ชัยนาท 12 ส.ค. – เขื่อนเจ้าพระยา เตรียมปรับเพิ่มระบายน้ำในเกณฑ์ 1,100-1,400 ลบ.ม./วินาที รับน้ำเหนือหลากจากพายุมู่หลาน พื้นที่ท้ายเขื่อนน้ำจะสูงขึ้นอีก 60 เซนติเมตร อาจส่งผลกระทบต่อชุมชน
สถานการณ์แม่น้ำเจ้าพระยา วันนี้ (12 ส.ค.) น้ำที่ไหลผ่านสถานีวัดน้ำ C2 จ.นครสวรรค์, น้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท, น้ำระบายผ่านท้ายเขื่อนเจ้าพระยาทุกจุดมีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน (11 ส.ค.) ขณะที่ระดับน้ำเหนือเขื่อน ที่ อ.เมืองชัยนาท น้ำสูงขึ้น 48 เซนติเมตร, ระดับน้ำท้ายเขื่อน ที่ อ.สรรพยา น้ำสูงขึ้น 46 เซนติเมตร มีการผันน้ำเข้าระบบชลประทานสองฝั่งเหนือเขื่อนเจ้าพระยา 266 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
ทางกรมชลประทาน เตรียมปรับเพิ่มระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยา เนื่องจากคาดการณ์ฝนที่จะตกหนัก จากพายุดีเปรสชัน “มู่หลาน” ในพื้นที่ภาคเหนือ ช่วงวันที่ 11-13 สิงหาคมนี้ จะทำให้มีปริมาณน้ำไหลลงลุ่มเจ้าพระยาเพิ่มมากขึ้น จึงต้องระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มขึ้นในอัตราระหว่าง 1,100-1,400 ลบ.ม./วินาที ซึ่งจะส่งผลให้พื้นที่ท้ายเขื่อนเจ้าพระยา บริเวณคลองโผงเผง จ.อ่างทอง คลองบางบาล พระนครศรีอยุธยา และ ต.หัวเวียง อ.เสนา ต.ลาดชิด ต.ท่าดินแดง อ.ผักไห่ มีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นจากปัจจุบันอีกประมาณ 20-60 ซม. อาจส่งผลกระทบต่อชุมชน ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำน้อย เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
ขณะที่กรมอุตุนิยมวิทยาออกประกาศ “พายุดีเปรสชัน มู่หลาน” ฉบับที่ 12 โดยกรมอุตุนิยมวิทยาจะออกประกาศฉบับนี้เป็นฉบับสุดท้ายของเหตุการณ์นี้ ระบุว่า พายุดีเปรสชัน “มู่หลาน” ได้อ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงแล้ว และเคลื่อนเข้าปกคลุมประเทศจีนตอนใต้ ประเทศเมียนมาตอนบน และลาวตอนบน ทำให้มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งในภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย.-สำนักข่าวไทย