เวียดนามสั่งจำคุกผู้ลักลอบค้านอแรดหนักสุดเป็นประวัติการณ์

ฮานอย 8 ธ.ค. – ศาลเวียดนามสั่งจำคุกผู้ลักลอบค้านอแรดเป็นเวลาสูงสุดถึง 14 ปี ซึ่งถือเป็นโทษจำคุกที่ยาวนานที่สุดเป็นประวัติการณ์ในการพิพากษาคดีเกี่ยวกับการค้าสัตว์ป่าของเวียดนาม องค์กรการศึกษาเพื่อธรรมชาติของเวียดนาม (ENV) ซึ่งเป็นกลุ่มอนุรักษ์สัตว์ป่าของเวียดนาม เผยวันนี้ว่า ศาลเวียดนามได้ตัดสินจำคุก นายโต มินห์ โทน ชาวเวียดนาม วัย 36 ปี เป็นเวลา 14 ปีจากคดีค้าและลักลอบขนนอแรดจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เข้ามาในเวียดนาม คำพิพากษาดังกล่าวมีขึ้นหลังจากเจ้าหน้าที่ศุลกากรของท่าอากาศยานนานาชาติโหน่ยบ่ายในกรุงฮานอยได้ตรวจพบนอแรด 55 ชิ้น ซึ่งมีน้ำหนักรวมราว 125 กิโลกรัม ในปี 2562 จากการลักลอบนำเข้าอย่างแนบเนียนด้วยการหล่อปูนปลาสเตอร์ห่อหุ้มนอแรดไว้ ทั้งยังระบุเพิ่มเติมว่า บทลงโทษดังกล่าวถือว่ารุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์การพิพากษาคดีที่เกี่ยวข้องกับการค้านอแรดและการค้าสัตว์ป่าของเวียดนาม ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเจ้าหน้าที่ของเวียดนามเริ่มจริงจังกับการใช้บทลงโทษรุนแรงเพื่อปราบปรามกลุ่มผู้ค้าสัตว์ป่าโดยผิดกฎหมาย องค์กรดังกล่าวยังระบุว่า เวียดนามมีคดีที่เกี่ยวข้องกับการค้านอแรกทั้งหมด 317 คดีนับตั้งแต่ปี 2560 ในจำนวนนี้ มีผู้ค้านอแรดที่ถูกจับกุมและตั้งข้อหา 24 คน โดยส่วนใหญ่ผู้ที่มีความผิดมักถูกตัดสินจำคุกเป็นเวลากว่า 5 ปี ทั้งนี้ เวียดนามถือเป็นศูนย์กลางการบริโภคและจุดแวะพักยอดนิยมสำหรับการค้าอวัยวะสัตว์ป่าที่มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ทางการเวียดนามได้ให้คำมั่นมาเป็นเวลานานแล้วว่าจะปราบปรามขบวนการค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมายข้ามพรมแดน แต่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนให้ความเห็นว่า ยังคงมีตลาดมืดค้าสัตว์ป่าอยู่ในเวียดนาม เนื่องจากการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่เข้มงวด.-สำนักข่าวไทย

นายกฯ ฟินแลนด์ถูกตำหนิเที่ยวคลับโต้รุ่งแม้โควิดระบาด

เฮลซิงกิ 8 ธ.ค. – นายกรัฐมนตรีซันนา มาริน ของฟินแลนด์ ตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักเมื่อวันอังคารตามเวลาท้องถิ่น หลังมีรายงานว่าเธอไปเต้นรำที่ไนต์คลับแห่งหนึ่งในกรุงเฮลซิงกิกับเพื่อนฝูงจนถึงเวลาเกือบโต้รุ่งในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งที่รู้ว่าตนเองมีประวัติสัมผัสผู้ป่วยติดเชื้อโควิด นายกรัฐมนตรีมาริน วัย 36 ปี กล่าวขอโทษเมื่อวันจันทร์ หลังนิตยสารซุบซิบของฟินแลนด์เผยแพร่ภาพถ่ายที่เธอเข้าไนต์คลับแห่งหนึ่งในกรุงเฮลซิงกิเมื่อคืนวันเสาร์และเต้นรำอยู่ในร้านกับเพื่อนฝูงจนเกือบถึงเวลา 04.00 น. ของอีกวัน ทั้งที่นายเปกกา ฮาวิสโต รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของฟินแลนด์เพิ่งมีผลตรวจหาเชื้อโควิดเป็นบวกเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ ผู้นำฟินแลนด์โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กว่า เธอและสามีได้ออกไปรับประทานอาหารนอกบ้าน ซื้อของใช้ พบปะกับเพื่อน ๆ และใช้เวลาอยู่ร่วมกันตั้งแต่ช่วงเย็นไปจนถึงตลอดคืนนั้น ทั้งยังระบุเพิ่มเติมว่า เจ้าหน้าที่ของฟินแลนด์แจ้งเธอว่ามาตรการควบคุมโรคโควิด-19 ของประเทศไม่ได้กำหนดให้เธอต้องแยกกักตัวเพื่อรอดูอาการ แม้ว่าเธอมีประวัติสัมผัสผู้ป่วยติดเชื้อโควิดก็ตาม อย่างไรก็ดี เธอยอมรับว่าควรใช้วิจารณญาณให้มากกว่านี้ และควรตรวจสอบข้อกำหนดต่าง ๆ ให้รอบคอบยิ่งขึ้น พร้อมกล่าวขอโทษทุกคนจากการกระทำในครั้งนี้ ในขณะเดียวกัน ผลสำรวจความคิดเห็นของสถานีโทรทัศน์เอ็มทีวี 3 ของฟินแลนด์ระบุว่า ผู้ตอบแบบสอบถามราว 2 ใน 3 หรือคิดเป็นร้อยละ 66 มองว่าการไปเที่ยวไนต์คลับของนายกรัฐมนตรีมารินเป็นความผิดพลาดร้ายแรง ทั้งนี้ ฟินแลนด์ ซึ่งมีประชากรราว 5.5 ล้านคน เป็นประเทศหนึ่งในทวีปยุโรปที่มียอดผู้ป่วยติดเชื้อโควิดอยู่ในระดับต่ำ […]

อนามัยโลกเผยวัคซีนโควิดที่มีอยู่น่าจะต้านโอไมครอนได้

เจนีวา 8 ธ.ค. – เจ้าหน้าที่ระดับสูงขององค์การอนามัยโลกระบุว่า วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ที่มีอยู่ในปัจจุบันน่าจะยังมีประสิทธิภาพป้องกันอาการป่วยรุนแรงในกลุ่มผู้ป่วยติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน นพ. ไมค์ ไรอัน ผู้อำนวยการฝ่ายฉุกเฉินขององค์การอนามัยโลก เผยว่า ขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณที่ชี้ว่าเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนจะหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันจากวัคซีนโควิดได้ดีกว่าเชื้อโควิดสายพันธุ์อื่น ๆ ทั่วโลกมีวัคซีนโควิดประสิทธิภาพสูงที่ผ่านการรับรองว่าสามารถต้านทานเชื้อโควิดได้ทุกสายพันธุ์ในด้านการป้องกันอาการป่วยรุนแรงและการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล เขาคาดว่าวัคซีนโควิดที่มีอยู่จะยังคงมีประสิทธิภาพต้านเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนได้ ข้อมูลเบื้องต้นชี้ว่าเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนไม่ได้ทำให้ผู้ป่วยติดเชื้อมีอาการรุนแรงขึ้นกว่าเชื้อโควิดสายพันธุ์สายพันธุ์เดลตาและสายพันธุ์อื่น ๆ โดยมีแนวโน้มที่จะทำให้เกิดอาการป่วยรุนแรงน้อยกว่าอีกด้วย อย่างไรก็ดี ความเห็นของ นพ. ไรอัน มีขึ้นในขณะที่ผลวิจัยล่าสุดของแอฟริกาใต้ ซึ่งยังไม่ได้รับการตรวจสอบจากคณะผู้เชี่ยวชาญ ระบุว่า วัคซีนของไฟเซอร์/ไบออนเทคอาจมีประสิทธิภาพต้านเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนลดลงถึง 40 เท่าเมื่อเทียบกับเชื้อโควิดสายพันธุ์ดั้งเดิม แต่เชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนยังหลบหลีกภูมิคุ้มกันจากวัคซีนโควิดได้ไม่สมบูรณ์ ทั้งนี้ ผลการศึกษาดังกล่าวอ้างอิงจากการทดลองตัวอย่างเลือดจากอาสาสมัคร 12 คนในแอฟริกาใต้ ขณะนี้ ยังไม่มีข้อมูลที่ยืนยันว่าวัคซีนของโมเดอร์นา จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน และวัคซีนขนานอื่น ๆ มีประสิทธิภาพต้านเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนได้หรือไม่.-สำนักข่าวไทย

เกาหลีใต้พบผู้ป่วยโควิดรายใหม่ทะลุ 7,000 คนครั้งแรก

โซล 8 ธ.ค. – เกาหลีใต้พบผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 รายใหม่ทะลุ 7,000 คนเป็นครั้งแรก ขณะที่โรงพยาบาลหลายแห่งกำลังเผชิญกับภาวะตึงตัว เนื่องจากยอดผู้เสียชีวิตและผู้ป่วยอาการหนักที่เพิ่มสูงขึ้น สำนักงานควบคุมและป้องกันโรคของเกาหลี หรือเคดีซีเอ รายงานวันนี้ว่า เกาหลีใต้พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดรายใหม่ 7,175 คน มีผู้เสียชีวิต 63 คน และมีผู้ป่วยอาการหนักที่รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 840 คน ทำให้มียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 489,000 คน และผู้เสียชีวิตกว่า 4,000 คน ขณะนี้ เกาหลีใต้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิดครบสองโดสให้ผู้ใหญ่ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปเกือบร้อยละ 92 จากประชากรทั้งหมด 52 ล้านคน และพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนทั้งหมด 38 คน ในขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีคิม บู-คยอม ของเกาหลีใต้ กล่าวในที่ประชุมรับมือการระบาดของโรคโควิด-19 ว่า รัฐบาลเกาหลีใต้จะเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่เพื่อดูแลผู้ป่วยติดเชื้อโควิดที่กำลังรักษาตัวเองที่บ้าน และปรับปรุงระบบการขนส่งผู้ป่วยฉุกเฉินไปยังโรงพยาบาลในกลุ่มผู้ป่วยติดเชื้อที่มีอาการหนัก เขายังเรียกร้องให้ผู้สูงอายุเข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มที่สามเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน เนื่องจากพบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่กว่าร้อยละ 35 ในกลุ่มประชาชนที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป […]

ภูเขาไฟปะทุในอินโดนีเซีย ตายพุ่งเป็น 34 ราย

จาการ์ตา 7 ธ.ค. – เหตุภูเขาไฟเซอเมรูปะทุบนเกาะชวาของอินโดนีเซียเมื่อวันเสาร์ทำให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 34 รายแล้ว ขณะที่ทางการอินโดนีเซียเร่งส่งความช่วยเหลือไปยังพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุดังกล่าว โฆษกสำนักงานรับมือภัยพิบัติแห่งชาติของอินโดนีเซีย (BNPB) เผยวันนี้ว่า ขณะนี้มียอดผู้เสียชีวิตจากเหตุภูเขาไฟปะทุอย่างน้อย 34 ราย ผู้สูญหาย 17 คน และได้อพยพประชาชนเกือบ 3,700 คนออกจากพื้นที่ประสบภัยแล้ว ขณะที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องรับมือกับสภาพแวดล้อมที่อันตรายในการค้นหาผู้รอดชีวิตและผู้เสียชีวิตใต้ซากปรักหักพังนับตั้งแต่เกิดเหตุภูเขาไฟปะทุเมื่อวันเสาร์ และได้นำสุนัขดมกลิ่นค้นหาผู้รอดชีวิตมาช่วยในปฏิบัติการดังกล่าวในวันนี้ ภูเขาไฟเซอเมรูได้ปะทุเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา พ่นเถ้าภูเขาไฟขึ้นสู่ท้องฟ้า และทำให้เกิดโคลนร้อนตกใส่หมู่บ้านหลายแห่ง ขณะที่ชาวบ้านหลายพันคนต่างพากันตกใจและรีบหนีออกจากบ้านเรือน เหตุดังกล่าวทำให้บ้านเรือนและยานพาหนะจำนวนมากได้รับความเสียหายเป็นวงกว้าง และส่งผลให้ชาวบ้านรู้สึกหวาดกลัวที่จะกลับไปอยู่ในบ้านของตนเอง. -สำนักข่าวไทย

รบ.ทหารเมียนมาว่าไม่มีใครเหนือกฎหมายหลังจำคุก “ซู จี”

เนปิดอว์ 7 ธ.ค. – รัฐบาลทหารเมียนมาระบุวันนี้ว่า คำพิพากษาจำคุกนางออง ซาน ซู จี ผู้นำรัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้ง เป็นเวลา 4 ปีแสดงให้เห็นว่าไม่มีผู้ใดอยู่เหนือกฎหมาย และพลเอกอาวุโสมิน อ่อง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของเมียนมา ได้ลดโทษจำคุกดังกล่าวเหลือ 2 ปี เนื่องจากเหตุผลด้านมนุษยธรรม นายหม่อง หม่อง ออน รัฐมนตรีกระทรวงสารสนเทศของรัฐบาลทหารเมียนมา แถลงว่า ระบบตุลาการของเมียนมามีความยุติธรรม และการตัดสินจำคุกนางซู จี วัย 76 ปี เมื่อวันจันทร์ในคดียุยงปลุกปั่นและละเมิดมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 ก็เป็นไปตามกฎหมายโดยที่ไม่มีผู้ใดอยู่เหนือกฎหมาย นอกจากนี้ เขายังแถลงร่วมกับรัฐมนตรีกระทรวงการลงทุนว่า สถานการณ์ในเมียนมาสงบเรียบร้อยดี ส่วนเหตุประท้วงเมื่อวันอาทิตย์เป็นผลมาจากแรงกดดันของกลุ่มต่อต้านรัฐประหารที่ทำให้เยาวชนรู้สึกไม่พอใจรัฐบาลทหาร ขณะที่การจัดการฝูงชนของเจ้าหน้าที่ บางครั้งก็เป็นไปโดยไม่ได้เจตนา ทั้งยังเผยว่า รัฐบาลทหารเมียนมากำลังเตรียมจัดการเลือกตั้งก่อนเดือนสิงหาคมปีหน้า แต่ไม่ยืนยันว่าพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย หรือเอ็นแอลดี ของนางซู จี จะได้รับอนุญาตให้ลงสมัครเลือกตั้งหรือไม่ เนื่องจากคณะกรรมการเลือกตั้งกำลังดำเนินการสืบสวนพรรคดังกล่าว และคาดว่าจะได้ข้อสรุปในช่วงต้นปีหน้า ก่อนหน้านี้ เว็บไซต์ข่าวเมียนมานาวรายงานเมื่อวันอาทิตย์ว่า กองกำลังรักษาความปลอดภัยของกองทัพเมียนมาได้ขับรถบรรทุกพุ่งชนกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงฉับพลัน หรือแฟลชม็อบ ในนครย่างกุ้ง ซึ่งเป็นศูนย์กลางทางพาณิชย์ของเมียนมา […]

ญี่ปุ่น-ออสเตรเลีย ยังไม่ตัดสินใจเรื่องส่งทูตร่วมโอลิมปิกฤดูหนาว

โตเกียว/ซิดนีย์ 7 ธ.ค. – ญี่ปุ่นกำลังตัดสินใจว่าจะส่งนักการทูตเข้าร่วมมหกรรมโอลิมปิกฤดูหนาว 2022 ที่กรุงปักกิ่งของจีนหรือไม่ ขณะที่ออสเตรเลียยังไม่ได้ตัดสินใจเกี่ยวกับการส่งเจ้าหน้าที่รัฐบาลเข้าร่วมงานดังกล่าวเช่นกัน นายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ ของญี่ปุ่น ระบุวันนี้ว่า ญี่ปุ่นจะพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ เช่น วัตถุประสงค์ของการจัดแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาว 2022 สถานการณ์ด้านการทูต และผลประโยชน์ของประเทศ มาใช้ประกอบการตัดสินใจว่าจะส่งนักการทูตเข้าร่วมงานดังกล่าวหรือไม่ ขณะที่โฆษกรัฐบาลออสเตรเลีย เผยว่า ออสเตรเลียยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะส่งเจ้าหน้าที่รัฐบาลออสเตรเลียเข้าร่วมมหกรรมโอลิมปิกฤดูหนาวในปีหน้าหรือไม่ ก่อนหน้านี้ สหรัฐระบุเมื่อวันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่นว่า สหรัฐจะคว่ำบาตรมหกรรมโอลิมปิกฤดูหนาว 2022 ด้วยการไม่ส่งเจ้าหน้าที่รัฐบาลเข้าร่วมงานดังกล่าว เนื่องจากการกระทำอันโหดร้ายของจีนในประเด็นเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน แม้ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน เพิ่งเสร็จสิ้นการประชุมสุดยอดเพื่อมุ่งแก้ปัญหาขัดแย้งระหว่างทั้งสองประเทศไปเมื่อหลายสัปดาห์ก่อน นายสเตฟาโน ซานนิโน หัวหน้าฝ่ายการทูตของสหภาพยุโรป หรืออียู กล่าวเมื่อวันศุกร์ว่า การประกาศคว่ำบาตรต่อมหกรรมโอลิมปิกฤดูหนาว 2022 เป็นการตัดสินใจส่วนตัวของแต่ละประเทศสมาชิก และไม่ใช่นโยบายต่างประเทศของอียู ขณะนี้ มีเพียงประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซียที่เป็นผู้นำประเทศขนาดใหญ่ในทวีปยุโรปที่ตอบรับคำเชิญของจีน. -สำนักข่าวไทย

ผู้บริหารฮ่องกงชี้ยังไม่ถึงจุดที่ต้องใช้วัคซีนพาสปอร์ต

ฮ่องกง 7 ธ.ค.- นางแคร์รี หล่ำ ผู้บริหารเขตบริหารพิเศษฮ่องกงเผยว่า การใช้วัคซีนพาสปอร์ตห้ามผู้ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 เข้าสถานที่สาธารณะหลายแห่ง ยังคงเป็นทางเลือกของทางการ หากต้องส่งเสริมการฉีดวัคซีน แต่ฮ่องกงยังไปไม่ถึงจุดนั้น นางหล่ำกล่าวกับผู้สื่อข่าวก่อนเข้าร่วมการประชุมคณะผู้บริหารฮ่องกงในวันนี้ว่า แม้ชาวฮ่องกงที่เข้าเกณฑ์ได้ฉีดวัคซีนเข็มแรกไปแล้วร้อยละ 71 แต่การอุบัติขึ้นของเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอไมครอนทำให้เกิดความจำเป็นครั้งใหม่เรื่องการรับวัคซีน โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ เธอยังไม่มีรายละเอียดที่จะประกาศเพิ่มเติมเรื่องการบังคับใช้วัคซีนพาสปอร์ตในเวลานี้ แต่ทางการจะไม่ยกเลิกมาตรการนี้อย่างแน่นอน และหากถึงจุดที่จำเป็นต้องเพิ่มอัตราการฉีดวัคซีนเพื่อปกป้องประชาชน โดยเฉพาะผู้สูงอายุให้ดียิ่งขึ้น และมีการเปิดพรมแดนอีกครั้งซึ่งไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ง่าย ๆ ทางการจำเป็นต้องพิจารณาเรื่องวัคซีนพาสปอร์ตอย่างแน่นอน แต่ขณะนี้ฮ่องกงยังไปไม่ถึงจุดนั้น ผู้บริหารฮ่องกงเผยด้วยว่า หน่วยงานรัฐได้เริ่มจัดอันดับกลุ่มคนที่จะได้ข้ามพรมแดนเข้าไปในจีนแผ่นดินใหญ่เป็นกลุ่มแรก ๆ เมื่อมีการเปิดพรมแดนอีกครั้ง โดยจะเน้นชุมชนธุรกิจเป็นหลัก แต่ยังไม่ได้กำหนดตารางเวลาและโควตารายวันอย่างเป็นทางการสำหรับโครงการเดินทางโดยไม่ต้องกักโรค เว็บไซต์หนังสือพิมพ์เซาท์ไชนามอร์นิงโพสต์รายงานเมื่อวันจันทร์ว่า แผนการใช้วัคซีนพาสปอร์ตของฮ่องกงจะกำหนดให้ผู้นั่งรับประทานอาหารในร้านต้องฉีดวัคซีนเข็มแรกแล้วอย่างน้อย 2 ใน 3 คน โดยอาจจะนำมาใช้อย่างเร็วที่สุดในเดือนมกราคมปีหน้า แต่มีเสียงคัดค้านว่ามาตรการนี้ไม่เป็นธรรม และอาจทำให้ร้านอาหารเสียรายได้มากถึงร้อยละ 20.-สำนักข่าวไทย

รมว. ต่างประเทศเมียนมาเยือนกัมพูชาหารือ “ฮุน เซน”

พนมเปญ 7 ธ.ค. – นายวันนา หม่อง ลวิน รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของรัฐบาลทหารเมียนมา เดินทางไปกัมพูชาเพื่อหารือร่วมกับนายกรัฐมนตรีฮุน เซน ของกัมพูชาในวันนี้ หลังจากที่รัฐบาลทหารเมียนมาถูกทั่วโลกประณามเมื่อวานนี้จากคำตัดสินจำคุกนางออง ซาน ซู จี เป็นเวลา 4 ปีในคดียุยงปลุกปั่นและละเมิดมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 ผู้ช่วยของนายกรัฐมนตรีฮุน เซน ระบุวันนี้ว่า นายกรัฐมนตรีฮุน เซน และนายหม่อง ลวิน ได้หารือร่วมกันในประเด็นต่าง ๆ เช่น ความสัมพันธ์ระดับทวิภาคี ปัญหาเกี่ยวกับอาเซียน และหนทางในการฟื้นฟูความสัมพันธ์กับประเทศสมาชิกอาเซียน นอกจากนี้ นายหม่อง ลวิน ยังได้เชิญให้นายกรัฐมนตรีฮุน เซน เดินทางเยือนเมียนมาในวันที่ 7-8 มกราคมปีหน้า และผู้นำกัมพูชาได้ตอบรับคำเชิญดังกล่าว ซึ่งจะทำให้นายกรัฐมนตรีฮุน เซน กลายเป็นผู้นำรัฐบาลต่างชาติคนแรกที่เดินทางเยือนเมียนมานับตั้งแต่เกิดเหตุรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ขณะที่ภาพถ่ายที่ได้รับการเผยแพร่โดยรัฐบาลกัมพูชาแสดงให้เห็นว่า นายหม่อง ลวิน ได้เข้าพบนายกรัฐมนตรีฮุน เซน ที่อาคารวิมานสันติภาพในกรุงพนมเปญ โดยที่ทั้งสองได้ทักทายกันด้วยการใช้ศอกชนกันก่อนเปิดการหารือร่วมกัน ก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรีฮุน เซน […]

ติดโอไมครอน 64 คนหลังร่วมมื้อเที่ยงคริสต์มาสที่เดนมาร์ก

โคเปนเฮเกน 7 ธ.ค.- หน่วยงานด้านสาธารณสุขเดนมาร์กแจ้งว่า พบผู้มีผลตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สายพันธุ์โอไมครอนเป็นบวกจำนวน 64 คน หลังจากเข้าร่วมงานเลี้ยงมื้อเที่ยงคริสต์มาสเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายนที่มีคนเข้าร่วมราว 150 คน เจ้าหน้าที่เผยว่า งานจัดขึ้นที่ศูนย์ชุมชนในเขตวีบอร์ก ทางตอนกลางของประเทศ มีนักเรียนจากโรงเรียน 2 แห่งร่วมงาน  ขณะนี้ยังไม่ทราบว่าผู้ติดเชื้อมีอาการรุนแรงเพียงใด หรือผู้ร่วมงานได้ฉีดวัคซีนแล้วมากน้อยเพียงไร อย่างไรก็ดี คาดว่ามีผู้ใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ หรือใกล้ชิดกับผู้ใกล้ชิดผู้ติดเชื้อไม่ต่ำกว่า 1,000 คน ข้อมูลจากเว็บไซต์ Our World in Data ระบุว่า เดนมาร์กมีคนฉีดวัคซีนครบโดสแล้วร้อยละ 77 นับจนถึงวันที่ 1 ธันวาคม โดยเป็นกลุ่มคนอายุ 12 ปีขึ้นไป และพบผู้ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอไมครอนแล้ว 261 คน นับจนถึงวันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่น การพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นบ่งชี้ว่า ไวรัสสายพันธุ์นี้กำลังแพร่ในประเทศ มากกว่าการแพร่เฉพาะผู้เดินทางมาจากต่างประเทศเท่านั้น เดนมาร์กมียอดติดเชื้อโรคโควิดสะสมมากกว่า 516,200 คน และมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 2,900 คน.-สำนักข่าวไทย

ชาวโรฮิงญาฟ้องเฟซบุ๊กข้อหาสร้างความรุนแรงในเมียนมา

แคลิฟอร์เนีย 7 ธ.ค. – ชาวโรฮิงญาที่อพยพจากเมียนมายื่นฟ้องเมตา แพลตฟอร์ม อิงค์ บริษัทแม่ของเฟซบุ๊ก และเรียกค่าเสียหาย 150,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (5 ล้านล้านบาท) โดยกล่าวหาว่า เมตาไม่ได้ดำเนินการใด ๆ เพื่อควบคุมการใช้ประทุษวาจาที่มุ่งโจมตีชาวโรฮิงญาและทำให้เกิดความรุนแรงมากขึ้น อีเดลสัน พีซี และฟีลด์ส พีแอลแอลซี บริษัทกฎหมายของสหรัฐ ได้ยื่นฟ้องต่อรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐ โดยอ้างว่า เมตาล้มเหลวในการควบคุมเนื้อหาและการออกแบบแพลตฟอร์มที่ทำให้เกิดความรุนแรงในโลกเสมือนจริงที่ส่งผลกระทบต่อชุมชนชาวโรฮิงญา ขณะที่ทนายความชาวอังกฤษหลายรายก็ได้ส่งจดหมายแจ้งเตือนไปยังสำนักงานของเฟซบุ๊กในกรุงลอนดอนเช่นกัน ด้านเมตายังไม่ได้ตอบข้อถามของสำนักข่าวรอยเตอร์ในเรื่องนี้   อย่างไรก็ดี เมตาเคยระบุก่อนหน้านี้ว่า บริษัทได้ดำเนินการช้าเกินไปในการป้องกันการให้ข้อมูลเท็จและการสร้างความเกลียดชังในเมียนมา แต่หลังจากนั้นได้ดำเนินการตามขั้นตอนเพื่อควบคุมการใช้แพลตฟอร์มในทางที่ผิดในภูมิภาคดังกล่าวแล้ว ซึ่งรวมถึงการสั่งปิดบัญชีผู้ใช้งานเฟซบุ๊กและอินสตาแกรมของรัฐบาลทหารเมียนมาหลังเกิดเหตุรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์. -สำนักข่าวไทย

อินเดียลงนามการค้าและซื้ออาวุธจากรัสเซีย

นิวเดลี 7 ธ.ค.- อินเดียและรัสเซียลงนามข้อตกลงการค้าและอาวุธระหว่างที่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซียไปเยือนและพบเจรจากับนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดีของอินเดียเมื่อวันจันทร์ตามเวลาอินเดีย เว็บไซต์ซีเอ็นเอ็น (CNN) รายงานว่า ประธานาธิบดีปูตินพร้อมรัฐมนตรีต่างประเทศและกลาโหมกระชับความสัมพันธ์กับอินเดีย ด้วยข้อตกลงความร่วมมือทางทหารและเทคนิคที่มีผลไปจนถึงปี 2574 และจะเพิ่มการค้าระหว่างกันให้ถึง 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1 ล้านล้านบาท) ภายในปี 2568 เป็นการเยือนในขณะที่ความสัมพันธ์ของรัสเซียกับสหรัฐที่เป็นพันธมิตรสำคัฐอีกประเทศหนึ่งของอินเดีย ทวีความตึงเครียด แถลงการณ์ร่วมหลังจากผู้นำอินเดียและรัสเซียเสร็จสิ้นการพบหารือระบุว่า ทั้งสองประเทศได้ย้ำเรื่องการสนับสนุนให้อัฟกานิสถานมีสันติภาพเสถียรภาพ ประณามการใช้ตัวแทนทำการก่อการร้าย และความสำคัญของการไม่ให้การสนับสนุนทั้งด้านโลจิสติก การเงิน หรือการทหารให้กลุ่มก่อการร้ายใช้ก่อเหตุร้าย นอกจากนี้ยังย้ำถึงเจตนารมณ์ที่จะเสริมสร้างความร่วมมือด้านกลาโหมระหว่างกัน รวมถึงการร่วมกันผลิตยุทโธปกรณ์ และได้ลงนามข้อตกลงการลงทุนทั้งหมด 28 ฉบับ ครอบคลุมเรื่องเหล็ก การต่อเรือ ถ่านหิน และพลังงาน ด้านรัสเซียแจ้งว่า นอกจากให้อินเดียผลิตปืนไรเฟิลจู่โจม AK-203 แล้ว รัสเซียยังสนใจเรื่องจัดหาระบบขีปนาวุธป้องกันภัยทางอากาศ S-400 ให้แก่อินเดียต่อไปด้วย ขณะที่อินเดียกล่าวถึงระบบขีปนาวุธดังกล่าวว่า เป็นสัญญาปี 2561 ที่รัสเซียเริ่มส่งมอบในเดือนนี้ อย่างไรก็ดี ซีเอ็นเอ็นชี้ว่า สัญญานี้ทำให้อินเดียเสี่ยงถูกสหรัฐคว่ำบาตรตามกฎหมายสหรัฐปี 2560 ที่ห้ามประเทศต่าง ๆ ซื้อยุทโธปกรณ์ของรัสเซีย.-สำนักข่าวไทย

1 151 152 153 154 155 315