โควิดทำให้เห็นคนยากจนที่ถูกซ่อนในสังคมญี่ปุ่น

โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 แพร่ระบาดทำให้สังคมญี่ปุ่นได้เห็นกลุ่มคนยากจนที่ถูกซ่อนในประเทศที่มีอัตราว่างงานต่ำที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

ยูนิเซฟชี้ รร.ค่ายโรฮิงญาบังกลาเทศถูกวางเพลิง

ค็อกซ์บาซาร์ 19 ม.ค.- เกิดเหตุไฟไหม้โรงเรียน 4 แห่งที่องค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติหรือยูนิเซฟตั้งขึ้นเพื่อเด็กชาวโรฮิงญาในค่ายผู้ลี้ภัยบังกลาเทศ ยูนิเซฟระบุว่า เป็นการวางเพลิง กรรมาธิการผู้ลี้ภัยของบังกลาเทศเผยกับสื่อว่า ทางการกำลังสอบสวนเหตุไฟไหม้ล่าสุด เชื่อว่าไม่ได้เกิดจากการจงใจ และวัสดุที่ใช้ก่อสร้างโรงเรียนก็เป็นวัสดุติดไฟง่าย เพราะไม่ได้สร้างขึ้นเป็นสิ่งปลูกสร้างถาวร เหตุเกิดในช่วงที่โรงเรียนปลอดคน ยังไม่ชัดเจนว่าเป็นมือของใครหรือกลุ่มใด หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเพิ่งเกิดไฟไหม้กระท่อมไม้ไผ่หลายร้อยหลังในค่ายผู้ลี้ภัยแห่งหนึ่ง ทำให้ชาวโรฮิงญาที่อพยพมาจากเมียนมาไร้ที่อยู่จำนวนมาก สันนิษฐานว่าต้นเพลิงมาจากเตาแก๊ส ด้านยูนิเซฟทวีตแย้งว่า เหตุไฟไหม้โรงเรียนเป็นการวางเพลิง ยูนิเซฟกำลังประสานกับผู้เกี่ยวข้องประเมินความเสียหาย และเร่งซ่อมแซมศูนย์การเรียนรู้เหล่านี้ขึ้นใหม่ ยูนิเซฟตั้งศูนย์การเรียนรู้ 2,500 แห่งในค่ายผู้ลี้ภัย 34 แห่งในเขตค็อกซ์บาซาร์ ทางตะวันออกเฉียงใต้ของบังกลาเทศ มีเด็กชาวโรฮิงญาเข้าเรียนประมาณ 240,000 คน แต่ปิดไปหลายเดือนเพราะโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ระบาด เจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์คาดว่า จะเปิดได้อีกครั้งในเดือนหน้า.-สำนักข่าวไทย

ญี่ปุ่นจะไม่ใช้วัคซีนเป็นเงื่อนไขโอลิมปิกโตเกียว

โตเกียว 19 ม.ค.- รัฐบาลญี่ปุ่นจะไม่นำเรื่องการจัดสรรวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 เป็นเงื่อนไขในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งโอลิมปิกและพาราลิมปิดโตเกียวในปีนี้ นายคัตสึโนบุ คาโต หัวหน้าเลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นแถลงข่าววันนี้ว่า รัฐบาลกำลังพิจารณามาตรการครอบคลุมเพื่อให้จัดการแข่งขันได้อย่างปลอดภัยและมั่นใจได้ โดยไม่แม้แต่จะกำหนดเรื่องการจัดสรรวัคซีนมาเป็นเงื่อนไขในการจัด กรุงโตเกียวของญี่ปุ่นจะเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกฤดูร้อน 2020 ระหว่างวันที่ 23 กรกฎาคม-8 สิงหาคมปีนี้ และพาราลิมปิกฤดูร้อนระหว่างวันที่ 24 สิงหาคม-5 กันยายนปีนี้ เลื่อนมาจากวันที่ 24 กรกฎาคม-9 สิงหาคมปีก่อน และ 25 สิงหาคม-6 กันยายนปีก่อนตามลำดับ เพราะโรคโควิด-19 แพร่ระบาด รัฐบาลนายกรัฐมนตรีโยชิฮิเดะ ซูงะยืนยันว่า จะจัดการแข่งขันตามกำหนดใหม่อย่างแน่นอน ขณะที่ชาวญี่ปุ่นเริ่มกังวลใจมากขึ้น ผลสำรวจของสำนักข่าวเกียวโดเมื่อต้นเดือนพบว่า ผู้ตอบร้อยละ 80 เห็นว่าควรเลื่อนไปอีกครั้งหรือยกเลิกการจัด นายกรัฐมนตรีซูงะเผยว่า จะเริ่มการฉีดวัคซีนภายในปลายเดือนกุมภาพันธ์กับบุคลากรทางการแพทย์ จากนั้นจะเป็นผู้มีอายุ 65 ปีขึ้นไปภายในปลายเดือนมีนาคม ตามด้วยผู้มีโรคประจำตัวและผู้ดูแลคนชรา ญี่ปุ่นมีผู้ป่วยโรคโควิด-19 สะสมกว่า 328,000 คน เสียชีวิตราว 4,500 คน.-สำนักข่าวไทย

สิงคโปร์เล็งเพิ่มศูนย์ฉีดวัคซีนโควิดอีกหลายแห่ง

สิงคโปร์ 19 ม.ค. – สิงคโปร์วางแผนเปิดศูนย์บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 เพิ่มอีกกว่า 30 แห่งเพื่อตั้งเป้าฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนวันละกว่า 70,000 คนทั่วประเทศ หนังสือพิมพ์เดอะสเตรทไทมส์ของสิงคโปร์รายงานอ้างเอกสารประกวดราคาที่ระบุว่า กระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์ต้องการจัดจ้างบริษัทเพื่อสร้างศูนย์บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เพิ่มขึ้นอีก 36 แห่งตั้งแต่เดือนหน้าเป็นต้นไป โดยอาจใช้สถานที่ต่าง ๆ เช่น โรงเรียนที่ปิดการสอน สโมสรชุมชน และศูนย์กีฬา ซึ่งจะทำให้สามารถฉีดวัคซีนได้อย่างน้อยวันละ 2,000 คน ตั้งเป้าเปิดให้บริการสูงสุด 12 เดือน นอกจากนี้ บริษัทที่ผ่านการจัดจ้างจะต้องจัดเตรียมทีมเจ้าหน้าที่ฉีดวัคซีนเคลื่อนที่จำนวน 10 ทีมเพื่อเดินทางไปฉีดวัคซีนในสถานที่ต่าง ๆ เช่น บ้านพักคนชรา และจะต้องมีความรู้ตั้งแต่ในด้านการเก็บรักษาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของไฟเซอร์/ไบออนเทคไปจนถึงขั้นตอนการขนส่งและส่งมอบวัคซีน นายกัน กิม หยง รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์ในฐานะประธานร่วมคณะทำงานเฉพาะกิจกำกับดูแลด้านการรับมือโรคโควิด-19 เผยเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า ทางการสิงคโปร์ได้ฉีดวัคซีนโดสแรกของไฟเซอร์ให้แก่ประชาชนไปแล้วกว่า 6,200 คน และคาดว่าจะสามารถฉีดวัคซีนได้เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า นอกจากนี้ ทางการจะเริ่มฉีดวัคซีนให้แก่ผู้ที่ปฏิบัติงานในภาคอุตสาหกรรมการบินและการเดินเรือราว 37,000 คนภายใน 2 เดือน โดยเริ่มตั้งแต่สัปดาห์นี้เป็นต้นไป ขณะนี้สิงคโปร์มียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า […]

ออสเตรเลียคุมเข้มกักตัวนักเทนนิสสกัดโควิด

เมลเบิร์น 19 ม.ค. – ออสเตรเลียยืนยันว่า การใช้มาตรการกักตัวผู้ที่เดินทางมาเข้าร่วมการแข่งขันเทนนิสออสเตรเลียน โอเพนเป็นเวลา 14 วันมีความจำเป็นต่อการควบคุมการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 นักเทนนิสระดับโลกหลายคน ซึ่งรวมถึงโนวัค ยอโควิช นักเทนนิสมือวางอันดับ 1 ของโลกจากเซอร์เบียได้ตั้งคำถามเกี่ยวกับมาตรการของออสเตรเลียที่บังคับกักตัวในโรงแรมเป็นเวลา 14 วัน โดยระบุว่า พวกเขาควรได้รับอนุญาตให้ฝึกซ้อมที่สนามเทนนิสเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเปิดฉากการแข่งขันในวันที่ 8 กุมภาพันธ์นี้ที่นครเมลเบิร์น ซึ่งเป็นเมืองเอกของรัฐวิกตอเรีย อย่างไรก็ดี นายแดเนียล แอนดรูวส์ มุขมนตรีของรัฐวิกตอเรียแถลงข่าวทางโทรทัศน์ว่า ทุกคนมีอิสระในการร้องขออะไรก็ได้ แต่เขายืนยันคำตอบว่าเรื่องที่ขอมานั้นไม่มีทางเป็นไปได้ ผู้เข้าร่วมการแข่งขันรู้ดีอยู่แล้วว่าพวกเขาต้องเดินทางมาเจอกับอะไรบ้าง และทางการจะไม่ยอมทำอะไรแบบขอไปทีหรือมอบสิทธิพิเศษให้แก่คนบางกลุ่มเด็ดขาด นักเทนนิสกว่า 70 คนพร้อมด้วยทีมงานจากทั่วโลกต้องเข้าสู่มาตรการกักตัวในโรงแรมเป็นเวลา 14 วัน หลังจากออสเตรเลียพบผู้โดยสารจำนวนหนึ่งที่เดินทางมากับเที่ยวบินเช่าเหมาลำ 3 เที่ยว มีผลตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนาเป็นบวก ล่าสุดวันนี้รัฐวิกตอเรียพบผู้ป่วยใหม่ 4 คนในกลุ่มที่กักตัวอยู่ในโรงแรม ขณะที่ทางการรายงานวันนี้ว่าไม่พบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ในชุมชน และขณะนี้มียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 28,700 คน และผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 909 คน. -สำนักข่าวไทย

โควิดจีนระบาดรุนแรงสุดในรอบเกือบปี

ปักกิ่ง 19 ม.ค.- จีนกำลังต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ที่รุนแรงที่สุดนับจากเดือนมีนาคมปีก่อน เนื่องจากมณฑลทางตะวันออกเฉียงเหนือมีผู้ป่วยใหม่รายวันเพิ่มขึ้นไม่หยุด คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีนแถลงวันนี้ว่า เมื่อวานนี้พบผู้ป่วยรายใหม่ 118 คน เพิ่มขึ้นจาก 109 คนเมื่อวันก่อน เป็นตัวเลขเกินวันละ 100 คนเป็นวันที่ 7 ติดต่อกันแล้ว ผู้ป่วยใหม่ 106 คนเป็นการติดเชื้อในประเทศ แยกเป็นมณฑลจี๋หลิน 43 คน เป็นตัวเลขรายวันสูงสุดครั้งใหม่ มณฑลเหอเป่ย์ที่ล้อมรอบกรุงปักกิ่ง 35 คน กรุงปักกิ่ง 1 คน และมณฑลเฮย์หลงเจียง 27 คน การระบาดในมณฑลจี๋หลินขณะนี้เกิดจากเซลส์แมนคนหนึ่งเดินทางเข้าออกมณฑลเฮย์หลงเจียงที่เคยเกิดการระบาดแบบเป็นกลุ่มก้อนมาก่อน จีนล็อกดาวน์คนหลายสิบล้านคนในหลายเมือง และตรวจหาเชื้อขนานใหญ่กับคนในเมืองทางตอนเหนือ เพราะเกรงว่าผู้ป่วยไม่แสดงอาการจะแพร่เชื้อในช่วงเทศกาลตรุษจีนกลางเดือนหน้า และขอให้ประชาชนงดการเดินทางในช่วงเทศกาลดังกล่าว รวมทั้งหลีกเลี่ยงการรวมกลุ่มจำนวนมาก เช่น งานแต่งงาน  ด้านคณะผู้เชี่ยวชาญอิสระพิจารณาเรื่องโรคโควิด-19 แพร่ระบาดที่มีนางเฮเลน คลาร์ก อดีตนายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์และนางเอลเลน จอห์นสัน เซอร์ลีฟ อดีตประธานาธิบดีไลบีเรียเป็นหัวหน้าคณะระบุเมื่อวานนี้ว่า ทางการจีนควรใช้มาตรการสาธารณสุขที่ให้ผลจริงจังมากกว่าที่ใช้เมื่อเดือนมกราคมปีก่อน เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดตั้งแต่ต้น และวิพากษ์วิจารณ์องค์การอนามัยโลกที่รอจนถึงวันที่ 30 […]

เกาหลีใต้เตือนประชาชนอย่าการ์ดตกแม้ป่วยโควิดลดลง

โซล 19 ม.ค. – นายกรัฐมนตรีเกาหลีใต้กำชับให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมอย่างเคร่งครัด แม้ว่าเกาหลีใต้มีแนวโน้มผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 รายใหม่ลดลงแล้วก็ตาม เกาหลีใต้เผชิญกับสถานการณ์ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอก 3 ที่ทำให้พบผู้ป่วยติดเชื้อรายวันสูงสุดถึง 1,240 คนเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม  หลังจากนั้นมียอดผู้ป่วยติดเชื้อลดลงเรื่อย ๆ โดยพบผู้ป่วยติดเชื้อรายวันในระดับสูงกว่า 500 คนในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ก่อนจะลดลงเหลือ 389 คนเมื่อวานนี้ และ 386 คนในวันนี้ ขณะนี้เกาหลีใต้มียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 73,000 คน และผู้เสียชีวิตทั้งหมด 1,283 คน นายกรัฐมนตรีชุง เซ-คยุน ของเกาหลีใต้กล่าวว่า เกาหลีใต้มีแนวโน้มที่จะกลับไปสู่การใช้ชีวิตตามปกติได้เล็กน้อย แต่โรคโควิด-19 ยังคงคุกคามชาวเกาหลีใต้จากการระบาดที่ไม่รู้ที่มา แม้เกาหลีใต้จะมีตัวเลขผู้ป่วยติดเชื้อจากการระบาดเป็นกลุ่มก้อนลดลงในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่อัตราการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโคโรนาในกลุ่มบุคคลที่มีประวัติสัมผัสผู้ป่วยติดเชื้อ การระบาดภายในครอบครัว การรวมตัวเป็นกลุ่มและในที่ทำงานกลับเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 45 เกาหลีใต้อาจพบยอดผู้ป่วยติดเชื้อพุ่งสูงขึ้นอีกครั้งได้ทุกเมื่อหากยังมีการแพร่เชื้อในลักษณะดังกล่าว ทั้งนี้ ถ้าสถานการณ์ระบาดของโรคโควิด-19 ย่ำแย่ลงก่อนถึงเทศกาลตรุษจีน รัฐบาลเกาหลีใต้อาจใช้มาตรการต่าง ๆ เพื่อป้องกันการระบาดอีกครั้ง. -สำนักข่าวไทย

กลาโหมสหรัฐเผยไม่มีสัญญาณภัยภายในก่อนพิธีสาบานตน

วอชิงตัน 19 ม.ค.- รักษาการรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐเผยว่า สำนักสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอ (FBI) กำลังช่วยกองทัพตรวจสอบกองกำลังพิทักษ์แห่งชาติที่ส่งไปช่วยอารักขาการประกอบพิธีสาบานตนรับตำแหน่งของนายโจ ไบเดน แม้ไม่มีข่าวกรองว่าจะเกิดภัยภายใน แต่ก็จะไม่มีให้สิ่งใดเล็ดลอดสายตา นายคริสโตเฟอร์ มิลเลอร์ รักษาการรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐแถลงวานนี้ว่า การตรวจสอบเป็นเรื่องปกติสำหรับการให้กองทัพช่วยดูแลการรักษาความปลอดภัยในงานใหญ่ ๆ ขณะนี้ยังไม่มีข่าวกรองว่าจะเกิดภัยจากภายใน แต่ก็จะตรวจสอบอย่างละเอียดไม่ให้มีสิ่งใดเล็ดลอดสายตา ขอชื่นชมเอฟบีไอที่กำลังช่วยกองทัพตรวจสอบกองกำลังพิทักษ์แห่งชาติทีละนาย รวมกว่า 25,000 นายที่ส่งไปช่วยอารักขาการประกอบพิธีสาบานตนรับตำแหน่งที่อาคารรัฐสภาในวันที่ 20 มกราคมตามเวลาสหรัฐ หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์รายงานเมื่อวานนี้ว่า เอฟบีไอออกรายงานข่าวกรองเตือนหน่วยงานกำกับดูแลด้านกฎหมายว่า กลุ่มสุดโต่งขวาจัดคุยกันเรื่องจะปลอมตัวเป็นทหารในกองกำลังพิทักษ์แห่งชาติของกรุงวอชิงตัน แต่ในรายงานไม่ได้ระบุชัดเจนว่าจะมีการก่อเหตุร้ายในพิธีสาบานตนรับตำแหน่ง ด้านกองทัพสหรัฐแถลงวันนี้ว่า กำลังร่วมกับเอฟบีไอตรวจสอบว่าคนร้ายเป็นเจ้าหน้าที่ที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ในปัจจุบันหรือไม่ และร่วมกับหน่วยข่าวกรองตรวจสอบว่ากองกำลังพิทักษ์แห่งชาติเกือบ 10,000 นายที่จะปฏิบัติหน้าที่ในพิธีสาบานตนของไบเดนจะต้องถูกคัดกรองเพิ่มเติมหรือไม่.-สำนักข่าวไทย

ญี่ปุ่นฆ่าตัวตายเพิ่มขึ้นช่วงโควิดระลอก 2

โตเกียว 19 ม.ค. – ญี่ปุ่นมีอัตราการฆ่าตัวตายเพิ่มขึ้นร้อยละ 16 ในช่วงการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ระลอกที่ 2 โดยเฉพาะในกลุ่มผู้หญิงและเด็ก คณะนักวิจัยของมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีฮ่องกงและสถาบันผู้สูงอายุในเขตมหานครโตเกียวเผยผลการศึกษาในวารสารวิชาการเนเจอร์ ฮิวแมน บีแฮฟวิเออร์ (Nature Human Behavior) ว่า ช่วงเดือนกรกฎาคม-ตุลาคมปีที่แล้ว ญี่ปุ่นมีอัตราการฆ่าตัวตายเพิ่มขึ้นร้อยละ 16 เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562 ทั้งที่ช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มิถุนายนมีอัตราการฆ่าตัวตายลดลงร้อยละ 14 โดยพบว่า การระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตของเด็ก วัยรุ่น และผู้หญิง โดยเฉพาะแม่บ้านไม่เท่ากัน ผลการศึกษาที่อ้างอิงข้อมูลกระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่นระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2559-ตุลาคม 2563 ระบุว่า อัตราการฆ่าตัวตายช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มิถุนายนปีก่อนลดลง เป็นผลมาจากปัจจัยหลายอย่าง เช่น เงินอุดหนุนจากรัฐบาล การลดชั่วโมงทำงาน และการปิดโรงเรียน ขณะที่อัตราการฆ่าตัวตายช่วงเดือนกรกฎาคม-ตุลาคมเพิ่มขึ้น  โดยเฉพาะอัตราการฆ่าตัวตายในกลุ่มผู้หญิงที่พุ่งขึ้นถึงร้อยละ 37 สูงกว่าในกลุ่มผู้ชายถึง 5 เท่า เนื่องจากระบาดของโรคโควิด-19 ที่ยืดเยื้อกระทบต่ออุตสาหกรรมที่มีคนทำงานส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง มารดาที่ทำงานนอกบ้านมีภาระเพิ่มขึ้น และมีความรุนแรงในครอบครัวเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ผลการศึกษาดังกล่าวยังพบว่า อัตราการฆ่าตัวตายของเด็กพุ่งสูงถึงร้อยละ […]

เมลาเนีย ทรัมป์อัดคลิปอำลาตำแหน่ง

วอชิงตัน 19 ม.ค.- นางเมลาเนีย ทรัมป์ สตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐเผยแพร่คลิปวานนี้ เตรียมตัวอำลาตำแหน่ง ย้ำว่า ความรุนแรงไม่ใช่คำตอบ หลังจากกลุ่มผู้สนับสนุนสามีของเธอบุกอาคารรัฐสภาเมื่อต้นเดือน เมลาเนีย ทรัมป์ วัย 50 ปี อัดคลิปความยาว 6 นาที กล่าวถึงประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้เป็นสามีเพียงเล็กน้อย และใช้เวลาส่วนใหญ่พูดถึงครอบครัวทหาร บุคลากรทางการแพทย์ และผู้ช่วยเหลือผู้เสพติดสารในกลุ่มโอปิออยด์ว่า 4 ปีที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาที่ไม่สามารถลืมได้ลง ในโอกาสที่โดนัลด์และเธอกำลังจะหมดวาระในทำเนียบขาว ขอระลึกถึงทุกคนที่เธอได้จารึกไว้ในหัวใจ รวมทั้งเรื่องราวความรัก ความรักชาติและความมุ่งมั่นที่เหลือเชื่อ ขอให้ทุกคนซาบซึ้งในทุกอย่างที่ทำ ขอให้จดจำไว้เสมอว่าความรุนแรงไม่เคยเป็นคำตอบและจะไม่มีวันเป็นสิ่งที่ชอบธรรม  ช่วงที่อยู่ในทำเนียบขาว เธอได้ปฏิบัติภารกิจสะท้อนถึงความรับผิดชอบในฐานะมารดาที่ต้องให้กำลังใจ ให้ความเข้มแข็ง และสอนเรื่องคุณค่าของความอ่อนโยน คำมั่นสัญญาของประเทศนี้เป็นของทุกคนที่ไม่ละทิ้งความเป็นหนึ่งเดียวและคุณค่าอเมริกัน ใช้ทุกโอกาสแสดงความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น  และปลูกฝังนิสัยดี ๆ ในการดำเนินชีวิตประจำวัน ประธานาธิบดีทรัมป์และภริยาจะไม่เข้าร่วมพิธีสาบานตนรับตำแหน่งของนายโจ ไบเดนในวันที่ 20 มกราคมนี้ตามเวลาสหรัฐ และไม่ได้เชิญไบเดนและนางจิล ภริยาร่วมรับประทานน้ำชาที่ห้องทำงานรูปไข่ในทำเนียบขาวตามธรรมเนียมปฏิบัติ.-สำนักข่าวไทย

ไบเดนจะจำกัดการเดินทางมาจากยุโรปที่ทรัมป์ยกเลิก

วอชิงตัน 19 ม.ค.- โฆษกของนายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐเผยว่า ไบเดนจะเร่งลงนามขยายคำสั่งจำกัดการเดินทางมาจากยุโรปและบราซิล หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ลงนามคำสั่งยกเลิก ทันทีที่ประธานาธิบดีทรัมป์ ซึ่งจะพ้นจากตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคมตามเวลาสหรัฐ ลงนามคำสั่งเมื่อวันจันทร์ ยกเลิกมาตรการจำกัดการเดินทางมาจากยุโรปและบราซิลที่ใช้ตั้งแต่ต้นปีก่อนโดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 26 มกราคม เจน ซากี ว่าที่โฆษกทำเนียบขาวทวีตว่า ตามที่ได้รับคำแนะนำจากคณะผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ รัฐบาลไบเดนจะไม่ยกเลิกมาตรการในวันที่ดังกล่าว สถานการณ์การแพร่ระบาดที่มีแต่เลวร้ายลง และมีเชื้อปรับปรุงสายพันธุ์เกิดขึ้นใหม่ทั่วโลก จึงไม่ใช่เวลาที่จะยกเลิกมาตรการจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศ คำสั่งของทรัมป์เป็นการยกเลิกสิ่งที่เขาประกาศตั้งแต่กลางเดือนมีนาคมปีก่อนห้ามผู้ที่ไม่ใช่พลเมืองอเมริกันเข้าสหรัฐ หากอยู่ในสหราชอาณาจักร ไอร์แลนด์ และ 26 ประเทศในเขตเชงเกนในช่วง 14 วันก่อนเดินทาง ตามด้วยประกาศลักษณะเดียวกันกับบราซิลในเดือนพฤษภาคมปีก่อน กำหนดการยกเลิกในวันที่ 26 มกราคมยังสอดคล้องกับที่ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐหรือซีดีซี (CDC) ลงนามคำสั่งเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า ตั้งแต่วันที่ 26 มกราคมเป็นต้นไปผู้โดยสารเครื่องบินเข้าสหรัฐเกือบทุกคนต้องแสดงผลตรวจหาเชื้อเป็นลบหรือหลักฐานยืนยันว่าหายดีจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ธุรกิจสายการบินหวังว่า การเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดเข้าประเทศของซีดีซีจะเปิดทางให้รัฐบาลยกเลิกมาตรการจำกัดที่ทำให้การเดินทางจากยุโรปเข้าสหรัฐลดลงไม่ต่ำกว่าร้อยละ 95 อย่างไรก็ตาม คนในรัฐบาลเองมีความเห็นขัดแย้งกันมาหลายเดือนแล้วในเรื่องนี้ บางส่วนเห็นว่าควรยกเลิก บางส่วนแย้งว่าควรคงไว้เพราะยุโรปเองยังห้ามชาวอเมริกันเข้าประเทศ.-สำนักข่าวไทย

ฮ่องกงพบผู้ป่วยโควิดทะลุร้อยคนในรอบเดือน

ฮ่องกง 18 ม.ค. – ฮ่องกงพบผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 รายใหม่ 107 คน ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดในรอบเกือบ 1 เดือน เนื่องจากทางการฮ่องกงได้ตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนาในผู้พักอาศัยในอพาร์ทเมนต์แห่งหนึ่งที่มีการระบาดเป็นกลุ่มก้อน ทางการฮ่องกงรายงานวันนี้ว่า พบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่สูงถึง 107 คน ซึ่งถือเป็นตัวเลขผู้ป่วยติดเชื้อที่อยู่ในหลักร้อยครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 19 ธันวาคมที่พบผู้ป่วยติดเชื้อ 109 คน และในช่วงเดือนกรกฎาคมปีที่แล้วที่พบยอดผู้ป่วยติดเชื้อสูงสุดถึง 149 คน ทางการพบผู้ป่วยติดเชื้อสิบกว่ารายในช่วงสัปดาห์ที่แล้วที่อพาร์ทเมนต์แห่งหนึ่งที่มีผู้คนอาศัยหนาแน่นในย่านเหยาจิมมงของฝั่งเกาลูน เจ้าหน้าที่จึงลงพื้นที่ดังกล่าวเพื่อตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนากับผู้พักอาศัยที่อพาร์ทเมนต์แห่งนั้นและอาคารที่พักอาศัยในละแวกใกล้เคียง นอกจากนี้ ทางการฮ่องกงยังประกาศใช้มาตรการที่สั่งห้ามการรวมตัวเกิน 2 คน สั่งปิดศูนย์กีฬา ร้านเสริมสวย และสั่งห้ามร้านอาหารทุกประเภทเปิดบริการหลังเวลา 18.00 น. ขณะนี้ ฮ่องกงมียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมเกือบ 10,000 คน และผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 162 คนนับตั้งแต่พบการระบาดครั้งแรกในประเทศเมื่อช่วงต้นปีที่แล้ว. -สำนักข่าวไทย

1 294 295 296 297 298 315