ออสเตรเลียอนุมัติใช้วัคซีนไฟเซอร์เป็นวงกว้าง

แคนเบอร์รา 25 ม.ค. – หน่วยงานกำกับดูแลยาของออสเตรเลียประกาศอนุมัติใช้วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ของไฟเซอร์/ไบออนเทคอย่างเป็นทางการ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในกลุ่มประเทศแรก ๆ ที่อนุมัติใช้วัคซีนเป็นวงกว้าง นายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสัน ของออสเตรเลียกล่าวว่า สำนักงานผลิตภัณฑ์รักษาโรคแห่งออสเตรเลียหรือทีจีเอ ได้ประกาศอนุมัติใช้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของไฟเซอร์/ไบออนเทคในชาวออสเตรเลียตั้งแต่อายุ 16 ปีขึ้นไป เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ออสเตรเลียพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 รายแรกในประเทศเมื่อหนึ่งปีก่อน การอนุมัติใช้วัคซีนดังกล่าวไม่ใช่การอนุมัติใช้เป็นกรณีฉุกเฉินอย่างที่หลายประเทศทั่วโลกทำกัน แต่เป็นการที่ทีจีเออนุมัติให้ใช้เป็นวงกว้างอย่างเป็นทางการ ขณะที่นายเกร็ก ฮันต์ รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขออสเตรเลียเผยว่า รัฐบาลจะเริ่มฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้แก่กลุ่มที่มีความสำคัญก่อนในช่วงปลายเดือนหน้า โดยตั้งเป้าฉีดวัคซีนให้ได้สัปดาห์ละ 80,000 โดส แถลงการณ์ของรัฐบาลออสเตรเลียระบุว่า ชาวออสเตรเลียจะได้รับวัคซีนจำนวน 2 โดส โดยจะฉีดวัคซีนโดสที่ 2 ให้แก่ประชาชนหลังได้รับวัคซีนโดสแรกไปแล้วอย่างน้อย 21 วัน ออสเตรเลียมียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสม 28,777 คน และผู้เสียชีวิต 909 คน ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว. -สำนักข่าวไทย

นิวซีแลนด์ยืนยันพบติดโควิดในชุมชนรายล่าสุด

เวลลิงตัน 25 ม.ค. – นิวซีแลนด์ยืนยันผลสอบสวนผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ว่าเป็นการติดเชื้อในชุมชนรายแรกนับตั้งแต่วันที่ 18 พฤศจิกายนปีที่แล้ว นายคริส ฮิปกินส์ รัฐมนตรีฝ่ายกิจการรับมือโรคโควิด-19 ของนิวซีแลนด์ยืนยันว่า ผู้ป่วยคนดังกล่าวเป็นสตรีวัย 56 ปีที่เดินทางกลับนิวซีแลนด์เมื่อวันที่ 30 ธันวาคมที่ผ่านมา และมีผลตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์แอฟริกาใต้เป็นบวกหลังเสร็จสิ้นมาตรการกักตัวเป็นเวลา 14 วันไปแล้วหลายวัน ทั้งที่ในระหว่างกักตัวมีผลตรวจเป็นลบถึง 2 ครั้ง ขณะนี้ทางการนิวซีแลนด์กำลังตรวจสอบว่าเชื้อไวรัสโคโรนาแพร่ระบาดผ่านเครื่องช่วยหายใจและระบบเครื่องปรับอากาศในสถานที่กักตัวหรือไม่ ขณะที่นายแอชลีย์ บลูมฟิลด์ อธิบดีกรมสุขภาพของนิวซีแลนด์ระบุว่า ทางการได้ติดต่อบุคคลที่มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยติดเชื้อรายดังกล่าวจำนวน 15 คนเพื่อสืบสวนโรค อย่างไรก็ดี บุคคลที่มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดมากที่สุดกับผู้ป่วยรายนี้คือ สามีและช่างตัดผมล้วนมีผลตรวจหาเชื้อเป็นลบ ซึ่งถือเป็นข่าวดี ด้านเจ้าหน้าที่สาธารณสุขนิวซีแลนด์เผยว่า ขณะนี้ยังไม่มีรายงานผู้ป่วยติดเชื้อในชุมชนเพิ่มเติมหลังจากที่มีการเปิดเผยข้อมูลผู้ป่วยติดเชื้อรายดังกล่าวเมื่อวานนี้ และคาดว่าที่มาของการติดเชื้ออาจเกิดขึ้นจากผู้ที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศกลุ่มเดียวกันในสถานกักตัว แม้ว่านิวซีแลนด์มีผู้ป่วยติดเชื้อสะสมเพียง 2,228 คน และผู้เสียชีวิต 25 คน แต่ทางการก็รู้สึกกังวลว่าอาจเกิดการระบาดในชุมชนอีกครั้ง เนื่องจากทั่วโลกกำลังเผชิญกับการระบาดที่รุนแรงและมีผู้ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น รวมถึงการระบาดของไวรัสโคโรนากลายพันธุ์ด้วย. -สำนักข่าวไทย

โปแลนด์ขู่ฟ้องไฟเซอร์ส่งวัคซีนโควิดไม่ครบ

วอร์ซอ 22 ม.ค. – โปแลนด์อาจดำเนินการทางกฎหมายกับไฟเซอร์ บริษัทเวชภัณฑ์ของสหรัฐในเดือนหน้า หากไม่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ครบทั้งหมดตามกำหนด ไฟเซอร์ ซึ่งเป็นผู้พัฒนาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ร่วมกับไบออนเทค บริษัทยาสัญชาติเยอรมันได้ลดปริมาณวัคซีนที่จะจัดส่งให้แก่หลายประเทศสมาชิกของสหภาพยุโรปในสัปดาห์นี้ และปฏิเสธที่จะให้ความเห็นเพิ่มเติมนอกเหนือไปจากเหตุผลที่ระบุไว้ในแถลงการณ์เมื่อสัปดาห์ก่อนว่า บริษัทลดปริมาณจัดส่งวัคซีนลงเนื่องจากจำเป็นต้องเพิ่มกำลังผลิตในทวีปยุโรป โฆษกรัฐบาลโปแลนด์กล่าวว่า รัฐบาลอาจตัดสินใจดำเนินการทางกฎหมายกับไฟเซอร์ในเดือนหน้าหากยังไม่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ครบตามที่ไฟเซอร์ได้แจ้งไว้ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่รัฐบาลโปแลนด์เผยว่า ได้รับวัคซีน 176,000 โดสจากไฟเซอร์/ไบออนเทค ซึ่งลดลงถึงร้อยละ 50 จากตัวเลขที่คาดการณ์ไว้ ขณะที่นายอาดัม นีดซีลสกี รัฐมนตรีสาธารณสุขโปแลนด์กล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลได้รับแจ้งจากผู้ผลิตวัคซีนว่าจะส่งวัคซีนที่ขาดมาให้ในช่วงกลางเดือนหน้า แต่ถ้าไม่เป็นไปตามนั้น รัฐบาลจะพิจารณาใช้มาตรการทางกฎหมายอย่างแน่นอน นอกจากนี้ อิตาลีเป็นอีกประเทศหนึ่งที่ระบุว่ากำลังพิจารณาดำเนินการทางกฎหมายกับไฟเซอร์เช่นกัน เนื่องจากไม่พอใจที่บริษัทลดปริมาณจัดส่งวัคซีน ซึ่งส่งผลกระทบต่อการวางแผนฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชน ขณะนี้ โปแลนด์มียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 1.45 ล้านคน และผู้เสียชีวิตกว่า 34,500 คน.-สำนักข่าวไทย

“จิลล์ ไบเดน” ออกงานเดี่ยวครั้งแรกในฐานะสตรีหมายเลข 1

วอชิงตัน 22 ม.ค. – ดร. จิลล์ ไบเดน สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งคนใหม่ของสหรัฐออกงานเดี่ยวเป็นครั้งแรกเมื่อวานนี้ ในการประชุมผ่านระบบออนไลน์เพื่อยกย่องนักการศึกษาและสัญญาว่าจะสนับสนุนพวกเขาท่ามกลางสถานการณ์ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ดร. จิลล์ ไบเดนจัดงานประชุมดังกล่าวขึ้นโดยมีบุคคลสำคัญในวงการศึกษาของสหรัฐ เช่น นางแรนดี ไวน์การ์เทน ประธานสมาพันธ์ครูแห่งสหรัฐ และนางเบคกี พริงเกิล ประธานสมาคมการศึกษาแห่งชาติของสหรัฐเข้าร่วมพูดคุยเกี่ยวกับความท้าทายที่ครูผู้สอนต้องประสบพบเจอในช่วงโควิดระบาด ดร. ไบเดน ซึ่งยังคงทำงานเป็นคุณครูสอนหนังสือ กล่าวว่า เธอจะยังคงทำหน้าที่สอนหนังสือควบคู่ไปกับการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งสตรีหมายเลขหนึ่ง เธอยังกล่าวยกย่องนักการศึกษาของสหรัฐว่าเป็นผู้ที่มีความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าในช่วงที่มีการระบาดของโรคโควิด-19 จากการใช้ความคิดสร้างสรรค์เพื่อสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ทั้งในห้องเรียนหรือผ่านระบบออนไลน์ได้อย่างดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ เธอได้รับแรงบันดาลใจจากครูผู้สอนมากมายที่เปี่ยมไปด้วยความทุ่มเทในการสอนนักเรียนจากสถานที่ต่าง ๆ ในปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ ดร.ไบเดนยังสัญญาว่าจะเพิ่มจุดบริการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนาและฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้แก่ครูผู้สอน รวมถึงการสนับสนุนเงินทุนให้แก่โรงเรียนต่าง ๆ อีกด้วย ทั้งนี้ สตรีหมายเลขหนึ่งกล่าวทิ้งท้ายว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ ซึ่งเป็นสามีของเธอได้ให้คำมั่นสัญญาว่า จะเปิดการเรียนการสอนในโรงเรียนส่วนใหญ่ให้ได้ภายในช่วง 100 วันแรกหลังเข้ารับตำแหน่ง.-สำนักข่าวไทย

ตำรวจออสเตรเลียคาดชายที่หายตัวถูกฉลามกิน

ซิดนีย์ 22 ม.ค. – ตำรวจออสเตรเลียสันนิษฐานว่า ชายชาวออสเตรเลียที่หายตัวไปขณะดำน้ำตื้นในพื้นที่แถบชายฝั่งตอนใต้ของออสเตรเลียอาจถูกฉลามกินไปแล้วหลังเจ้าหน้าที่ตามสืบร่องรอยและพบเพียงเศษชิ้นส่วนอุปกรณ์ดำน้ำ ตำรวจออสเตรเลียรายงานว่า เจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องนำกำลังค้นหาชายคนดังกล่าวทั้งทางอากาศและทางทะเล เนื่องจากเขาหายตัวไปตั้งแต่ช่วงเย็นวานนี้ขณะที่ออกไปดำน้ำในพื้นที่ใกล้กับเมืองพอร์ทแมคดอนเนลล์บนชายฝั่งตอนใต้ในรัฐเซาท์ออสเตรเลียของออสเตรเลีย อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ต้องลดระดับการค้นหาลงเมื่อพบชุดดำน้ำขาดวิ่นและตีนกบสำหรับดำน้ำที่ลอยอยู่ในทะเล บรรษัทกระจายเสียงออสเตรเลียหรือเอบีซีรายงานอ้างคำพูดของตำรวจรัฐเซาท์ออสเตรเลียว่า ทีมกู้ภัยยังไม่พบร่างชายคนดังกล่าว แต่ยังมีบางพื้นที่ที่ต้องการเข้าไปสำรวจ ทั้งยังระบุว่า เขาได้รับรายงานว่ามีผู้พบเห็นฉลามในบริเวณที่ชายคนดังกล่าวหายตัวไปในช่วงไม่กี่วันก่อนหน้านี้ ตำรวจรัฐเซาท์ออสเตรเลียไม่ได้เปิดเผยข้อมูลของชายคนดังกล่าว โดยระบุเพียงว่าเขามีอายุ 32 ปีและเดินทางมาจากรัฐวิกตอเรียที่มีพรมแดนติดกับรัฐเซาท์ออสเตรเลีย ขณะที่สื่อท้องถิ่นของออสเตรเลียรายงานว่าชายคนดังกล่าวเดินทางมาพักผ่อนพร้อมครอบครัวในจุดที่มีชื่อเสียงด้านการโต้คลื่นและการดำน้ำ ครอบครัวของชายคนดังกล่าวได้เข้าแจ้งความกับตำรวจเมื่อพบว่าเขาหายตัวไปหลังออกไปดำน้ำ เหตุดังกล่าวถือเป็นผู้เสียชีวิตจากการถูกฉลามจู่โจมเป็นรายแรกของปีนี้ ออสเตรเลียมีผู้เสียชีวิตจากเหตุฉลามจู่โจม 8 คนในปี 2563 ซึ่งพุ่งสูงขึ้นจากปี 2562 ที่ไม่มีผู้เสียชีวิตเลยแม้แต่คนเดียว.-สำนักข่าวไทย

อินเดียส่งวัคซีนโควิดให้ประเทศเพื่อนบ้านเป็นของขวัญ

นิวเดลี 22 ม.ค. – อินเดียได้จัดส่งวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ของสถาบันเซรุ่มแห่งอินเดีย หรือที่รู้จักกันในชื่อ โควิชิลด์ให้แก่เมียนมา เซเชลส์ และมอริเชียส ภายใต้โครงการบริจาควัคซีนให้ประเทศเพื่อนบ้านก่อน (Neighbourhood First) รัฐบาลอินเดียได้จัดส่งวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้แก่ประเทศเพื่อนบ้านและพันธมิตรที่สำคัญ ได้แก่ ภูฏาน 150,000 โดส มัลดีฟส์ 100,000 โดส บังกลาเทศ 2 ล้านโดส เนปาล 1 ล้านโดส เซเชลส์ 50,000 โดส เมียนมา 1.5 ล้านโดส และมอริเชียส 150,000 โดส อีกทั้งยังเตรียมวางแผนจัดส่งวัคซีนให้แก่อัฟกานิสถานและศรีลังกาอีกด้วย นอกจากนี้ อินเดียจะเริ่มจัดส่งวัคซีนโควิชิลด์ให้อีกหลายประเทศที่ทำข้อตกลงซื้อวัคซีนจากสถาบันเซรุ่มแห่งอินเดียตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยที่ในช่วงเช้าตรู่ของวันนี้มีเครื่องบิน 2 ลำที่ขนส่งวัคซีนลำละ 2 ล้านโดสไปยังบราซิลและโมร็อกโก นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ของอินเดียกล่าวว่า รัฐบาลอินเดียจะยังคงให้ความสำคัญด้านความต้องการดูแลสุขภาพของชาวอินเดียเป็นลำดับแรก รวมถึงมนุษยชาติเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากรัฐบาลทั่วโลกต่างพยายามที่จะควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 เช่นเดียวกัน ขณะนี้ […]

ผู้นำญี่ปุ่นยันตั้งใจจัดโอลิมปิกโตเกียวปีนี้

โตเกียว 22 ม.ค. – นายกรัฐมนตรีโยชิฮิเดะ ซูงะ ของญี่ปุ่นกล่าวยืนยันวันนี้ว่า เขาตั้งใจมุ่งมั่นที่จะจัดการแข่งขันโอลิมปิกโตเกียวในปีนี้ ขณะที่คณะผู้จัดงานปัดรายงานสื่ออังกฤษอ้างแหล่งข่าวรัฐบาลญี่ปุ่นที่ระบุว่าการยกเลิกจัดโอลิมปิกเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ นายกรัฐมนตรีซูงะกล่าวว่า เขาตั้งใจที่จะจัดการแข่งขันโอลิมปิกโตเกียวภายใต้ความปลอดภัยและความมั่นคงเพื่อเป็นเครื่องพิสูจน์ว่ามนุษยชาติจะเอาชนะโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ได้ ผู้นำญี่ปุ่นได้กล่าวเน้นย้ำถึงเจตนารมณ์ดังกล่าวหลังจากที่หนังสือพิมพ์เดอะไทมส์ของอังกฤษรายงานอ้างแหล่งข่าวไม่เผยนามในรัฐบาลญี่ปุ่นที่ระบุว่า ญี่ปุ่นได้เปลี่ยนเป้าหมายใหม่ไปเป็นเจ้าภาพจัดโอลิมปิกในปี 2575 ในขณะที่คณะผู้จัดงานโอลิมปิก 2020 ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับรายงานข่าวดังกล่าวว่า นายกรัฐมนตรีซูงะได้แสดงเจตนารมณ์ในการจัดการแข่งขันโอลิมปิกโตเกียวไว้อย่างชัดเจน และรัฐบาลญี่ปุ่นก็เป็นผู้นำในการจัดประชุมประสานงานด้านมาตรการควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 เพื่อให้สามารถจัดงานดังกล่าวได้ตามกำหนดหลังจากเลื่อนมาจากเมื่อปีที่แล้วเนื่องจากปัญหาโควิด และระบุเพิ่มเติมว่า พันธมิตรด้านการจัดส่งทั้งหมดล้วนมุ่งเป้าไปที่การจัดโอลิมปิกโตเกียวในช่วงฤดูร้อนที่จะถึงนี้ คณะผู้จัดหวังว่าทุกคนจะสามารถกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้โดยเร็วที่สุด และจะพยายามอย่างเต็มที่ในการเตรียมพร้อมเพื่อจัดการแข่งขันที่ปลอดภัยและมั่นคงต่อไป ทั่วโลกเกิดความวิตกกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับการจัดการแข่งขันโอลิมปิกโตเกียวหลังญี่ปุ่นต้องเผชิญกับการระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกที่ 3 ขณะที่ผลสำรวจความคิดเห็นล่าสุดชี้ว่า ชาวญี่ปุ่นร้อยละ 80 ไม่เห็นด้วยกับการจัดการแข่งขันดังกล่าวในปีนี้ ทั้งนี้ โอลิมปิกโตเกียวมีกำหนดเปิดฉากการแข่งขันในวันที่ 23 กรกฎาคมนี้.-สำนักข่าวไทย

“มัสก์” จะมอบเงินก้อนใหญ่ให้ผู้คิดเทคโนโลยีจับคาร์บอน

แคลิฟอร์เนีย 22 ม.ค. – อีลอน มัสก์ ผู้บริหารเทสลา อิงค์ บริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสัญญาว่าจะมอบเงินรางวัล 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3,000 ล้านบาท) ให้แก่ผู้ที่สามารถพัฒนาเทคโนโลยีที่ดีที่สุดในการดักจับการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เทคโนโลยีที่ช่วยดักจับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์กลายเป็นส่วนสำคัญของแผนการมากมายเพื่อยับยั้งการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แต่จนถึงขณะนี้กลับมีความคืบหน้าเพียงเล็กน้อยในเทคโนโลยีดังกล่าว และมุ่งเน้นไปที่การลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนมากกว่าการดักจับก๊าซก่อนที่จะปล่อยขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศโลก ทบวงการพลังงานระหว่างประเทศหรือไออีเอกล่าวเมื่อปีที่แล้วว่า ประเทศต่าง ๆ จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีที่ช่วยดักจับก๊าซคาร์บอนเพิ่มมากขึ้นหากต้องการบรรลุเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนเป็นศูนย์ ขณะที่มัสก์ระบุผ่านทวิตเตอร์ว่า เขาจะบริจาคเงิน 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อเป็นเงินรางวัลให้แก่ผู้ที่สามารถพัฒนาเทคโนโลยีที่ช่วยดักจับก๊าซคาร์บอนได้ดีที่สุด และจะเผยรายละเอียดเพิ่มเติมในสัปดาห์หน้า มัสก์ ซึ่งเป็นอดีตผู้ร่วมก่อตั้งเพย์พาล โฮลดิง อิงค์ บริษัทดำเนินธุรกิจจ่ายเงินและโอนเงินผ่านระบบอินเทอร์เน็ตได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้บริหารของบริษัทเทคโนโลยีสุดล้ำหลายแห่งของโลก ไม่ว่าจะเป็นเทสลาที่ผลิตรถยนต์ สเปซเอ็กซ์ที่ผลิตยานอวกาศ รวมถึงนิวราลิงก์ บริษัทสตาร์ทอัปที่กำลังพัฒนาสื่อประสาทเพื่อเชื่อมสมองมนุษย์เข้ากับคอมพิวเตอร์.-สำนักข่าวไทย

รัสเซียยกเลิกคำสั่งห้ามผู้หญิงขับรถไฟ

มอสโก 21 ม.ค. – รัสเซียประกาศยกเลิกคำสั่งห้ามผู้หญิงประกอบอาชีพต่าง ๆ เช่น พนักงานขับรถไฟ ผู้ควบคุมขบวนรถไฟ และพนักงานขับรถบรรทุก โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมา มุสโควิต โซเฟีย โดโรฟีเอวา วัย 21 ปีชื่นชอบการเดินทางโดยรถไฟไปยังสถานที่ต่าง ๆ ทั่วรัสเซีย แต่ก่อนหน้านี้เธอและผู้หญิงรัสเซียถูกกีดกันไม่ให้ทำงานในตำแหน่งคนขับรถไฟเนื่องจากความต้องการด้านร่างกายหรือลักษณะที่เป็นอันตรายของเพศหญิง โดโรฟีเอวาเพิ่งจบการศึกษาระดับวิทยาลัยที่ฝึกสอนพนักงานระบบขนส่งสาธารณะเมื่อปีก่อน และเฝ้ารอให้ถึงวันแรกของปีนี้ ซึ่งเป็นวันที่เธอสามารถทำงานในตำแหน่งผู้ช่วยพนักงานขับรถไฟได้ เธอกล่าวกับรอยเตอร์ว่า ผู้หญิงรัสเซียที่ต้องการทำงานนี้ต่างรอคอยให้ถึงเวลานี้มานานมาก ในตอนแรกพวกเธอไม่อยากเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง แต่หลังจากนั้นก็ดีใจมากและรู้สึกเย็นใจขึ้นเพราะสามารถทำงานนี้ได้หลังจากสอบผ่านโดยไม่ต้องต่อสู้เรียกร้อง ก่อนหน้านี้ ผู้หญิงรัสเซียต้องต่อสู้กับรัฐบาลมาเป็นเวลายาวนานเพื่อเรียกร้องให้พวกเธอสามารถประกอบอาชีพที่รัฐมองว่าเป็นความต้องการที่มากเกินไปหรือเป็นอันตราย ย้อนกลับไปในปี 2552 อันนา คลีเวียตส์ นักศึกษาในนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กของรัสเซียถูกปฏิเสธจากการสมัครงานในตำแหน่งผู้ช่วยพนักงานขับรถไฟเพียงเพราะเธอเป็นผู้หญิง คลีเวียตส์จึงยื่นเรื่องดำเนินคดีในศาลรัสเซียจนกระทั่งคดีดังกล่าวได้รับการพิจารณาในศาลรัฐธรรมนูญในปี 2554 แต่ผู้หญิงรัสเซียก็ยังถูกกีดกันจากงานดังกล่าวมาจนถึงตอนนี้ ซึ่งใช้เวลาถึง 10 ปี อย่างไรก็ดี ตอนนี้เธอรู้สึกดีใจที่การต่อสู้ในชั้นศาลก่อให้เกิดข้อถกเถียงขึ้น แม้ว่าผู้หญิงรัสเซียจะยังคงถูกกีดกันจากอีกหลายงานที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดและสารเคมี คลีเวียตส์กล่าวทิ้งท้ายว่า ผู้หญิงควรได้รับโอกาสให้ทำอะไรก็ได้ เพราะผู้หญิงสามารถตัดสินใจได้ด้วยตัวเองว่าอยากเป็นอะไร อยากไปที่ไหน อยากอยู่กับใคร และอยากทำอะไร. -สำนักข่าวไทย

ออกซ์ฟอร์ดเตรียมวัคซีนเวอร์ชั่นใหม่สกัดโควิดกลายพันธุ์

ลอนดอน 21 ม.ค. – มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดของอังกฤษเตรียมเร่งผลิตวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 เวอร์ชั่นใหม่เพื่อป้องกันการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์แพร่เชื้อเร็วที่พบในอังกฤษ แอฟริกาใต้ และบราซิล หนังสือพิมพ์เดอะเทเลกราฟของอังกฤษรายงานอ้างคำยืนยันของมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดว่า คณะนักวิทยาศาสตร์ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ที่พัฒนาโดยมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดและแอสตราเซนเนกา บริษัทเวชภัณฑ์ของอังกฤษกำลังดำเนินการศึกษาความเป็นไปได้เพื่อปรับโครงสร้างของเทคโนโลยี และอยู่ในระหว่างการประเมินว่า พวกเขาสามารถที่จะปรับปรุงแพลตฟอร์มวัคซีนชาด็อกซ์ (ChAdOx) ได้รวดเร็วแค่ไหน โฆษกของมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด กล่าวว่า มหาวิทยาลัยกำลังประเมินผลกระทบของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์แพร่เชื้อเร็วที่มีต่อการฉีดวัคซีนด้วยความระมัดระวัง รวมถึงประเมินกระบวนการที่จำเป็นต่อการพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ที่ปรับปรุงใหม่อย่างรวดเร็ว ขณะที่นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ของอังกฤษ กล่าววานนี้ว่า หน่วยงานกำกับดูแลยาของอังกฤษมีความพร้อมและสามารถอนุมัติใช้วัคซีนที่ปรับปรุงใหม่เพื่อป้องกันเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์แพร่เชื้อเร็ว อย่างไรก็ดี ผลการทดลองในห้องปฏิบัติการเมื่อไม่นานมานี้ชี้ว่า วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของไฟเซอร์/ไบออนเทค มีแนวโน้มที่จะป้องกันเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์แพร่เชื้อเร็วที่กำลังระบาดทั่วโลกได้ ไบออนเทคยังระบุอีกด้วยว่า บริษัทเตรียมเผยแพร่ผลการวิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ที่ระบาดในแอฟริกาใต้ที่มีข้อมูลมากขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า นอกจากนี้ แอสตราเซนเนกา โมเดอร์นา บริษัทเวชภัณฑ์ของสหรัฐ และเคียวแวก บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพของเยอรมนีกำลังทดสอบเช่นกันว่า วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ที่แต่ละบริษัทพัฒนาขึ้นมานั้นจะสามารถป้องกันเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธ์แพร่เชื้อเร็วได้หรือไม่.-สำนักข่าวไทย

สหรัฐมียอดตายโควิดสูงกว่าทหารที่ตายในสงครามโลก

วอชิงตัน 21 ม.ค. – สหรัฐมียอดผู้เสียชีวิตจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 สูงกว่าทหารอเมริกันที่เสียชีวิตในสงครามโลกครั้งที่ 2 แล้ว ขณะที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนเตือนว่า สหรัฐอาจจะต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่เลวร้ายกว่าที่เป็นอยู่ในขณะนี้ มหาวิทยาลัยจอห์นฮอปกินส์ของสหรัฐ ซึ่งรวบรวมสถิติของผู้ติดโควิด-19 ในสหรัฐรายงานว่า สหรัฐมียอดผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ทั้งหมด 405,400 คนแล้ว ซึ่งสูงกว่าทหารอเมริกัน 405,399 นายที่เสียชีวิตในสงครามโลกครั้งที่ 2 ขณะนี้สหรัฐยังคงเป็นประเทศที่มีการระบาดของโรคโควิด-19 รุนแรงที่สุดในโลก โดยมียอดผู้เสียชีวิตคิดเป็น 1 ใน 5 ของตัวเลขผู้เสียชีวิตทั่วโลกราว 2 ล้านคน ขณะที่ประธานาธิบดีไบเดนยกประเด็นการรับมือกับการระบาดของโรคโควิด-19 เป็นเรื่องสำคัญเร่งด่วนของรัฐบาล พร้อมทั้งกล่าวในพิธีสาบานตนที่มีผู้เข้าร่วมงานสวมหน้ากากอนามัยและปฏิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมว่า มีความจำเป็นต้องใช้ความแข็งแกร่งที่มีอยู่ฟันฝ่าสิ่งที่เขาเรียกว่าฤดูหนาวที่มืดมนนี้ไปให้ได้ และสหรัฐกำลังเข้าสู่ช่วงเวลาที่อาจจะถือว่ายากลำบากและอันตรายที่สุดจากการระบาดของโรคโควิด-19 รัฐบาลของประธานาธิบดีไบเดนยังได้ตั้งเป้าฉีดวัคซีนให้แก่ชาวอเมริกัน 100 ล้านคนใน 100 วัน โดยคาดว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาการฉีดวัคซีนที่เกิดขึ้นในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของการดำรงตำแหน่งของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ให้ได้ ขณะนี้ สหรัฐมียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมเกือบ 25 ล้านคน และผู้เสียชีวิตกว่า 400,000 คน.-สำนักข่าวไทย

จีนหวังใช้วัคซีนโควิดซื้อใจชาวไต้หวัน

ไทเป 21 มี.ค. – จีนเปิดโครงการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ที่ให้สิทธิพิเศษแก่ชาวไต้หวันในจีนได้รับวัคซีนก่อน ขณะที่รัฐบาลไต้หวันเกิดความกังวลและมองว่าจีนใช้วัคซีนเป็นเครื่องมือเพื่อเอาชนะใจชาวไต้หวัน จีน ซึ่งอ้างว่าไต้หวันเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของตนจีนเปิดแนวรุกใหม่เป็นโครงการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายให้แก่ชาวไต้หวันที่อาศัยอยู่ในจีนในขณะที่ไต้หวันยังไม่ได้เริ่มฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนทั่วไป สำนักงานประสานงานระหว่างประเทศกลางของจีน (United Front Work) ซึ่งมีหน้าที่ดูแลชาวจีนในต่างประเทศที่ไม่ได้เป็นคอมมิวนิสต์ ได้เผยแพร่คำพูดของคุณครูชาวไต้หวันในจีนที่กล่าวว่า โครงการฉีดวัคซีนให้แก่ชาวไต้หวันในจีนสะท้อนให้เห็นถึงความอบอุ่นและความรักที่จีนมีต่อชาวไต้หวัน ขณะนี้ยังไม่รู้แน่ชัดว่าทางการจีนฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้แก่ชาวไต้หวันในจีนทั้งหมดกี่คนแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ของทางการไต้หวันรู้สึกวิตกกังวลกับโครงการดังกล่าว และระบุว่าจีนใช้วัคซีนเป็นเครื่องมือเพื่อสร้างความจงรักภักดีของนักธุรกิจไต้หวันที่มีต่อจีน รวมถึงเพิ่มแรงกดดันพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลไต้หวัน ในขณะเดียวกัน สภากิจการจีนแผ่นดินใหญ่ของไต้หวันออกแถลงการณ์ระบุว่า การฉีดวัคซีนเป็นประเด็นด้านความเชี่ยวชาญทางการแพทย์ และไม่ควรถูกนำมาใช้เป็นโฆษณาชวนเชื่อทางการเมือง ชาวไต้หวันควรประเมินความปลอดภัยและความจำเป็นต่อการฉีดวัคซีนในจีนด้วยความระมัดระวัง โดยที่สภากิจการจีนแผ่นดินใหญ่จะเฝ้าระวังสถานการณ์ดังกล่าวต่อไป รัฐบาลไต้หวันได้สั่งซื้อวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เกือบ 20 ล้านโดสจากบริษัทเวชภัณฑ์หลายแห่งที่รวมถึงวัคซีน 10 ล้านโดสจากแอสตราเซนเนกา บริษัทเวชภัณฑ์ของอังกฤษ โดยคาดว่าจะเริ่มได้รับวัคซีนเร็วสุดตั้งแต่เดือนมีนาคมนี้เป็นต้นไป ขณะนี้ไต้หวันมียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสม 870 คน และผู้เสียชีวิต 7 คน.-สำนักข่าวไทย

1 292 293 294 295 296 315