนอผู้นำสหรัฐพร้อมหยุดยิงทันทีโดยไม่มีเงื่อนไขกับไทย ด้านนักวิเคราะห์ชี้สหรัฐอาจถูกมองไม่ดี หากทั้ง 2 ประเทศไม่ได้ข้อตกลงทางการค้ากับสหรัฐ ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก Hun Manet ว่า เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา ได้สนทนาทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา เกี่ยวกับความขัดแย้งทางอาวุธในพื้นที่ชายแดนกัมพูชาและไทย นายทรัมป์ได้แสดงความประสงค์ที่จะไม่เห็นสงครามหรือการสู้รบที่จะส่งผลให้เกิดการเสียชีวิตและการบาดเจ็บจำนวนมากทั้งสองฝ่ายทั้งทางทหารและพลเรือน และต้องการให้มีการหยุดยิงและเกิดสันติภาพระหว่างสองประเทศโดยทันที นายกรัฐมนตรีกัมพูชาระบุว่า ได้แจ้งว่ากัมพูชาเห็นด้วยกับคำขอให้มีการหยุดยิงโดยทันทีและไม่มีเงื่อนไขระหว่างกองทัพทั้งสอง และได้มอบหมายให้นายปรัก สุคน รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศ ดำเนินงานนี้ต่อไป เพื่อนำหลักการที่ตกลงกันไว้ไปปฏิบัติอย่างรวดเร็ว ซึ่งสามารถยุติการเสียชีวิตและการบาดเจ็บของทหารและพลเรือนทั้งสองฝ่าย ผู้นำกัมพูชาโพสต์ดังกล่าวหลังจากผู้นำสหรัฐโพสต์ผ่านสื่อออนไลน์ Truth Social ของตนเองว่า ได้โทรศัพท์สนทนากับผู้นำไทยและกัมพูชาเพื่อเรียกร้องให้ยุติการสู้รบ และบังเอิญว่าสหรัฐกำลังเจรจาการค้ากับทั้งสองประเทศนี้ ดังนั้นสหรัฐจะไม่ทำข้อตกลงกับประเทศใด หากทั้งสองฝ่ายกำลังสู้รบกันอยู่ จากนนั้นได้โพสต์เพิ่มเติมว่า ผู้นำของกัมพูชาและไทยได้ตกลงที่จะพบกันทันทีเพื่อหาข้อยุติการหยุดยิงโดยเร็ว ซึ่งเมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้น และสันติภาพอยู่ใกล้แค่เอื้อม เขาตั้งตารอที่จะสรุปข้อตกลงการค้ากับทั้งสองประเทศ อย่างไรก็ดี นายทรัมป์ไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับการเจรจาหยุดยิงที่เขาระบุว่าทั้งสองประเทศตกลงจะจัดขึ้น เช่นเดียวกับทำเนียบขาวยังไม่ออกมาตอบคำถามเกี่ยวกับกำหนดการและสถานที่สำหรับการเจรจา ขณะที่สถานเอกอัครราชทูตไทยและสถานเอกอัครราชทูตกัมพูชาในกรุงวอชิงตัน ดีซี ยังไม่แสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ นายทรัมป์เข้ามาแสดงบทบาทต่อสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างไทยกับกัมพูชา ก่อนที่มาตรการภาษีศุลกากรที่สหรัฐประกาศใช้กับทั้ง 2 ประเทศจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ […]

Trump says he is seeking a ceasefire between Thailand, Cambodia

“ทรัมป์” โยงเรื่องการค้ากับหยุดยิงไทย-กัมพูชา

เอดินบะระ 27 ก.ค.-  ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ พูดคุยกับผู้นำของทางการไทยและกัมพูชา โดยโยงเรื่องการเจรจาทางการค้ากับสหรัฐกับเรื่องหยุดยิงของทั้ง 2 ประเทศ ด้านนายกรัฐมนตรีมาเลเซียจะผลักดันข้อเสนอหยุดยิงระหว่างไทยและกัมพูชา ในระหว่างการเยือนสกอตแลนด์เมื่อวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น ประธานาธิบดีทรัมป์ได้โพสต์ในทรูธโซเชียลที่เป็นสื่อสังคมออนไลน์ของเขาเกี่ยวกับสถานการณ์ไทยและกัมพูชา 3 โพสต์ติดต่อกัน โพสต์แรกระบุว่า ได้หารือทางโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรี มาเนตกัมพูชาและนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษานายกรัฐมนตรีของไทย เรื่องการหยุดยิงและยุติสงครามที่กำลังดำเนินอยู่ สหรัฐซึ่งกำลังหารือทางการค้ากับทั้ง 2 ประเทศอยู่ในขณะนี้ไม่ต้องการทำข้อตกลงกับประเทศใดประเทศหนึ่งหากยังมีการสู้รบกันอยู่ กัมพูชาจะแสดงท่าทีเรื่องหยุดยิงหลังจากที่เขาได้คำตอบจากไทยในเรื่องนี้ นายทรัมป์ระบุด้วยว่า สถานการณ์ระหว่างไทยกับกัมพูชาทำให้เขานึกถึงสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างปากีสถานกับอินเดียที่ได้รับการยับยั้งเป็นผลสำเร็จ หลังจากนั้นราว 1 ชั่วโมง ประธานาธิบดีทรัมได้โพสต์ข้อความใหม่ว่า ได้สนทนากับรักษาการนายกรัฐมนตรีของไทย ฝ่ายไทยต้องการหยุดยิงและสันติภาพเช่นเดียวกับกัมพูชา และหลังจากนั้นไม่นานผู้นำสหรัฐโพสต์ข้อความที่ 3 ว่า เพิ่งเสร็จสิ้นการสนทนากับนายกรัฐมนตรีกัมพูชาและแจ้งเรื่องที่ได้หารือกับทางการไทย ทั้ง 2 ฝ่ายต้องการหยุดยิงและสันติภาพ และต้องการกลับมาเจรจาทางการค้ากับสหรัฐ โดยตกลงจะพบหารือและหาทางหยุดยิงโดยทันที ด้านนายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิมของมาเลเซีย เปิดเผยกับสื่อที่เมืองปุตราจายาเมื่อวานนี้ว่า จะเดินหน้าผลักดันข้อเสนอหยุดยิงระหว่างไทยและกัมพูชา ซึ่งยังคงมีการยิงปะทะกันอยู่ เขาได้ขอให้รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของมาเลเซียประสานงานกับรัฐมนตรีต่างประเทศของไทยและกัมพูชา และหากเป็นไปได้ เขาจะเข้าไปประสานงานด้วยตัวเองเพื่อหยุดยั้งการสู้รบ รอยเตอร์รายงานว่า กัมพูชาสนับสนุนข้อเสนอของนายอันวาร์ ส่วนไทยระบุว่า เห็นชอบในหลักการ.-820(814).-สำนักข่าวไทย

Hun Sen in vdo call

“ฮุน เซน” ยืนยันไม่หนีออกจากกัมพูชา

พนมเปญ 24 ก.ค.- นายฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา โพสต์เฟซบุ๊กยืนยันว่า ยังอยู่ในกัมพูชา หลังจากมีข่าวว่าเขาหนีออกนอกประเทศไปจีน นายฮุน เซน โพสต์เป็นภาษาเขมรในหน้าเฟซบุ๊กชื่อ Samdech Hun Sen of Cambodia ที่มีผู้ติดตาม 14 ล้านคน และไม่ได้ติดตามใคร เมื่อช่วงเย็นวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น โดยอ้างว่า หนังสือพิมพ์ไทยฉบับหนึ่งรายงานว่า เขาเดินทางออกจากกัมพูชาไปจีน เขาขอยืนยันว่า ขณะนี้กำลังประชุมทางวิดีโอกับนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารบก และผู้บัญชาการทหารในทุกระดับ เพื่อสู้รบกับไทย เขาไม่ได้วิ่งหนี ดังนั้นขอให้เพื่อนร่วมชาติอย่าได้กังวล นายฮุน เซนโพสต์ว่า เขามาประชุมเรื่องนี้ตั้งแต่แม่ทัพภาค 2 ของไทยประกาศจะปิดทางเข้าปราสาทตาเมือนธม พร้อมกับลงภาพตนเองขณะกำลังคุยโทรศัพท์และประชุมทางวิดีโอหลายภาพ.-814.-สำนักข่าวไทย

U.S.Embassy's statement on fighting on the Thailand-Cambodia border with border

สถานทูตสหรัฐเตือนชาวอเมริกันที่อยู่ใกล้ชายแดนไทย-กัมพูชา

กรุงเทพฯ 24 ก.ค. – สถานทูตสหรัฐประจำประเทศไทยแจ้งเตือนพลเรือนอเมริกันที่อาศัยหรือเดินทางใกล้ชายแดนไทย-กัมพูชา ให้ปฏิบัติตามคำสั่งของหน่วยงานความมั่นคงของไทย หลังเกิดเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา เว็บไซต์สถานทูตสหรัฐและสถานกงสุลในประเทศไทย แจ้งเตือนด้วยหัวเรื่อง “การสู้รบชายแดนไทย-กัมพูชา” ว่า สถานทูตฯ ได้รับรายงานในวันนี้ (24 กรกฎาคม 2568) เรื่องการสู้รบ ซึ่งรวมถึงการยิงจรวดและยิงปืนใหญ่ ระหว่างกองกำลังกัมพูชากับไทย ตามแนวพรมแดน มีรายงานผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต และรัฐบาลไทยได้สั่งให้อพยพประชาชนในบางพื้นที่ ดังนั้น ขอให้พลเรือนอเมริกันที่อาศัยหรือเดินทางใกล้ชายแดนไทย-กัมพูชา ปฏิบัติตามคำสั่งของหน่วยงานความมั่นคงของไทย และขอข้อมูลล่าสุดจากทางการท้องถิ่นของไทย.-814.-สำนักข่าวไทย

South Korea's seminar on digital in Southeast Asia

เกาหลีใต้ส่งเสริมความสามารถนวัตกรรมดิจิทัลในอาเซียน

กรุงเทพฯ 24 ก.ค.-  เกาหลีใต้จัดการเสวนาส่งเสริมความสามารถด้านนวัตกรรมดิจิทัลให้แก่ประเทศสมาชิกอาเซียน ตอกย้ำพันธกิจร่วมในการสร้างระบบธรรมาภิบาลดิจิทัลที่ยั่งยืนในยุคที่เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคมที่ผ่านมารัฐบาลสาธารณรัฐเกาหลีร่วมกับศูนย์ฝึกอบรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชียและแปซิฟิกแห่งสหประชาชาติ (UN-APCICT) จัดเวทีเสวนาว่าด้วยการส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล ผ่านนวัตกรรมภาครัฐในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อยกระดับขีดความสามารถด้านนวัตกรรมดิจิทัลและส่งเสริมความร่วมมือระดับภูมิภาค โดยมีผู้แทนจากประเทศสมาชิกอาเซียนและองค์กรระหว่างประเทศให้ความสนใจเข้าร่วมแลกเปลี่ยนยุทธศาสตร์การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เวทีเสวนาในครั้งนี้ได้รับเกียรติจากนายปาร์ค ยงมิน เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลีประจำประเทศไทย, คุณหลิน หยาง รองเลขาธิการบริหารฝ่ายโครงการของคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติสำหรับเอเชียและแปซิฟิก (UNESCAP) และนายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ร่วมกล่าวเปิดงาน โดยเน้นย้ำถึงบทบาทสำคัญของเทคโนโลยีดิจิทัลในการผลักดันนวัตกรรมภาครัฐและการเติบโตอย่างมีส่วนร่วม รวมถึงการยกระดับความร่วมมือภายในภูมิภาคอาเซียนให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น ในช่วงแรกของงานเป็นการนำเสนอเรื่องการเปลี่ยนผ่านสู่รัฐบาลดิจิทัลในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก โดยผู้แทนจากบรูไน อินโดนีเซีย สปป.ลาว สาธารณรัฐเกาหลี และไทย ได้ร่วมแบ่งปันยุทธศาสตร์ระดับชาติในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อยกระดับการดำเนินงานของภาครัฐ โดยมุ่งเน้นการพัฒนาบริการสาธารณะให้มีประสิทธิภาพ การมีส่วนร่วมของประชาชน และการสร้างโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล ทั้งนี้ ผู้แทนแต่ละประเทศได้แลกเปลี่ยนถึงความท้าทายต่าง ๆ เช่น ความต่างด้านศักยภาพเชิงสถาบัน ความเหลื่อมล้ำระหว่างภูมิภาค และความเสี่ยงด้านความมั่นคงทางไซเบอร์ พร้อมเน้นย้ำถึงความจำเป็นของกรอบนโยบายที่ชัดเจนและความร่วมมือข้ามพรมแดนเพื่อเร่งรัดการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลอย่างยั่งยืน ช่วงที่สองเป็นเวทีเสวนาภายใต้หัวข้อ “การให้บริการสาธารณะด้วย AI” โดยมีผู้แทนจากอินโดนีเซีย สปป.ลาว ไทย สาธารณรัฐเกาหลี และสำนักเลขาธิการอาเซียนร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น […]

person walks on cracked ground in Mexico Jun 2024

TNA News-Now-Next: อาหารแพงจากโลกรวน สัญญาณเตือนก่อนโลกวิกฤต

บริสตอล 23 ก.ค.- ปี 2567 ที่ผ่านมาไม่เพียงเป็นปีที่โลกร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์ แต่ยังเป็นปีที่ราคาอาหารทั่วโลกพุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์เช่นกัน เสี่ยงส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและสังคมของหลายประเทศ โลกร้อนขึ้น 1.5 องศาเซลเซียสจากยุคก่อนอุตสาหกรรม ไอโอพีไซเอินซ์ (IOPscience) ซึ่งเป็นบริการออนไลน์ของวารสารที่ตีพิมพ์โดยไอโอพีพับลิชชิง (IOP Publishing) สำนักพิมพ์งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่มีสำนักงานใหญ่ที่สหราชอาณาจักร ได้เผยแพร่รายงานการวิจัยฉบับใหม่เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคมของนายแม็กซิมิลิอัน ค็อตซ์ และคณะ (Maximilian Kotz et al) เรื่องสภาพอากาศสุดขั้ว ราคาอาหารพุ่ง และความเสี่ยงทางสังคมในวงกว้าง ข้อมูลจากรายงานระบุว่า เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่อุณหภูมิเฉลี่ยทั่วโลกสูงขึ้น 1.5 องศาเซลเซียสเมื่อเทียบกับยุคก่อนอุตสาหกรรม เรื่องนี้ได้รับการยืนยันจากองค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO) หลังจากที่ได้ทบทวนงานวิจัยจากหลายประเทศ และถือว่าใกล้ถึงขีดอันตรายที่รัฐบาลนานาชาติรับปากไว้ในข้อตกลงปารีสปี 2558 ว่า จะช่วยกันจำกัดอุณหภูมิโลกไม่ให้สูงขึ้น 2 องศาเซลเซียสจากยุคก่อนอุตสาหกรรม อุณหภูมิที่พุ่งสูงไม่ใช่แค่ตัวเลข แต่มาพร้อมกับผลกระทบที่เกิดขึ้นจริง ทั้งน้ำท่วมใหญ่ในยุโรป คลื่นความร้อนคร่าชีวิตผู้คนในเม็กซิโกและซาอุดีอาระเบีย ภัยแล้งในอิตาลีและอเมริกาใต้ พายุไซโคลนถล่มสหรัฐและฟิลิปปินส์อย่างต่อเนื่อง นักวิทยาศาสตร์ชี้ว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจากกิจกรรมของมนุษย์ เช่น การเผาเชื้อเพลิงฟอสซิล เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ภัยพิบัติธรรมชาติเหล่านี้รุนแรงและบ่อยครั้งขึ้น และหนึ่งในผลกระทบที่ประชาชนทั่วโลกสัมผัสได้ชัดเจนที่สุดคือ ราคาสินค้าอาหารที่พุ่งสูงขึ้น […]

Satellite timelapse shows Typhoon Wipha making landfall

พายุ “วิภา” เข้า สปป.ลาว

เวียงจันทน์ 23 ก.ค.- พายุโซนร้อนวิภา (Wipha) ได้อ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชั่นและเคลื่อนตัวเข้าสู่ สปป.ลาวเมื่อช่วงก่อนรุ่งสางที่ผ่านมา หลังจากพัดขึ้นฝั่งเวียดนามเมื่อวานนี้ พายุโซนร้อนวิภาได้อ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชั่นเมื่อเวลา 01.00 น.วันนี้ตามเวลาท้องถิ่น ตรงกับเวลาเดียวกันในไทย และเคลื่อนตัวขึ้นฝั่ง สปป.ลาวเมื่อเวลา 04.00 น.โดยมีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางที่ 55 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่งผลให้มีฝนตกหนักและกระแสลมแรงในหลายพื้นที่ทางตอนเหนือ รวมทั้งในนครหลวงเวียงจันทน์ และแขวงหลวงพระบาง คาดว่าจะมีฝนตกหนักตลอดทั้งวันในวันนี้ ขณะที่พายุกำลังเคลื่อนตัวไปทางตะวันตกเฉียงเหนือด้วยความเร็วลม 25 กิโลเมตรต่อชั่วโมงและจะอ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำต่อไป ส่วนเมื่อช่วงสายวานนี้ พายุโซนร้อนวิภาได้พัดขึ้นฝั่งทางตอนเหนือของเวียดนาม ส่งผลให้เกิดฝนตกหนักและกระแสลมแรง แต่ไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นของเวียดนามรายงานว่า มีเรือประมงล่มนอกชายฝั่งจังหวัดกว๋างนิญ แต่ลูกเรือทั้ง 9 คนได้รับการช่วยชีวิต ล่าสุดท่าอากาศยานและท่าเรือในจังหวัดกว๋างนิญและเมืองไฮฟองที่ปิดทำการไปเมื่อวานนี้ ได้เปิดทำการแล้ว.-816(814).-สำนักข่าวไทย

cars waiting for export in China

ยานยนต์อเมริกันกังวลหลัง ‘ทรัมป์’ ลดภาษีให้ญี่ปุ่น

วอชิงตัน 23 ก.ค.- ตัวแทนบริษัทยานยนต์ยักษ์ใหญ่ 3 แห่งในสหรัฐแสดงความกังวลเรื่องข้อตกลงการค้าสหรัฐกับญี่ปุ่นที่สหรัฐจะลดอัตราภาษีศุลกากรให้แก่สินค้านำเข้าทั้งหมดของญี่ปุ่น รวมถึงยานยนต์เหลือร้อยละ 15 สภานโยบายยานยนต์อเมริกันหรือเอเอพีซี (AAPC) ซึ่งเป็นตัวแทนของเจนเนอรัลมอเตอร์สหรือจีเอ็ม ฟอร์ดมอเตอร์ และสเตลแลนทิสที่เป็นบริษัทแม่ของไครสเลอร์เปิดเผยว่า กำลังตรวจดูข้อตกลงดังกล่าว หากยานยนต์นำเข้าจากญี่ปุ่นที่ไม่มีชิ้นส่วนใด ๆ จากสหรัฐเลยได้อัตราภาษีศุลกากรต่ำกว่ายานยนต์ผลิตในอเมริกาเหนือที่มีชิ้นส่วนจากสหรัฐในสัดส่วนสูง ย่อมเป็นข้อตกลงที่ไม่ดีสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์สหรัฐและคนทำงานในอุตสาหกรรมนี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐประกาศผ่านทรูธโซเชียลที่เป็นสื่อสังคมออนไลน์ของเขาเมื่อวานนี้ว่า บรรลุข้อตกลงครั้งใหญ่กับญี่ปุ่น โดยญี่ปุ่นจะลงทุนโดยตรงในสหรัฐมูลค่า 550,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 17.7 ล้านล้านบาท) จะเปิดประเทศให้แก่การค้ารถยนต์และรถบรรทุก ข้าวและสินค้าการเกษตร และสินค้าอีกหลายอย่าง และจะจ่ายภาษีศุลกากรให้สหรัฐในอัตราร้อยละ 15 ก่อนหน้านี้นายทรัมป์ประกาศเมื่อวันที่ 26 มีนาคมว่า เก็บภาษียานยนต์นำเข้าจากทุกประเทศทั่วโลกในอัตราร้อยละ 25 มีผลตั้งแต่วันที่ 2 เมษายน ทำให้ยานยนต์จากแคนาดาและเม็กซิโกซึ่งมีข้อตกลงการค้ากับสหรัฐถูกเรียกเก็บอัตราดังกล่าวด้วย หากไม่มีชิ้นส่วนจากสหรัฐ เอเอพีซีเคยวิจารณ์นายทรัมป์เมื่อครั้งบรรลุข้อตกลงกับอังกฤษในเดือนพฤษภาคมว่า จะเป็นอันตรายต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ จากการให้โควต้าอังกฤษส่งออกยานยนต์มาสหรัฐโดยเสียภาษีร้อยละ 10 ได้ปีละ 100,000 คัน ซึ่งเกือบเท่าจำนวนที่อังกฤษส่งออกมาสหรัฐเมื่อปีก่อนอยู่แล้ว.-814.-สำนักข่าวไทย

Trump and Marcos Jr. talk in Oval Office

“ทรัมป์” ประกาศเก็บภาษีฟิลิปปินส์ 19%

วอชิงตัน 23 ก.ค.- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ ประกาศว่า สหรัฐจะเก็บภาษีศุลกากรกับฟิลิปปินส์ในอัตราร้อยละ 19 ขณะที่สินค้าอเมริกันจะเข้าฟิลิปปินส์โดยเสียภาษีร้อยละ 0 ประธานาธิบดีทรัมป์โพสต์ในทรูธโซเชียลที่เป็นสื่อสังคมออนไลน์ของเขา หลังจากพบหารือกับประธานาธิบดีเฟอร์ดินันด์ มาร์กอสของฟิลิปปินส์ที่ห้องทำงานรูปไข่ในทำเนียบขาวเมื่อวานนี้ตามเวลาท้องถิ่นว่า เป็นการเยือนที่งดงามและสามารถสรุปข้อตกลงการค้าที่ฟิลิปปินส์จะเปิดตลาดให้แก่สหรัฐด้วยการเก็บภาษีศุลกากรร้อยละ 0 และจะจ่ายภาษีศุลกากรให้สหรัฐร้อยละ 19 เขากล่าวด้วยว่า สหรัฐและฟิลิปปินส์ที่จะฉลองความสัมพันธ์ทางการทูตครบ 80 ปีในปีหน้า จะทำงานด้านการทหารร่วมกัน แต่ไม่ได้เปิดเผยในรายละเอียด อัตราภาษีศุลกากรดังกล่าวต่ำกว่าที่ผู้นำสหรัฐส่งจดหมายถึงฟิลิปปินส์เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคมว่า จะเก็บภาษีฟิลิปปินส์ร้อยละ 20 แต่สูงกว่าที่เขาประกาศเมื่อวันที่ 2 เมษายนว่า จะเก็บร้อยละ 17 อัตราภาษีล่าสุดของฟิลิปปินส์เท่ากับอัตราที่สหรัฐตกลงเมื่อสัปดาห์ก่อนว่าจะเรียกเก็บจากอินโดนีเซียร้อยละ 19 และต่ำกว่าเวียดนามเล็กน้อยที่ถูกสหรัฐเรียกเก็บร้อยละ 20 ผู้นำฟิลิปปินส์เป็นผู้นำเอเชียตะวันออกเฉียงใต้คนแรกที่ไปพบนายทรัมป์ขณะเป็นผู้นำสหรัฐเป็นสมัยที่ 2 เขากล่าวกับสื่อก่อนเริ่มการหารือว่า สหรัฐเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งที่สุด ใกล้ชิดที่สุด และไว้วางใจได้มากที่สุดของฟิลิปปินส์ แต่ไม่ได้แสดงความเห็นใด ๆ หลังจากที่นายทรัมป์ประกาศอัตราภาษี ปีที่แล้วฟิลิปปินส์ได้ดุลการค้าสหรัฐเกือบ 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เกือบ 161,045 ล้านบาท) จากการค้าทวิภาคีมูลค่า 23,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ […]

Hun Manet in camouflage uniform

“ฮุน มาเนต” โพสต์ย้ำเตือนไทย 5 ข้อ

พนมเปญ 22 ก.ค. – ผู้นำกัมพูชากล่าวหาไทยว่ากล่าวโทษกัมพูชาในหลายเรื่อง ซึ่งไม่เป็นความจริง และได้โพสต์ย้ำเตือนไทยใน 5 ข้อด้วยกัน นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้โพสต์ข้อความลงในสื่อสังคมออนไลน์ในวันนี้ว่า ผู้นำทางการเมืองของไทย กองทัพ และสื่อมวลชนของไทยได้กล่าวหากัมพูชาอย่างเลื่อนลอยในหลายเรื่อง ทั้งเรื่องการแทรกแซงการเมืองภายในของไทย เรื่องทุ่นระเบิด และเรื่องขู่จะดำเนินมาตรการฝ่ายเดียวในพื้นที่ขัดแย้ง เช่น พื้นที่สามเหลี่ยมมรกต ปราสาทตาเมือนธม เป็นต้น   โพสต์ของนายฮุน มาเนต ระบุว่า กระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศ กระทรวงกลาโหม และหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องของกัมพูชาได้ดำเนินการตอบโต้ข้อกล่าวหาของฝั่งไทยอย่างแข็งขัน เพื่อปกป้องบูรณภาพของกัมพูชา และได้เตรียมพร้อมที่จะดำเนินมาตรการที่จำเป็นเพิ่มเติม เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของกัมพูชา เขาไม่ต้องการพูดให้ยืดยาว และขอส่งคำย้ำเตือนสั้นๆ 5 ข้อมายังฝ่ายไทยดังนี้ 1.ในพื้นที่หรือสถานที่ที่มีข้อพิพาทหรือยังไม่มีการกำหนดเขตแดนอย่างชัดเจน ไม่มีฝ่ายใดที่จะมีสิทธิดำเนินการหรือใช้มาตรการแต่เพียงฝ่ายเดียวได้ การดำเนินการทั้งหมดจะต้องได้รับความยินยอมจากทั้งสองฝ่ายเสียก่อน 2.ขีดจำกัด คือ ขีดจำกัด ที่ไม่สามารถล้ำเส้นได้ โปรดอย่าละเมิด 3.กัมพูชาไม่เคยละเมิดใคร แต่ก็จะไม่ยอมให้ใครมาละเมิดเช่นกัน กัมพูชามีขีดความสามารถเพียงพอและเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ในการใช้ทุกวิถีทางปกป้องตนเองและปกปักรักษาบูรณภาพแห่งดินแดนจากการละเมิด 4.วิธีการกล่าวหาหรือกล่าวโทษผู้อื่นเป็นเรื่องที่ไร้จริยธรรมและไร้ความซื่อสัตย์ จึงไม่ควรนำมาใช้หากปรารถนาอย่างแท้จริงที่จะสร้างความไว้วางใจซึ่งกันและกัน 5.กัมพูชายังคงมุ่งมั่นที่จะหาแนวทางแก้ไขประเด็นเหล่านี้ ด้วยวิธีการที่ไม่รุนแรง เพื่อให้มีการแก้ปัญหาที่รวดเร็ว ชัดเจน และยั่งยืน.-816(814).-สำนักข่าวไทย

Statue submerged from flood in Manila

น้ำท่วมทั่วฟิลิปปินส์ หลัง “วิภา” พัดหลายวันก่อน

มะนิลา 22 ก.ค. – เกิดน้ำท่วมสูงทั่วฟิลิปปินส์ รวมทั้งกรุงมะนิลา และจังหวัดใกล้เคียง ในวันนี้ อันเป็นผลจากฝนตกหนักในฤดูมรสุม และฝนตกเพิ่มเติมจากพายุวิภา (Wipha) ที่พัดกระหน่ำพื้นที่ทางเหนือของฟิลิปปินส์ เมื่อสัปดาห์ก่อน ประชาชนเดินลุยน้ำท่วมสูงที่มีตั้งแต่ระดับเข่าไปจนถึงระดับเอว ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ใกล้แม่น้ำลำคลองต้องอพยพหนีน้ำท่วมกันกลางดึก บางบ้านน้ำท่วมสูงจนถึงชั้นสอง ทางการประกาศปิดสถานศึกษาเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน ยกเลิกเที่ยวบิน และระงับการทำงานภาครัฐบางส่วน สำนักงานบรรเทาภัยพิบัติรายงานว่า ประชาชนหลายพันครอบครัวยังต้องอาศัยอยู่ตามศูนย์พักพิง เนื่องจากฝนยังตกหนักอย่างต่อเนื่อง เป็นผลจากอิทธิพลของพายุโซนร้อนวิภาที่พัดผ่านตอนเหนือของประเทศเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา พายุลูกนี้ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 5 คน และสูญหายอีก 7 คน ประชาชนกว่า 8 แสนคน ได้รับผลกระทบ นักอุตุนิยมวิทยาเตือนว่า จะมีฝนตกเพิ่มเติมในพื้นที่ที่มีฝนตกหนักอยู่แล้ว เนื่องจากตรวจพบหย่อมความกดอากาศต่ำใหม่ 2 แห่ง.-816(814).-สำนักข่าวไทย

US Treasury secretary

สหรัฐไม่รีบเพื่อให้ได้ข้อตกลงการค้าก่อน 1 ส.ค.

วอชิงตัน 22 ก.ค. – สหรัฐเปิดเผยว่า ให้ความสำคัญกับคุณภาพของข้อตกลงการค้า มากกว่าจะรีบบรรลุข้อตกลงให้ได้ก่อนวันที่ 1 สิงหาคม ซึ่งเป็นเส้นตายที่สหรัฐให้ประเทศต่างๆ ทำข้อตกลงการค้าก่อนถูกเก็บภาษีอัตราสูง ด้านอียูเตรียมหามาตรการตอบโต้สหรัฐ นายสกอตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังของสหรัฐให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์ซีเอ็นบีซี (CNBC) เมื่อวันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่นว่า สหรัฐจะไม่รีบทำข้อตกลง ต่อข้อถามว่าสหรัฐจะขยายเส้นตายให้แก่ประเทศที่กำลังมีการเจรจาเชิงสร้างสรรค์กับสหรัฐหรือไม่ นายเบสเซนต์ตอบว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะเป็นผู้ตัดสินใจ นายเบสเซนต์กล่าวถึงการเจรจาการค้ากับจีนว่า จะเกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้ และน่าจะเริ่มพูดคุยกันในประเด็นอื่น เช่น เรื่องที่จีนเป็นผู้ซื้อรายใหญ่ของน้ำมันอิหร่านและน้ำมันรัสเซียที่ถูกคว่ำบาตร และกล่าวถึงเรื่องการเมืองภายในประเทศของญี่ปุ่นว่า สหรัฐให้ความสนใจน้อยกว่าเรื่องที่สหรัฐจะได้ข้อตกลงที่ดี ด้านแคโรไลน์ เลวิตต์ โฆษกทำเนียบขาวแถลงว่า ประธานาธิบดีทรัมป์อาจจะหารือการค้ากับประธานาธิบดีเฟอร์ดินันด์ มาร์กอส จูเนียร์ ของฟิลิปปินส์ที่ทำเนียบขาวในวันนี้ ขณะนี้รัฐบาลยังคงติดต่อกับประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก อาจจะมีการประกาศข้อตกลงการค้าเพิ่มเติม หรือส่งจดหมายแจ้งอัตราภาษีศุลกากรเพิ่มเติมอีกก่อนวันที่ 1 สิงหาคม ขณะเดียวกันนักการทูตของสหภาพยุโรปหรืออียูเปิดเผยว่า กำลังหามาตรการตอบโต้สหรัฐที่กว้างขวางมากขึ้น ส่งสัญญาณว่าความหวังที่จะบรรลุข้อตกลงการค้ากับสหรัฐเริ่มเลือนราง อียูกำลังพิจารณาใช้มาตรการต่อต้านการบีบบังคับที่จะนำมาซึ่งการสกัดบริการของสหรัฐหรือจำกัดการเข้าถึงโครงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ในกรณีที่ทั้ง 2 ฝ่ายไม่สามารถบรรลุข้อตกลงการค้าระหว่างกัน.-814.-สำนักข่าวไทย

1 2 3 680