กรุงเทพฯ 22 พ.ย.- รองโฆษกเพื่อไทย ยันแจกเงินหมื่นเป็นนโยบายรัฐบาล ไม่เกี่ยวเลือกนายก อบจ. แนะ “นิพนธ์-รัชนก” ทวนความจำ นโยบายถูกปรับให้เหมาะตามข้อเสนอแนะ
นางสาวชญาภา สินธุไพร สส.ร้อยเอ็ด และรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่นายนิพนธ์ บุญญามณี อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ และนางสาวรัชนก ศรีนอก สส.พรรคประชาชน ให้ข้อมูลที่อาจสร้างความเข้าใจผิดให้กับสังคมว่าการดำเนินโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2567 เฟส 2 ให้กับกลุ่มผู้สูงอายุ ที่คาดว่าจะได้รับเงินไม่เกินช่วงตรุษจีน ซึ่งใกล้กับช่วงการเลือกตั้งนายก และ อบจ.ทั่วประเทศนั้น เป็นการจับแพะชนแกะ ตั้งใจทำให้เกิดความสับสน หากทั้งสองท่านทบทวนความทรงจำให้ดี นโยบายดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เป็นนโยบายเรือธงของพรรคเพื่อไทย ที่ใช้ในการหาเสียงปี 2566 เมื่อเป็นรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 แถลงนโยบายต่อที่ประชุมรัฐสภา ตั้งแต่วันที่ 11 กันยายน 2566 นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงนโยบายต่อรัฐสภา ในวันที่ 12 กันยายน 2567
“โครงการนี้ฝ่าคลื่นลมเสียงวิพากษ์วิจารณ์และถูกปรับเปลี่ยนให้เหมาะสม จนท้ายที่สุดด้วยความมุ่งมั่นของรัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทยก็ได้ดำเนินโครงการนี้จนสำเร็จในเฟส 1 และกำลังเดินหน้าเฟส 2 จากการลงพื้นที่พูดคุยกับประชาชนในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด และยิ่งในเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ได้รับเงินหมื่นเฟส 1 พวกเขาต่างดีใจที่ได้เงินเป็นทุนต่อชีวิต ต่อลมหายใจ ประชาชนบางรายนำเงินไปซื้อต้นทุนทางการเกษตร พันธุ์ข้าว เครื่องมือทางการเกษตร ไม่เพียงได้เงินไปหล่อเลี้ยงตัวเอง ยังได้นำไปเริ่มต้นธุรกิจเล็กๆ ชุบชีวิตให้กับคนในครอบครัวอีกด้วย” นางสาวชญาภา ระบุ
นางสาวชญาภา กล่าวอีกว่า จากนโยบายเงินหมื่น เมื่อรวมเข้ากับอีกหลายนโยบายจาก 2 นายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ทั้งฟรีวีซ่าหลายประเทศ, การส่งเสริมการท่องเที่ยว, การเจรจาการค้าการลงทุนจากประเทศ จนสร้างเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศหลายแสนล้านบาท รวมถึงการลงทุนภาครัฐและเอกชน และอื่นๆ มากมาย เมื่อรวมเข้ากับนโยบายเงินหมื่นกระตุ้นเศรษฐกิจ ล้วนเป็นส่วนช่วยผลักดันจีดีพีในไตรมาส 3 ปีนี้ให้เติบโตขึ้น 3% หากเฟส 2 ดำเนินต่อ มั่นใจว่าจะทำให้จีดีพีเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
“นี่คือฝีมือการบริหารแบบเพื่อไทย ที่ถือว่าผลิดออกดอกออกผลชัดเจน รัฐบาลดำเนินการทุกงานอย่างมียุทธศาสตร์ ในการแก้ปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจ ยกระดับคุณภาพชีวิต การลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชน ปัญหาเกิดขึ้นระหว่างทางย่อมยอมรับได้ แต่ไม่ใช่การตั้งข้อสังเกตเสียจนลืมมองถึงความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน เงินหมื่นของท่านกับเงินหมื่นของประชาชนอาจไม่เท่ากัน“ นางสาวชญาภา กล่าว.-316-สำนักข่าวไทย