บ. ยาอังกฤษเผย “แอนติบอดีค็อกเทล” ต้านโอไมครอนได้

ลอนดอน 2 ธ.ค. – แกล็กโซสมิธไคลน์ หรือจีเอสเค บริษัทยาข้ามชาติของอังกฤษ เผยวันนี้ว่า ผลการวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการของยาแอนติบอดีแบบผสม หรือเป็นที่รู้จักกันในชื่อ แอนติบอดีค็อกเทล ที่บริษัทพัฒนาขึ้น มีประสิทธิภาพต้านเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนได้ จีเอสเคระบุในแถลงการณ์ว่า ผลการทดลองในห้องปฏิบัติการและการทดลองในหนูแฮมสเตอร์ชี้ให้เห็นว่า ยาโซโทรวิแมบ (sotrovimab) ซึ่งเป็นยาแอนติบอดีค็อกเทลที่บริษัทพัฒนาขึ้นร่วมกับเวียร์ ไบโอเทคโนโลยี อิงค์ บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพของสหรัฐ มีประสิทธิภาพต้านเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนที่สามารถกลายพันธุ์ได้มากมายหลายครั้ง ทั้งยังระบุว่า บริษัทกำลังรอผลการทดสอบเพื่อยืนยันเกี่ยวกับประสิทธิภาพในการต้านการกลายพันธุ์ทั้งหมดของเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน โดยคาดว่าจะได้รับข้อมูลเพิ่มเติมภายในสิ้นปีนี้ ในขณะเดียวกัน หน่วยงานกำกับดูแลยาของอังกฤษได้ประกาศอนุมัติใช้ยาโซโทรวิแมบในวันนี้ โดยที่ยาดังกล่าวเป็นที่รู้จักในอังกฤษภายใต้ชื่อแบรนด์ ‘ซีวูดี’ (Xevudy) และสามารถนำไปใช้รักษาโรคโควิดในกลุ่มผู้ป่วยติดเชื้อที่มีอาการเล็กน้อยถึงปานกลางที่มีความเสี่ยงสูงต่ออาการป่วยหนัก ทั้งนี้ สำนักงานกำกับดูแลยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพของอังกฤษ (MHRA) แนะนำให้ใช้ยาดังกล่าวโดยเร็วที่สุด หรือภายใน 5 วันหลังมีอาการป่วย.-สำนักข่าวไทย

นักบินฮ่องกงแห่ลาออกเพราะไม่พอใจนโยบายกักตัวเข้ม

ฮ่องกง 2 ธ.ค. – สายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิก ของฮ่องกง กำลังประสบปัญหานักบินลาออกเป็นจำนวนมากในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากไม่พอใจมาตรการกักตัวที่เข้มงวดของฮ่องกงและมุ่งหาโอกาสใหม่ในการทำงานกับสายการบินต่างชาติ นักบิน 4 คนที่ไม่เผยนามของสายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิก เผยว่า มีนักบินหลายสิบคนลาออกในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา และมีหลายคนที่ยื่นใบสมัครไปยังสายการบินคู่แข่งที่เปลี่ยนไปใช้ยุทธศาสตร์อยู่ร่วมกับเชื้อโควิด ทั้งยังมีนักบินอีกหลายคนที่ทนไม่ไหวกับการใช้มาตรการควบคุมโรคโควิดอย่างเข้มงวดจนเกินไป เช่น ระยะเวลากักตัวที่ยาวนานที่ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อสภาพจิตใจของนักบินและครอบครัว ขณะที่นักบินเที่ยวบินขนส่งสินค้าคนหนึ่งกล่าวว่า เขาวางแผนลาออกภายใน 6 เดือนหน้า และกำลังหางานในสายการบินต่างประเทศ เช่น แถบตะวันออกกลางหรืออเมริกาเหนือ เนื่องจากเขารู้สึกเหนื่อยใจอย่างมากกับข้อกำหนดกักตัวในโรงแรมสูงสุดถึง 12 วัน ข่าวลาออกของนักบินสายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิก มีขึ้นในขณะที่ฮ่องกงยังคงใช้นโยบายควบคุมยอดผู้ป่วยติดเชื้อโควิดให้เป็นศูนย์ตามรัฐบาลจีน ซึ่งเป็นแนวทางที่ทำให้ฮ่องกงปลอดเชื้อโควิด แต่ก็ถูกทิ้งให้โดดเดี่ยวในระดับนานาชาติ ขณะที่บรรดาผู้นำของฮ่องกงระบุว่า การเปิดพรมแดนระหว่างฮ่องกงกับจีนต้องเกิดขึ้นก่อนที่จะเปิดการเดินทางกับประเทศอื่น ๆ ซึ่งถือเป็นยุทธศาสตร์ที่สร้างความตื่นตระหนกให้แก่บริษัทข้ามชาติที่ตั้งอยู่ในศูนย์กลางทางการเงินที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก.-สำนักข่าวไทย

นักต่อต้านวัคซีนโควิดชาวอเมริกันเสียชีวิตเพราะโรคโควิด

วอชิงตัน 2 ธ.ค. – นายมาร์คัส แลมบ์ ผู้ก่อตั้งเครือข่ายสถานีโทรทัศน์คริสเตียนและเป็นชาวอเมริกันผู้ที่ต่อต้านวัคซีนป้องกันโรคโควิดคนสำคัญ เสียชีวิตหลังเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลเนื่องจากติดเชื้อโควิด-19 นางโจนี แลมบ์ ภรรยาของนายมาร์คัส แลมบ์ ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งเครือข่ายสถานีโทรทัศน์คริสเตียนชื่อ เดย์สตาร์ เทเลวิชั่น เน็ตเวิร์ก ในปี 2540 ประกาศข่าวการเสียชีวิตของนายแลมบ์ในรายการของสถานีโทรทัศน์ที่ถ่ายทอดสดผ่านเฟซบุ๊กเมื่อวันอังคารตามเวลาท้องถิ่น นางแลมบ์ระบุว่า นายแลมบ์เป็นโรคเบาหวานและมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงดี แต่ต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลหลังติดเชื้อโควิด หลังจากนั้น สามีของเธอก็พยายามใช้วิธีการรักษาโรคโควิดและปอดบวมที่หลากหลาย รวมถึงวิธีที่เคยกล่าวถึงในเดย์สตาร์ ซึ่งเธออ้างว่าตัวเองเคยใช้วิธีเหล่านี้จนหายป่วยจากโรคโควิด นางแลมบ์ยังระบุว่า วิธีดังกล่าวทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดของนายแลมบ์พุ่งสูงและระดับออกซิเจนในร่างกายลดลงจนเขาต้องเข้าโรงพยาบาลเพื่อเข้ารับการรักษา สามีของเธอเชื่อมั่นเต็มร้อยเกี่ยวกับวิธีการรักษาโรคโควิดที่เคยพูดถึงในเดย์สตาร์ ซึ่งช่วยให้ผู้คนทั่วโลกรู้วิธีรักษาโรคโควิดตั้งแต่เนิ่น ๆ อย่างไรก็ดี หัวใจของนายแลมบ์กลับหยุดเต้นในเวลาต่อมา ก่อนหน้านี้ นายแลมบ์มักพูดจาต่อต้านการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิดในรายการอยู่เสมอ ครั้งหนึ่ง เขาเคยเชิญนายโรเบิร์ต เอฟ เคนเนดี จูเนียร์ นักต่อต้านวัคซีนโควิดชื่อดัง ซึ่งเป็นหลานชายของอดีตประธานาธิบดีจอห์น เอฟ เคนเนดี และนายเดล บิ๊กทรี นักต่อต้านวัคซีนโควิดและผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ มาร่วมรายการในช่วงต้นปีที่ผ่านมา โดยที่นายแลมบ์กล่าวว่า วัคซีนป้องกันโรคโควิดไม่ใช่วัคซีนจริง แต่เป็นวัคซีนทดลองที่เป็นอันตราย ทั้งยังอ้างว่าจะมีผู้คนล้มตายหรือเป็นโรคเกี่ยวกับความผิดปกติทางระบบประสาทจำนวนมากหลังฉีดวัคซีน อย่างไรก็ดี ผลการศึกษาของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ หรือซีดีซี […]

โมเดอร์นาเผยอาจมีวัคซีนกระตุ้นภูมิต้านโอไมครอน มี.ค. 65

นิวยอร์ก 2 ธ.ค. – นายสตีเฟน โฮก ประธานของโมเดอร์นา อิงค์ บริษัทเวชภัณฑ์ของสหรัฐ เผยเมื่อวันพุธตามเวลาท้องถิ่นว่า โมเดอร์นาอาจมีวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกันต้านเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนที่ผ่านการทดสอบและพร้อมยื่นขออนุมัติต่อหน่วยงานกำกับดูแลยาของสหรัฐได้เร็วสุดในเดือนมีนาคมปีหน้า นายโฮกกล่าวกับสำนักข่าวรอยเตอร์สว่า เขาเชื่อว่าวัคซีนเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกันต้านเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนจะเป็นวิธีที่รวดเร็วที่สุดในการแก้ปัญหาประสิทธิภาพของวัคซีนที่ลดลงจากเชื้อดังกล่าว แต่อาจจะต้องใช้เวลาราว 3-4 เดือนเพื่อให้เสร็จสิ้นกระบวนการทดลองทางคลินิกในระยะกลางตามคำแนะนำของสำนักงานอาหารและยาของสหรัฐ หรือเอฟดีเอ เขาคาดว่าวัคซีนเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกันต้านเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนไม่อาจเสร็จทันก่อนเดือนมีนาคม หรืออาจเป็นช่วงไตรมาสที่สองของปีหน้า ยกเว้นว่าเอฟดีเอจะเปลี่ยนแปลงคำแนะนำเกี่ยวกับข้อมูลจำเป็นที่ใช้ในการอนุมัติ นายโฮกยังระบุว่า โมเดอร์นามีความพร้อมในการผลิตในขณะที่วัคซีนกำลังอยู่ในกระบวนการทดสอบเพื่อให้ส่งมอบวัคซีนได้อย่างรวดเร็ว ขณะนี้ เอฟดีเอกำลังประเมินผลกระทบของวัคซีนป้องกันโรคโควิดที่เกิดขึ้นจากเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน โดยที่เอฟดีเอสามารถร่นระยะเวลาดำเนินการให้รวดเร็วขึ้นคล้ายกับแนวทางอนุมัติวัคซีนไข้หวัดใหญ่ด้วยการอนุมัติการเปลี่ยนแปลงของเชื้อไวรัสในสายพันธุ์ไข้หวัดใหญ่ ซึ่งจะช่วยให้ลดระยะเวลาลงราว 3-4 เดือน นอกจากนี้ นายโฮกยังเผยว่า โมเดอร์นากำลังทดสอบว่าผู้ที่ได้รับวัคซีนโควิดครบสองโดสจะมีภูมิคุ้มกันต้านเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนได้หรือไม่ รวมถึงการทดสอบในกลุ่มผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นโดสละ 50 ไมโครกรัมกับโดสละ 100 ไมโครกรัม โดยที่เขายังคงเชื่อว่าวัคซีนโควิดที่มีอยู่ในขณะนี้จะช่วยชะลอการระบาดได้ แม้อาจจะยังไม่สามารถยับยั้งเชื้อโควิดโอไมครอนได้ก็ตาม.-สำนักข่าวไทย

WTA สั่งระงับจัดแข่งเทนนิสในจีนจากกรณี “เผิง ฉ่วย”

วอชิงตัน 2 ธ.ค. – สมาคมนักเทนนิสอาชีพหญิง หรือดับเบิลยูทีเอ ประกาศในวันพุธตามเวลาท้องถิ่นว่า สมาคมฯ จะระงับการจัดแข่งขันเทนนิสหญิงทุกรายการในประเทศจีน เนื่องจากยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของเผิง ฉ่วย นักเทนนิสหญิงชาวจีนชื่อดังที่กล่าวหาว่าถูกอดีตรองนายกรัฐมนตรีจีนล่วงละเมิดทางเพศ สตีฟ ไซมอน ประธานของดับเบิลยูทีเอ ระบุว่า สมาคมฯ จะระงับการจัดแข่งขันเทนนิสหญิงทุกรายการในจีน ซึ่งรวมถึงในฮ่องกง เนื่องจากเขาไม่แน่ใจว่าจะขอให้นักเทนนิสทั่วโลกเดินทางไปเข้าร่วมการแข่งขันในจีนได้อย่างไร ในขณะที่เผิงไม่ได้รับอนุญาตให้สื่อสารได้อย่างอิสระและดูเหมือนว่าเธอถูกกดดันให้พูดขัดแย้งกับในสิ่งที่เคยออกมาเปิดโปงก่อนหน้านี้ว่าถูกล่วงละเมิดทางเพศ สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ทำให้เขารู้สึกวิตกกังวลอย่างมากเกี่ยวกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับนักเทนนิสหญิงและเจ้าหน้าที่ของสมาคมในการจัดแข่งขันเทนนิสในจีนปีหน้า ไซมอนยังกล่าวว่า แม้ตอนนี้จะรู้ว่าเผิงอยู่ที่ไหน แต่เขาก็ยังคงสงสัยอย่างมากเกี่ยวกับอิสรภาพและความปลอดภัยของเผิง รวมถึงการถูกทางการจีนสั่งปิดปากเงียบ บังคับ หรือข่มขู่ สมาคมฯ ได้เน้นย้ำอย่างชัดเจนเกี่ยวกับสิ่งที่จีนควรดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องนี้มาโดยตลอด และยังคงเรียกร้องให้มีการสอบสวนที่โปร่งใสและไม่ปิดกั้นอย่างเต็มรูปแบบเกี่ยวกับข้อกล่าวหาล่วงละเมิดทางเพศของเผิง ทั้งนี้ เขาหวังว่าทางการจีนจะรับฟังข้อเรียกร้องของสมาคมและดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างถูกกฎหมาย ก่อนหน้านี้ เผิง วัย 35 ปี อดีตนักเทนนิสหญิงมือวางอันดับ 1 ของโลกประเภทคู่ ไม่ปรากฏตัวต่อสาธารณะเกือบ 3 สัปดาห์ หลังออกมาเปิดโปงผ่านเวย์ปั๋วว่า เธอถูกนายจาง เกาหลี อดีตรองนายกรัฐมนตรีของจีน วัย 75 ปี บังคับให้มีเพศสัมพันธ์ในความสัมพันธ์แบบรัก ๆ เลิกๆ มานานหลายปี […]

สหรัฐพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดโอไมครอนรายแรกแล้ว

วอชิงตัน 2 ธ.ค. – สหรัฐพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนรายแรกที่รัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็นผู้ที่เดินทางกลับมาจากแอฟริกาใต้เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน และมีผลตรวจหาเชื้อโควิดเป็นบวกในวันที่ 29 พฤศจิกายน นพ. แอนโทนี เฟาชี ผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติของสหรัฐ แถลงที่ทำเนียบขาวเมื่อวันพุธตามเวลาท้องถิ่นว่า ผู้ป่วยติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนเป็นผู้ที่เดินทางกลับจากแอฟริกาใต้เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน ซึ่งเป็นช่วงที่สหรัฐยังไม่ได้ประกาศใช้คำสั่งระงับการเดินทาง และมีผลตรวจหาเชื้อโควิดเป็นบวกในวันที่ 29 พฤศจิกายน ขณะนี้ ผู้ป่วยติดเชื้อคนดังกล่าวกำลังอยู่ในระหว่างการกักตัวเอง ส่วนผู้ที่มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดมีผลตรวจหาเชื้อโควิดเป็นลบ ทั้งยังระบุว่า ผู้ป่วยคนนี้ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิดครบสองโดส มีอาการป่วยเล็กน้อย และกำลังมีอาการดีขึ้น ขณะที่ นพ. แกรนท์ โคลแฟกซ์ ผู้อำนวยการสำนักงานสาธารณสุขของเมืองซานฟรานซิสโกกล่าวว่า ผู้ติดเชื้อรายนี้ยังไม่ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้น ในขณะเดียวกัน หน่วยงานสาธารณสุขเมืองซานฟรานซิสโกและรัฐแคลิฟอร์เนียยืนยันว่า ผู้ป่วยคนดังกล่าวติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนหลังได้รับผลการจัดลำดับพันธุกรรมจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียที่ตั้งอยู่ในเมืองซานฟรานซิสโก ด้านศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ หรือซีดีซี ก็ยืนยันเช่นเดียวกันว่าผู้ป่วยคนนี้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน.-สำนักข่าวไทย

เยอรมนีพบคนติดโควิดโอไมครอนแม้ฉีดวัคซีนครบโดส

เบอร์ลิน 1 ธ.ค. – สำนักงานสาธารณสุขท้องถิ่นของเยอรมนีระบุวันนี้ว่า พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนในพื้นที่ทางใต้ของประเทศ แม้ว่าทั้งหมดได้รับการฉีดวัคซีนโควิดครบสองโดส ขณะที่ทางการเยอรมนีรายงานยอดผู้เสียชีวิตรายวันจากโรคโควิด-19 สูงสุดในรอบ 9 เดือน สำนักงานสาธารณสุขของรัฐบาเดิน-เวอร์ทเทมแบร์กในเยอรมนีระบุว่า พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน 4 คนในพื้นที่ทางตอนใต้ของประเทศ แม้ทั้งหมดได้รับการฉีดวัคซีนโควิดครบสองโดสแล้วก็ตาม ในจำนวนนี้ มีผู้ป่วยติดเชื้อ 3 คนที่เพิ่งเดินทางกลับจากแอฟริกาใต้ในวันที่ 26 และ 27 พฤศจิกายน และผู้ป่วยติดเชื้ออีกคนเป็นสมาชิกครอบครัวของหนึ่งในผู้ป่วยที่เพิ่งเดินทางกลับมาจากแอฟริกาใต้ โดยที่ทั้งหมดมีอาการป่วยเล็กน้อย สถาบันโรเบิร์ต ค็อก หรืออาร์เคไอ ซึ่งเป็นหน่วยงานควบคุมและป้องกันโรคของเยอรมนี รายงานวันนี้ว่า พบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ 67,186 คน และผู้เสียชีวิต 446 คน ซึ่งเป็นตัวเลขผู้เสียชีวิตสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 18 กุมภาพันธ์ของปีนี้ ทำให้เยอรมนีมียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 5.8 ล้านคน และผู้เสียชีวิตกว่า 101,000 คน ในขณะเดียวกัน รัฐบาลกลางและรัฐบาลท้องถิ่นของเยอรมนีได้ลงมติเห็นชอบเมื่อวันอังคารในการใช้มาตรการควบคุมการระบาดระลอกที่สี่ เช่น การเร่งฉีดวัคซีนโควิดและการจำกัดการพบปะทางสังคม โดยเฉพาะในกลุ่มประชาชนที่ยังไม่ฉีดวัคซีนโควิด นอกจากนี้ บรรดาผู้นำของเยอรมนียังเห็นด้วยต่อการตัดสินใจอย่างหนักแน่นในวันพฤหัสบดีเกี่ยวกับข้อเสนอต่าง ๆ เช่น […]

ที่ปรึกษาเอฟดีเอสหรัฐไฟเขียวให้ใช้ยาโมลนูพิราเวียร์

วอชิงตัน 1 ธ.ค. – คณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญที่เป็นที่ปรึกษาของสำนักงานอาหารและยาสหรัฐ หรือเอฟดีเอ มีมติอย่างเฉียดฉิวเห็นชอบให้เอฟดีเออนุมัติใช้ยาโมลนูพิราเวียร์ของเมิร์ค แอนด์ โค บริษัทเวชภัณฑ์ของสหรัฐ เพื่อรักษาโรคโควิด-19 ด้วยคะแนนเสียง 13 ต่อ 10 นพ. เดวิด ฮาร์ดี หนึ่งในคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญที่เป็นที่ปรึกษาของเอฟดีเอและลงมติเห็นชอบให้อนุมัติการใช้ยาโมลนูพิราเวียร์ กล่าวว่า การระบาดของโรคโควิด-19 ยังคงอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉิน และมีความจำเป็นต้องพึ่งยาโมลนูพิราเวียร์ หากเอฟดีเออนุมัติใช้ยังดังกล่าว ก็จะถือเป็นครั้งแรกที่มียารักษาโรคโควิด-19 แบบรับประทานให้แก่กลุ่มผู้ป่วยนอกที่มีอาการป่วยเล็กน้อยถึงปานกลาง แม้ว่าเขาจะยังคงมีข้อสงสัยเกี่ยวกับประสิทธิภาพในระยะยาวของยาโมลนูพิราเวียร์ก็ตาม ขณะที่คณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญอีกหลายคนที่ลงมติเห็นชอบระบุว่า ผลการทดลองทางคลินิกที่ชี้ว่ายอดผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ที่ลดลงในกลุ่มอาสาสมัครที่รับยาดังกล่าวทำให้พวกเขาลงมติเห็นชอบให้เอฟดีเออนุมัติใช้ยาโมลนูพิราเวียร์ ทั้งนี้ หากเอฟดีเออนุมัติใช้ยาโมลนูพิราเวียร์ จะทำให้ยาดังกล่าวกลายเป็นยารักษาโรคโควิด-19 แบบรับประทานขนานแรกที่ใช้สำหรับผู้ป่วยติดเชื้อที่รักษาตัวที่บ้านได้นับตั้งแต่เกิดการระบาดของโรคโควิด-19 เกือบครบสองปี อย่างไรก็ดี เมิร์ค แอนด์ โค ได้เปิดเผยข้อมูลล่าสุดเมื่อสัปดาห์ก่อนที่ระบุว่า ยาโมลนูพิราเวียร์อาจมีประสิทธิภาพต้านเชื้อโควิดลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยมีอัตราลดอาการป่วยเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลและเสียชีวิตในกลุ่มคนเสี่ยงติดเชื้อโควิดสูงที่ร้อยละ 30 ซึ่งลดลงจากเดิมที่มีร้อยละ 50.-สำนักข่าวไทย

ฮ่องกงแยกเชื้อโควิดโอไมครอนสำเร็จที่แรกในเอเชีย

ฮ่องกง 1 ธ.ค. – นักวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยฮ่องกงประสบความสำเร็จจากการแยกเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนในขั้นตอนเก็บตัวอย่างส่งตรวจทางคลินิกเป็นแห่งแรกในทวีปเอเชีย ซึ่งกระบวนการดังกล่าวจะช่วยในการพัฒนาวัคซีนโควิดที่มีประสิทธิภาพป้องกันเชื้อดังกล่าวได้ในอนาคต มหาวิทยาลัยฮ่องกงระบุในแถลงการณ์เมื่อวันอังคารว่า นักวิจัยของภาควิชาจุลชีววิทยาของมหาวิทยาลัยฮ่องกงประสบความสำเร็จจากการแยกเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนในขั้นตอนเก็บตัวอย่างส่งตรวจทางคลินิกที่สามารถช่วยให้เกิดการพัฒนาและผลิตวัคซีนต้านเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน ซึ่งองค์การอนามัยโลกจัดให้อยู่ในกลุ่มสายพันธุ์ที่น่าวิตกกังวล ขณะนี้ คณะนักวิจัยกำลังนำเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนไปศึกษาในด้านการแพร่กระจาย ความสามารถในการหลี่กเลี่ยงภูมิคุ้มกันจากวัคซีน และความสามารถก่อโรคด้วยการทดลองในสัตว์ มหาวิทยาลัยฮ่องกงยังระบุว่า คณะนักวิจัยกำลังศึกษาเกี่ยวกับโอกาสในการพัฒนาและผลิตวัคซีนต้านเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนอย่างเร่งด่วนด้วยเทคโนโลยีวัคซีนเชื้อตาย ทั้งนี้ คณะนักวิจัยของมหาวิทยาลัยฮ่องกงประสบความสำเร็จจากการแยกเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนได้ในช่วงค่ำวันจันทร์ ซึ่งใช้เวลาเพียง 4 วันหลังฮ่องกงพบผู้ป่วยติดเชื้อดังกล่าว 2 รายแรกในวันที่ 25 พฤศจิกายน และเป็นเวลา 5 วันหลังจากแอฟริกาใต้แจ้งต่อองค์การอนามัยโลกว่าพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนเป็นครั้งแรกในวันที่ 24 พฤศจิกายน.-สำนักข่าวไทย

อนามัยโลกเตือนคำสั่งห้ามเดินทางไม่ช่วยสกัดโอไมครอน

เจนีวา 1 ธ.ค. – องค์การอนามัยโลกเตือนว่า การใช้มาตรการห้ามการเดินทางแบบปูพรมกว้างขวางไปทั่วจะไม่ช่วยป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนท่ามกลางสถานการณ์ที่หลายประเทศรีบประกาศใช้มาตรการดังกล่าวมากขึ้น ในขณะที่ภูมิภาคลาตินอเมริกาพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน 2 รายแรกแล้ว องค์การอนามัยโลกระบุเมื่อวันอังคารตามเวลาท้องถิ่นว่า การใช้มาตรการห้ามการเดินทางที่ครอบคลุมเสี่ยงที่จะทำให้เกิดผลร้ายมากกว่าผลดี หลังแคนาดาประกาศห้ามอีก 3 ประเทศจากทวีปแอฟริกาเดินทางเข้าประเทศ ได้แก่ ไนจีเรีย มาลาวี และอียิปต์ องค์การอนามัยโลกยังระบุในประกาศคำแนะนำการเดินทางว่า การใช้มาตรการดังกล่าวจะทำให้เกิดอุปสรรคระหว่างประเทศต่าง ๆ ในด้านการแบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน อย่างไรก็ดี องค์การอนามัยโลกได้แนะนำให้ผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงติดเชื้อโควิดสูงและยังไม่ฉีดวัคซีนโควิด ซึ่งรวมถึงผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป หลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังพื้นที่ที่มีการระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน ดร. ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก กล่าวว่า เขาเข้าใจว่าประเทศต่าง ๆ ต้องหาทางปกป้องพลเมืองของตนจากเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนที่ยังไม่มีข้อมูลอธิบายอย่างชัดเจน แต่เขาขอให้ทั่วโลกอย่าตื่นตระหนก ให้ความร่วมมือ และทำงานร่วมกันอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งเรียกร้องให้ประเทศต่าง ๆ ใช้มาตรการควบคุมเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนอย่างสมเหตุสมผล ในขณะเดียวกัน ภูมิภาคลาตินอเมริการะบุเมื่อวันอังคารตามเวลาท้องถิ่นว่า พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน 2 รายแรกที่เดินทางจากแอฟริกาใต้ไปยังบราซิล ขณะที่ญี่ปุ่นเผยว่า พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนรายแรกเมื่อวานนี้หลังใช้มาตรการห้ามผู้เดินทางต่างชาติเข้าประเทศได้เพียงวันเดียว ขณะนี้ มีหลายสิบประเทศและดินแดนทั่วโลกที่พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน เช่น ออสเตรเลีย อังกฤษ […]

เกาหลีใต้มียอดป่วยโควิดทะลุ 5,000 คนครั้งแรก

โซล 1 ธ.ค. – เกาหลีใต้ระบุวันนี้ว่า พบผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ทะลุ 5,000 คนเป็นครั้งแรก และมีตัวเลขผู้ป่วยอาการหนักพุ่งสูงสุดเช่นกัน ท่ามกลางสถานการณ์ที่ทั่วโลกกำลังวิตกกังวลเกี่ยวกับการระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน สำนักงานควบคุมและป้องกันโรคเกาหลี หรือเคดีซีเอ รายงานว่า เกาหลีใต้พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดรายใหม่ 5,123 คน ในจำนวนนี้เป็นผู้ป่วยติดเชื้อในประเทศ 5,075 คน และทำลายสถิติผู้ป่วยติดเชื้อสูงสุดที่มี 4,115 คนเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน ทั้งยังระบุว่า พบผู้เสียชีวิตจากโรคโควิดเพิ่ม 34 คน ทำให้มียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 452,000 คน และผู้เสียชีวิตกว่า 3,600 คน นอกจากนี้ เกาหลีใต้ยังมีตัวเลขผู้ป่วยติดเชื้ออาการหนัก 723 คน ทำลายสถิติสูงสุดก่อนหน้าที่มี 661 คนเมื่อวันอังคาร สถานการณ์ระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนทั่วโลกทำให้ทางการเกาหลีใต้เพิ่มความระมัดระวังอย่างมาก หลังเกาหลีใต้พบผู้ป่วยโรคโควิด-19 รายแรกที่ต้องสงสัยว่าอาจติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน แต่เคดีซีเอระบุว่าจำเป็นต้องรอผลการจัดลำดับพันธุกรรมในวันนี้ ขณะนี้ เกาหลีใต้ฉีดวัคซีนโควิดโดสแรกให้ประชาชนราว 42.5 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 83 และฉีดวัคซีนครบสองโดสได้ […]

ซีอีโอไบออนเทคคาดวัคซีนไฟเซอร์อาจกันโอไมครอนได้

แฟรงก์เฟิร์ต 1 ธ.ค. – นายอูเกอร์ ซาฮิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอ ของไบออนเทค บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพของเยอรมนี ระบุว่า วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของไฟเซอร์/ไบออนเทค มีแนวโน้มที่จะป้องกันอาการป่วยรุนแรงจากเชื้อโควิดสายพันธุ์ไอไมครอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ นายซาฮินเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์สว่า ไบออนเทคกำลังดำเนินการทดสอบวัคซีนป้องกันโรคโควิดที่ใช้เวลา 2 สัปดาห์วิเคราะห์ผลเลือดของกลุ่มอาสาสมัครที่ได้รับการฉีดวัคซีนของไฟเซอร์/ไบออนเทค 2-3 เข็ม เพื่อให้ได้คำตอบว่าแอนติบอดีที่อยู่เลือดจะยับยั้งเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนได้หรือไม่ และจำเป็นที่จะต้องพัฒนาวัคซีนใหม่หรือไม่ อย่างไรก็ดี ไบออนเทคคาดการณ์ว่าผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีน 2-3 เข็มมีแนวโน้มที่จะได้รับการป้องกันจากอาการป่วยหนักที่เกิดขึ้นจากการติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน นายซาฮินคาดว่าผลการทดสอบวัคซีนในห้องปฏิบัติการจะชี้ว่าวัคซีนป้องกันโรคโควิดจะมีประสิทธิภาพลดลงเล็กน้อยถึงปานกลาง เนื่องจากการระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน แต่ก็เป็นสิ่งที่ยากจะคาดเดาว่าจะลดลงเหลือเท่าใด ขณะนี้ ไบออนเทคกำลังเร่งพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคโควิดรุ่นอัปเกรดประสิทธิภาพ แม้ว่าจะยังคงไม่มีความชัดเจนว่าจำเป็นต้องทำเช่นนั้นหรือไม่ เขายังกล่าวว่า การฉีดวัคซีนโควิดเข็มที่สามเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันมีแนวโน้มที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันความรุนแรงของโรคในทุกระดับเมื่อเทียบกับการฉีดวัคซีนสองเข็ม ทั้งนี้ ความมั่นใจในประสิทธิภาพวัคซีนไฟเซอร์/ไบออนเทคของนายซาฮินถือเป็นท่าทีที่แตกต่างจากนายสเตฟาน บานเซล ซีอีโอของโมเดอร์นา ซึ่งออกมาระบุก่อนหน้านี้ว่า วัคซีนโควิดที่มีอยู่ในปัจจุบันอาจมีประสิทธิภาพลดลงเมื่อเจอสายพันธุ์โอไมครอน.-สำนักข่าวไทย

1 153 154 155 156 157 315