ตรัง 24 ก.พ. – ผู้จัดการร้านอาหารผุดไอเดียนำ “ข้าวเบายอดม่วง” ซึ่งเป็นข้าวพันธุ์พื้นเมืองที่เตรียมขึ้นทะเบียน GI มาต่อยอดเป็น “เส้นพาสต้า” ทำได้หลายเมนู วางขายที่แรกที่เดียวใน จ.ตรัง หวังช่วยส่งเสริมให้กลุ่มชาวนาผู้ปลูกข้าวเบายอดม่วง มีรายได้อย่างยั่งยืน
กลุ่มชาวนา ต.นาหมื่นศรี อ.นาโยง จ.ตรัง ที่ได้รับการส่งเสริมจากสำนักงานเกษตรจังหวัดฯ ให้หันมาปลูก “ข้าวเบายอดม่วง” ซึ่งเป็นข้าวพันธุ์พื้นเมือง หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า “ข้าวเจ้าเหนียว” ซึ่งมี 2 สี เมื่อหุงสุกแล้วจะออกสีม่วง มีกลิ่นหอม รสชาติดี นุ่ม หนึบ น่ารับประทาน เหมาะสำหรับผู้สูงอายุ เพราะมีคาร์โบไฮเดรตต่ำ แต่มีโปรตีนสูงกว่าข้าวทั่วไป ทำให้กินแล้วไม่อ้วน
ด้วยสรรพคุณดังกล่าว ทำให้ผู้จัดการร้านอาหารแห่งหนึ่งใน จ.ตรัง มีแนวคิดนำข้าวเบายอดม่วงมาต่อยอดเป็นเส้นพาสต้า โดยหุงข้าวให้สุก ก่อนนำมานึ่ง ผสมกับแป้งสาลีและเกลือเล็กน้อย นวดให้เข้ากัน แล้วรีดออกมาเป็นเส้นพาสต้า จากนั้นจึงนำไปตากแดดให้แห้งสนิท 1-2 วัน ก็สามารถใช้เส้นพาสต้าทำอาหารสัญชาติไทยหรืออิตาเลียนได้หลากหลายเมนู เช่น พาสต้าแกงไก่ พาสต้าเคยฉลู พาสต้าแกงเขียวหวาน พาสต้าแกงป่า และอื่นๆ
ด้วยสรรพคุณดังกล่าว ทำให้ผู้จัดการร้านอาหารแห่งหนึ่งใน จ.ตรัง มีแนวคิดนำข้าวเบายอดม่วงมาต่อยอดเป็นเส้นพาสต้า โดยหุงข้าวให้สุก ก่อนนำมานึ่ง ผสมกับแป้งสาลีและเกลือเล็กน้อย นวดให้เข้ากัน แล้วรีดออกมาเป็นเส้นพาสต้า จากนั้นจึงนำไปตากแดดให้แห้งสนิท 1-2 วัน ก็สามารถใช้เส้นพาสต้าทำอาหารสัญชาติไทยหรืออิตาเลียนได้หลากหลายเมนู เช่น พาสต้าแกงไก่ พาสต้าเคยฉลู พาสต้าแกงเขียวหวาน พาสต้าแกงป่า และอื่นๆ
ผู้จัดการร้านอาหารดังกล่าว ทดลองนำข้าวเบายอดม่วง ซึ่งกำลังจะถูกผลักดันให้เป็นข้าว GI ประจำถิ่นของ จ.ตรัง มาทำเส้นพาสต้าอยู่นานถึง 3 ปี กว่าจะได้เส้นที่เหนียว นุ่ม จนกลายมาเป็นสูตรสำเร็จที่ลงตัวในปีนี้ หวังช่วยส่งเสริมให้เกษตรกรชาวนาใน จ.ตรัง ผู้ปลูกข้าวเบายอดม่วง มีรายได้อย่างยั่งยืน และเป็นการอนุรักษ์พันธุกรรมข้าวพื้นเมืองไม่ให้สูญหายไปในอนาคต
ส่วนเส้นพาสต้ายังไม่มีวางจำหน่าย เนื่องจากไม่ใช้วัตถุกันเสียหรือสารเคมีใดๆ จึงไม่สามารถเก็บไว้ได้นานเกิน 2 วัน หากใครสนใจอยากชิมเส้นพาสต้าจากข้าวพันธุ์พื้นเมือง จ.ตรัง ต้องสั่งจองล่วงหน้า 2 วัน เพื่อจะได้เตรียมการนวดข้าวและตากแดดให้แห้ง โดยต้องทำสดใหม่กันแบบจานต่อจาน เพื่อให้คงรสชาติความเป็นข้าวใหม่ที่เพิ่งเก็บเกี่ยวในฤดูกาลนี้ ซึ่งราคายังไม่กำหนด แต่น่าจะอยู่ที่จานละไม่เกิน 159 บาท. – สำนักข่าวไทย