ออสเตรเลียจะทบทวนเปิดพรมแดนหลังพบโควิดโอไมครอน

ซิดนีย์ 29 พ.ย. – นายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสัน ของออสเตรเลีย ระบุวันนี้ว่า ออสเตรเลียจะทบทวนแผนเปิดพรมแดนให้แรงงานต่างชาติที่มีทักษะเฉพาะและนักเรียนต่างชาติในวันที่ 1 ธ.ค. หลังจากเมื่อวันอาทิตย์พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน 2 รายแรกในนครซิดนีย์ที่เดินทางมาจากตอนใต้ของทวีปแอฟริกา นายกรัฐมนตรีมอร์ริสัน กล่าวว่า เขาคิดว่าอาจเร็วเกินไปที่ออสเตรเลียจะกลับไปใช้มาตรการกักตัวในโรงแรมเป็นเวลา 14 วันอีกครั้งในกลุ่มผู้เดินทางชาวต่างชาติ พร้อมทั้งเรียกร้องให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลที่แน่ชัดเกี่ยวกับอาการป่วยรุนแรง การแพร่กระจาย และประสิทธิภาพของวัคซีนป้องกันโรคโควิดเกี่ยวกับเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน รัฐบาลจะเฝ้าระวังเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างค่อยเป็นค่อยไป และรอให้ได้ข้อมูลที่แน่ชัดเพื่อนำมาใช้ในการตัดสินใจอย่างสมเหตุสมผล ทั้งยังระบุเพิ่มเติมว่า คณะกรรมการความมั่นคงแห่งชาติของออสเตรเลียจะประชุมร่วมกันในวันนี้เพื่อประเมินเกี่ยวกับแผนเปิดพรมแดนที่จะเริ่มใช้ในวันพุธ และจะจัดประชุมร่วมกับมุขมนตรีรัฐและดินแดนของออสเตรเลียในวันอังคาร ในขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของรัฐนิวเซาท์เวลส์ ซึ่งมีนครซิดนีย์เป็นเมืองเอก ระบุว่า พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดที่เดินทางมาจากตอนใต้ของทวีปแอฟริกาเพิ่มอีก 3 คนเมื่อวันอาทิตย์ และกำลังรอผลการจัดลำดับพันธุกรรมว่าผู้ป่วยทั้งสามคนติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนหรือไม่ ขณะนี้ ออสเตรเลียมียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมราว 209,000 คน และผู้เสียชีวิตเกือบ 2,000 คน โดยมีประชาชนได้รับการฉีดวัคซีนครบสองโดสร้อยละ 87 จากประชากรทั้งหมด 25 ล้านคน. -สำนักข่าวไทย

สหรัฐเล็งประชุมสุดยอดกับผู้นำอาเซียนที่วอชิงตัน ม.ค.65

กรุงเทพฯ 29 พ.ย.- แหล่งข่าวในสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียนเผยว่า สหรัฐกำลังเตรียมการเรื่องเชิญผู้นำชาติสมาชิกอาเซียนไปประชุมสุดยอดที่กรุงวอชิงตันในเดือนมกราคมปีหน้า เว็บไซต์สำนักข่าวเกียวโดรายงานอ้างแหล่งข่าวในอาเซียนว่า การประชุมสุดยอดดังกล่าวจะเป็นการพบหน้ากันโดยตรงครั้งแรกระหว่างประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐและผู้นำสมาชิกอาเซียน หลังจากที่เพิ่งประชุมสุดยอดแบบออนไลน์กันเมื่อปลายเดือนตุลาคม ครั้งนั้นไบเดนรับปากจัดสรรความช่วยเหลืออาเซียนมูลค่า 102 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3,441 ล้านบาท) แหล่งข่าวเผยว่า สหรัฐเสนอจัดการประชุมในสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนมกราคมปีหน้า และกำลังประสานเรื่องวันที่กับอาเซียน แต่คงจะไม่เชิญ พลเอกอาวุโสมิน อ่อง หล่าย ผู้นำเมียนมา และก่อนหน้านั้นนายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐจะเยือนอาเซียนบางประเทศ เช่น อินโดนีเซีย ไทย ในเดือนธันวาคม เกียวโดตั้งข้อสังเกตว่า สหรัฐเตรียมการประชุมสุดยอดดังกล่าว ในช่วงที่จีนกำลังกระชับความสัมพันธ์กับอาเซียน โดยเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายนอาเซียนและจีนตกลงยกระดับความสัมพันธ์ขึ้นเป็น “หุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์แบบรอบด้าน”  (comprehensive strategic partnership) ระหว่างการประชุมสุดยอดสมัยพิเศษแบบออนไลน์ ฉลองครบรอบ 30 ปีความสัมพันธ์อาเซียนและจีน ซึ่งมีประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนเข้าร่วมการประชุม ทั้งที่ปกติแล้วจะเป็นหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง.-สำนักข่าวไทย

อนามัยโลกว่ายังไม่ชัดโควิดโอไมครอนทำให้ป่วยหนักขึ้น

เจนีวา 29 พ.ย. –  องค์การอนามัยโลกเผยเมื่อวันอาทิตย์ตามเวลาท้องถิ่นว่า ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนสามารถแพร่กระจายได้รวดเร็วขึ้น หรือทำให้เกิดอาการป่วยรุนแรงมากขึ้น เมื่อเทียบกับเชื้อโควิดสายพันธุ์อื่น ๆ องค์การอนามัยโลกระบุในแถลงการณ์ว่า ข้อมูลในเบื้องต้นชี้ว่า อัตราผู้ป่วยติดเชื้อโควิดกำลังเพิ่มสูงขึ้นในแอฟริกาใต้ แต่อาจเป็นตัวเลขผู้ป่วยติดเชื้อโควิดโดยรวม และไม่ได้เป็นยอดผู้ป่วยติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนเพียงอย่างเดียว อย่างไรก็ดี องค์การอนามัยโลกเน้นย้ำว่า มีหลักฐานเบื้องต้นระบุว่า ผู้ที่เคยติดเชื้อโควิดสายพันธุ์อื่น ๆ และหายป่วยอาจมีความเสี่ยงสูงขึ้นต่อการติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน องค์การอนามัยโลกกำลังทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับผลกระทบของเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนต่อมาตรการรับมือโรคโควิด-19 ซึ่งรวมถึงการศึกษาประสิทธิภาพของวัคซีนป้องกันโรคโควิดด้วย ขณะนี้ องค์การอนามัยโลกยังไม่พบข้อมูลที่ชี้ว่าเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนจะก่อให้เกิดอาการป่วยที่แตกต่างจากเชื้อโควิดสายพันธุ์อื่น รายงานเบื้องต้นที่เป็นผลการศึกษาในมหาวิทยาลัยต่างระบุว่า ผู้ป่วยติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนที่มีอายุน้อยมีแนวโน้มที่จะมีอาการป่วยน้อยกว่าผู้ป่วยที่มีอายุมาก แต่การทำความเข้าใจเกี่ยวกับระดับความรุนแรงของอาการป่วยจะต้องใช้เวลาอีกหลายวันไปจนถึงหลายสัปดาห์. -สำนักข่าวไทย

สิงคโปร์-มาเลเซียเปิดด่านทางบกวันนี้ให้ผู้ฉีดวัคซีนแล้ว

สิงคโปร์ 29 พ.ย.- สิงคโปร์และมาเลเซียเปิดด่านทางบกที่พลุกพล่านที่สุดแห่งหนึ่งในโลกในวันนี้ เพื่อให้ผู้ที่ฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 แล้วได้ข้ามพรมแดนอีกครั้ง หลังจากปิดด่านมาร่วม 2 ปี รัฐบาลสิงคโปร์เผยแพร่แนวปฏิบัติใหม่ว่า ชาวสิงคโปร์และมาเลเซียฉีดวัคซีนแล้วที่เป็นพลเมือง เป็นผู้มีสิทธิพำนักถาวร หรือเป็นผู้ถือวีซ่าระยะยาวของประเทศปลายทาง สามารถเดินทางข้ามด่านทางบกโดยไม่ต้องกักโรคได้สูงสุดวันละ 1,440 คน แต่ต้องมีผลตรวจหาเชื้อเป็นลบก่อนเดินทางออกจากฝั่งหนึ่งและเมื่อเดินทางถึงอีกฝั่งหนึ่ง ขณะที่การเดินทางทางอากาศระหว่างสองประเทศสำหรับผู้ฉีดวัคซีนแล้วก็เริ่มมีผลตั้งแต่วันนี้เช่นเดียวกัน รอยเตอร์รายงานเพิ่มเติมว่า  นายกรัฐมนตรีอิสมาอิล ยาคอบของมาเลเซียจะเดินทางไปเยือนสิงคโปร์อย่างเป็นทางการครั้งแรกในวันนี้ การปิดด่านทางบกอย่างกะทันหันในเดือนมีนาคม 2563 ทำให้คนจำนวนมากตกค้างในสองฝั่ง หลายคนต้องพรากจากครอบครัวและหลายคนหวั่นใจว่าจะตกงาน เนื่องจากมีชาวมาเลเซียข้ามพรมแดนเข้าไปทำงานในสิงคโปร์มากถึงวันละ 300,000 คน ประชากรสิงคโปร์และมาเลเซียฉีดวัคซีนแล้วร้อยละ 85 และ 80 ตามลำดับ โดยเมื่อวันอาทิตย์สิงคโปร์พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ในประเทศ 747 คน น้อยที่สุดนับจากกลางเดือนกันยายน ขณะที่มาเลเซียพบ 4,239 คน น้อยที่สุดนับจากต้นเดือนพฤศจิกายน.-สำนักข่าวไทย

อนามัยโลกจ่อประชุมด่วนสกัดโควิดกลายพันธุ์ในแอฟริกาใต้

องค์การอนามัยโลกเปิดประชุมคณะผู้เชี่ยวชาญนัดเฉพาะกิจที่เมืองเจนีวาของสวิตเซอร์แลนด์ในเวลา 11.00 น. ของวันนี้ หรือตรงกับเวลา 17.00 น. ตามเวลาประเทศไทย เพื่อประเมินเกี่ยวกับสถานการณ์ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 กลายพันธุ์ใหม่ที่พบในแอฟริกาใต้ ท่ามกลางความวิตกกังวลที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก

เอเชียเข้มพรมแดนสกัดโควิดกลายพันธุ์ใหม่ในแอฟริกาใต้

สิงคโปร์ 26 พ.ย. – หลายประเทศและดินแดนในทวีปเอเชียต่างยกระดับการใช้มาตรการเข้มงวดพรมแดน หลังแอฟริกาใต้พบเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 กลายพันธุ์ใหม่ที่อาจหลบหลีกภูมิคุ้มกันจากวัคซีนโควิดได้ ขณะที่ข่าวดังกล่าวทำให้ตลาดหุ้นเอเชียทรุดหนักสุดในรอบ 3 เดือน และสร้างความหวั่นวิตกในตลาดค้าน้ำมันที่ร่วงลงกว่าร้อยละ 3 สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า สิงคโปร์เป็นประเทศที่ประกาศใช้มาตรการจำกัดการเดินทางจากแอฟริกาใต้และประเทศใกล้เคียงอย่างรวดเร็วเพื่อเป็นการป้องกันไว้ก่อน หลังจากที่อังกฤษได้ประกาศระงับเที่ยวบินจาก 6 ประเทศทางตอนใต้ของทวีปแอฟริกาชั่วคราว ได้แก่ แอฟริกาใต้ นามิเบีย บอตสวานา ซิมบับเว และเลโซโท ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป สำนักข่าวจิจิ นิวส์ ของญี่ปุ่น ระบุว่า รัฐบาลญี่ปุ่นได้ตัดสินใจยกระดับมาตรการควบคุมพรมแดนที่เข้มงวดขึ้นสำหรับผู้ที่เดินทางมาจากแอฟริกาใต้และอีก 5 ประเทศใกล้เคียง ส่วนรัฐบาลอินเดียได้ประกาศคำแนะนำให้รัฐทั้งหมดในอินเดียตรวจหาเชื้อโควิดและคัดกรองผู้เดินทางจากแอฟริกาใต้อย่างเข้มงวด รวมถึงประเทศอื่น ๆ ที่มีความเสี่ยงสูง ส่วนไต้หวันระบุว่า ผู้ที่เดินทางมาจากกลุ่มประเทศที่มีความเสี่ยงสูงทางตอนใต้ของทวีปแอฟริกาจะต้องกักตัวในสถานกักตัวของรัฐบาลเป็นเวลา 14 วัน สำนักข่าวรอยเตอร์สยังรายงานว่า ขณะนี้ นักวิทยาศาสตร์กำลังหาคำตอบเพิ่มเติมเกี่ยวกับการระบาดของเชื้อโควิดกลายพันธุ์ใหม่ที่พบครั้งแรกในแอฟริกาใต้ หรือมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า B.1.1.529 ขณะที่ข่าวดังกล่าวทำให้ตลาดหุ้นเอเชียทรุดหนักสุดในรอบ 3 เดือนเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา และสร้างความหวั่นวิตกในตลาดค้าน้ำมันที่ร่วงลงกว่าร้อยละ 3. -สำนักข่าวไทย

สิงคโปร์จะเว้นกักตัวชาวไทยที่ฉีดวัคซีนโควิดครบ

สิงคโปร์ 26 พ.ย. – สิงคโปร์จะอนุญาตให้ผู้เดินทางชาวไทยที่ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิดครบโดสเข้าประเทศได้โดยไม่ต้องกักตัวตั้งแต่วันที่ 14 ธันวาคมนี้ รวมถึงผู้เดินทางต่างชาติจากอีก 5 ประเทศตั้งแต่วันที่ 16 ธันวาคม สำนักงานการบินพลเรือนแห่งสิงคโปร์ประกาศในวันนี้ว่า สิงคโปร์จะอนุญาตให้ผู้เดินทางชาวไทยที่ฉีดวัคซีนโควิดครบโดสเดินทางเข้าประเทศได้โดยไม่ต้องกักตัวตั้งแต่วันที่ 14 ธันวาคมเป็นต้นไป และจะอนุญาตให้ผู้เดินทางต่างชาติจากอีก 5 ประเทศที่ฉีดวัคซีนครบโดส ได้แก่ กัมพูชา ฟิจิ มัลดีฟส์ ศรีลังกา และตุรกี เดินทางเข้าประเทศได้โดยไม่ต้องกักตัวตั้งแต่วันที่ 16 ธันวาคม การประกาศครั้งล่าสุดนี้จะทำให้สิงคโปร์ยกเว้นมาตรการกักตัวให้แก่ผู้เดินทางต่างชาติเพิ่มขึ้นเป็น 27 ประเทศ โดยที่ประเทศเหล่านี้มีอัตราผู้โดยสารที่เดินทางมายังท่าอากาศยานนานาชาติชางงีของสิงคโปร์สูงถึงร้อยละ 60 ต่อวันในช่วงก่อนเกิดการระบาดของโรคโควิด-19 สำนักงานการบินพลเรือนแห่งสิงคโปร์ยังระบุว่า ประกาศครั้งล่าสุดนี้จะช่วยขยายเครือข่ายการบินของท่าอากาศยานชางงีให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น รวมถึงช่วยฟื้นฟูและส่งเสริมสถานะศูนย์กลางการบินระหว่างประเทศของสิงคโปร์ที่มีเครือข่ายเชื่อมโยงทั่วโลก ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวจะทำให้ผู้เดินทางที่ฉีดวัคซีนครบโดสจากประเทศที่ได้รับอนุญาตไม่ต้องกักตัวเมื่อเดินทางถึงสิงคโปร์ แต่จะต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิดเพียงอย่างเดียว.-สำนักข่าวไทย

ฟิลิปปินส์จะเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 1 ธ.ค.

มะนิลา 26 พ.ย.-ฟิลิปปินส์จะทดลองเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ครบโดสในกลุ่มประเทศที่ฟิลิปปินส์จัดให้อยู่ระดับเสี่ยงติดเชื้อโควิดต่ำ ซึ่งรวมถึงประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคมเป็นต้นไป เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการระบาดของโรคโควิด-19 รักษาการโฆษกทำเนียบประธานาธิบดีของฟิลิปปินส์ ระบุวันนี้ว่า ฟิลิปปินส์จะอนุญาตให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิดครบโดสจากกลุ่มประเทศที่ฟิลิปปินส์จัดให้อยู่ในระดับเสี่ยงติดเชื้อโควิดต่ำ ซึ่งรวมถึงประเทศไทย เดินทางเข้าฟิลิปปินส์ได้ในเบื้องต้นเป็นเวลา 15 วัน ขณะนี้ทางการฟิลิปปินส์กำลังดำเนินนโยบายเปิดประเทศอย่างค่อยเป็นค่อยไป และคาดว่าจะขยายระยะเวลาที่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวพักอยู่ในฟิลิปปินส์นานขึ้นกว่าเดิมในภายหลัง ฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นประเทศที่มีชื่อเสียงด้านชายหาดและท้องทะเลที่อุดมสมบูรณ์ ไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศมาตั้งแต่เกิดการระบาดของโรคโควิด-19 ในช่วงต้นปี 2563 จนทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวหลักของฟิลิปปินส์ในประเทศต่าง ๆ เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และจีน เหลือเพียง 1.4 ล้านคนในปีที่แล้ว หรือคิดเป็นอัตราที่ลดลงถึงร้อยละ 83 เมื่อเทียบกับปี 2562 ก่อนหน้านี้ หลายประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้กลับมาใช้นโยบายเปิดประเทศอีกครั้งเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ เช่น ไทย เวียดนาม กัมพูชา มาเลเซีย สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย ขณะนี้ ฟิลิปปินส์มียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 2.8 ล้านคน และผู้เสียชีวิตกว่า 47,000 คน.-สำนักข่าวไทย

ฮ่องกงพบผู้ป่วยโควิดกลายพันธุ์ใหม่ที่พบในแอฟริกาใต้แล้ว

ฮ่องกง 26 พ.ย. – ฮ่องกงพบผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 กลายพันธุ์ชนิดใหม่ที่พบครั้งแรกในแอฟริกาใต้ 2 คนที่กักตัวอยู่ในโรงแรมแห่งหนึ่งบนเกาะเช็กแลปก๊กของฮ่องกงในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา สถานีวิทยุโทรทัศน์ฮ่องกง หรืออาร์ทีเอชเค รายงานวันนี้ว่า ฮ่องกงพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดกลายพันธุ์ใหม่ที่พบครั้งแรกในแอฟริกาใต้ หรือมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า B.1.1.529 จำนวน 2 คนที่กักตัวอยู่ในโรงแรมเรกัล แอร์พอร์ต บนเกาะเช็กแลปก๊ก ที่ตั้งของสนามบินนานาชาติของฮ่องกง ขณะที่หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ของสหรัฐรายงานอ้างศูนย์ป้องกันสุขภาพของฮ่องกงที่ยืนยันว่า ชายวัย 36 ปีที่เดินทางจากแอฟริกาใต้มายังฮ่องกงมีผลตรวจหาเชื้อโควิดเป็นบวกและติดเชื้อโควิดกลายพันธุ์ชนิดใหม่ 2 วันหลังเดินทางถึงฮ่องกงในวันที่ 11 พฤศจิกายน ทั้งนี้ ชายคนดังกล่าวได้แพร่เชื้อโควิดกลายพันธุ์ไปสู่ชายอีกคนที่มีอายุ 62 ปี เดินทางมาจากแคนาดา และกักตัวอยู่ห้องข้าง ๆ อาร์ทีเอชเคยังรายงานเพิ่มเติมว่า ชายที่เดินทางมาจากแอฟริกาใต้ได้สวมหน้ากากอนามัยแบบใช้ซ้ำที่มีวาล์วกรองอากาศ ขณะที่นักจุลชีววิทยาของมหาวิทยาลัยฮ่องกงได้เผยในเวลาต่อมาว่า หน้ากากอนามัยประเภทดังกล่าวมีส่วนทำให้เกิดการแพร่กระจายของเชื้อโควิดผ่านทางอากาศไปยังชายที่กักตัวอยู่ห้องข้าง ๆ ส่งผลให้รัฐบาลฮ่องกงต้องสั่งห้ามการใช้หน้ากากอนามัยประเภทดังกล่าวในระหว่างกักตัวที่โรงแรม ก่อนหน้านี้ นักวิทยาศาสตร์ของแอฟริกาใต้เผยเมื่อวันพฤหัสบดีตามเวลาท้องถิ่นว่า แอฟริกาใต้พบเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 กลายพันธุ์ชนิดใหม่ที่มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า B.1.1.529 โดยเชื้อดังกล่าวกลายพันธุ์ได้หลายครั้ง จนแตกต่างอย่างมากกับเชื้อไวรัสดั้งเดิมและเป็นต้นเหตุที่ทำให้ยอดผู้ป่วยติดเชื้อในแอฟริกาใต้พุ่งสูงขึ้น.-สำนักข่าวไทย

เหตุไฟไหม้เหมืองถ่านหินรัสเซีย ตายเพิ่มเป็นกว่า 50 ราย

สำนักข่าวของรัสเซียรายงานอ้างแหล่งข่าวไม่เผยนามเมื่อช่วงค่ำวันพฤหัสบดีตามเวลาท้องถิ่นว่า คาดว่าจะไม่มีผู้รอดชีวิตจากเหตุเพลิงไหม้เหมืองถ่านหินในรัสเซีย และคาดว่าจะมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 52 ราย ในจำนวนนี้ มีเจ้าหน้าที่กู้ภัย 6 ราย

แอฟริกาใต้พบเชื้อโควิดกลายพันธุ์ใหม่ “B.1.1.529”

โจฮันเนสเบิร์ก 26 พ.ย. – นักวิทยาศาสตร์ของแอฟริกาใต้เผยเมื่อวันพฤหัสบดีตามเวลาท้องถิ่นว่า แอฟริกาใต้พบเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 กลายพันธุ์ชนิดใหม่ที่มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า B.1.1.529 โดยเชื้อดังกล่าวสามารถกลายพันธุ์ได้หลายครั้ง และเป็นต้นเหตุที่ทำให้ยอดผู้ป่วยติดเชื้อในแอฟริกาใต้พุ่งสูงขึ้น นักไวรัสวิทยาของแอฟริกาใต้ แถลงว่า แอฟริกาใต้พบเชื้อโควิดกลายพันธุ์ชนิดใหม่ชื่อ B.1.1.529 ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่น่าวิตกกังวลในแอฟริกาใต้ เชื้อโควิดกลายพันธุ์ดังกล่าวสามารถกลายพันธุ์ได้หลายครั้ง และหวังว่าองค์การอนามัยโลกจะตั้งชื่อเชื้อโควิดกลายพันธุ์ชนิดนี้เป็นภาษากรีกเช่นเดียวกับเชื้อโควิดสายพันธุ์อื่น ๆ ในวันนี้ นอกจากนี้ เชื้อโควิด B.1.1.529 ยังเป็นต้นเหตุที่ทำให้ยอดผู้ป่วยติดเชื้อโควิดพุ่งสูงขึ้นในแอฟริกาใต้ และยังพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดชนิดนี้ที่บอตสวานาและฮ่องกง ในกลุ่มผู้เดินทางมาจากแอฟริกาใต้ ในขณะเดียวกัน องค์การอนามัยโลก ระบุว่า กำลังเฝ้าระวังสถานการณ์ระบาดของเชื้อโควิด B.1.1.529 อย่างใกล้ชิด และคาดว่าจะจัดการประชุมเฉพาะกิจในวันนี้ เพื่อพิจารณาว่าควรกำหนดให้เชื้อโควิดสายพันธุ์ดังกล่าวอยู่ในกลุ่มสายพันธุ์ที่น่าจับตาหรือสายพันธุ์ที่น่าวิตกกังวลหรือไม่ ทั้งยังระบุเพิ่มเติมว่า จากการวิเคราะห์ในเบื้องต้นพบว่า เชื้อโควิด B.1.1.529 สามารถกลายพันธุ์ได้หลายครั้ง และจำเป็นที่จะต้องศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้ต่อไป สำนักข่าวซีเอ็นเอของสิงคโปร์ รายงานว่า แอฟริกาใต้มียอดผู้ป่วยติดเชื้อโควิดรายวันพุ่งสูงขึ้นถึง 10 เท่า ตั้งแต่ในช่วงต้นเดือนนี้ ส่วนอังกฤษได้ประกาศระงับเที่ยวบินจาก 6 ประเทศในทวีปแอฟริกา ได้แก่ แอฟริกาใต้ นามิเบีย บอตสวานา ซิมบับเว […]

อังกฤษ-ฝรั่งเศสเห็นพ้องหยุดแก๊งค้ามนุษย์หลังเหตุเรือล่ม

ลอนดอน 25 พ.ย. – อังกฤษกับฝรั่งเศสจะพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อหยุดผู้อพยพที่เดินทางข้ามช่องแคบอังกฤษ หลังเกิดเหตุเรือลอบขนผู้อพยพล่มในช่องแคบดังกล่าวเมื่อวันพุธจนทำให้มีผู้เสียชีวิต 27 ราย ซึ่งถือเป็นโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตในช่องแคบอังกฤษมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2557 บรรษัทแพร่ภาพกระจายเสียงอังกฤษ หรือบีบีซี รายงานว่า นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ของอังกฤษ และประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส ระบุว่า ขบวนการค้ามนุษย์ทำให้ชีวิตของผู้อพยพตกอยู่ในความเสี่ยง หลังเกิดเหตุโศกนาฏกรรมขึ้นในช่องแคบอังกฤษเมื่อวันพุธ นายกรัฐมนตรีจอห์นสัน กล่าวว่า เขารู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และจะพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อหยุดยั้งขบวนการค้ามนุษย์ ทั้งยังระบุว่า แม้อังกฤษกับฝรั่งเศสจะเห็นพ้องต้องกันว่าจำเป็นต้องลงมือมากขึ้นเพื่อหยุดขบวนการนี้ แต่ก็เป็นเรื่องยากที่อังกฤษจะโน้มน้าวให้ฝรั่งเศสทำตามแนวทางที่อังกฤษเห็นว่าเหมาะสมต่อสถานการณ์ และมองว่าการที่รัฐบาลฝรั่้งเศสพยายามสั่งห้ามเรือผู้อพยพออกจากฝั่งนั้นยังไม่เพียงพอ โดยหวังว่าฝรั่้งเศสจะมีข้อเสนอใหม่ที่ทำให้เกิดการลาดตระเวนร่วมกันในน่านน้ำฝรั่งเศส ในขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ของทางการฝรั่งเศสระบุว่า ประธานาธิบดีมาครงได้กล่าวกับนายกรัฐมนตรีจอห์นสันว่า เขาคาดหวังความร่วมมือจากอังกฤษอย่างเต็มเปี่ยม และจะไม่โยงสถานการณ์ดังกล่าวให้เป็นประเด็นทางการเมือง ก่อนหน้านี้ อังกฤษได้ให้คำมั่นว่าจะสนับสนุนเงินให้ฝรั่งเศสราว 62.7 ล้านปอนด์ (2,790 ล้านบาท) ในช่วงปี 2564-2565 เพื่อช่วยในการเพิ่มหน่วยลาดตระเวนตามแนวชายฝั่ง การเฝ้าระวังทางอากาศ และโครงสร้างพื้นฐานด้านความปลอดภัยที่ท่าเรือ.-สำนักข่าวไทย

1 155 156 157 158 159 315