“โรม” รับไม่เคยเจอของยาก เท่าแดนพิศวงชั้น 14

รัฐสภา 22 พ.ย.- “โรม” รับ ไม่เคยเจอของยาก เท่าแดนพิศวงชั้น 14 เตรียมซักถาม รมว.ยุติธรรม วันนี้ วาง 3 หลัก ส่งตัว-รักษา-ส่งออก “ทักษิณ” ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ พร้อมมองยังไม่น่าเข้าข่ายล้มล้างการปกครอง


นายรังสิมันต์ โรม ประธานคณะกรรมาธิการ ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูป สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึง การเชิญหน่วยงานให้ข้อมูล กรณีนายทักษิณ ชินวัตร ว่าวันนี้เป็นการพิจารณาต่อเนื่องจากรอบที่แล้ว ที่ผ่านมายอมรับว่าข้อมูลหลายส่วนไม่สมบูรณ์ วันนี้เราเชิญบุคคลมาเกือบ 20 คน กว่า 14 หน่วยงาน เรียกเอกสารไปเกือบ 10 ชุด เราก็หวังว่า จะได้รับความร่วมมือที่ดี ให้ได้ข้อมูลสมบูรณ์มากขึ้น เราติดตามทางกรมราชทัณฑ์ และกระทรวงยุติธรรม โดยที่ปรึกษากระทรวง ไม่เคยเห็นการออกมาแถลงก่อนเชิญ 1 วัน ซึ่งยอมรับว่าเป็นการแถลงที่ไม่เข้าใจข้อกฎหมาย และไม่เข้าใจหน้าที่ของสภาฯ หรือกรรมาธิการ ตนอยากบอกว่าหากพูดถึงความมั่นคง สำหรับหลักสำคัญ คือความยุติธรรมประเทศ ที่ปราศจากความยุติธรรม มีความเหลื่อมล้ำ มีการใช้อภิสิทธิ์ชน อยู่เหนือกฎหมาย ไม่ปฏิบัติตามกฏหมาย เหมือนประชาชนคนอื่น คิดว่าประเทศแบบนี้เป็นประเทศที่มีความมั่นคงหรือไม่ การที่ประชาชนเสียความเชื่อมั่น สร้างความเสียหายให้ประเทศในระยะยาว

นายรังสิมันต์ ยืนยันว่า เรื่องเหล่านี้ ไม่ได้ซับซ้อนณ วันนี้ เรายังไม่ได้มีการพิจารณาอะไรซับซ้อนกว่าคณะกรรมาธิการชุดอื่น และยืนยันว่ากรรมการความมั่นคงแห่งรัฐ เราไม่ได้เข้าไปทำให้องค์กรอิสระ อย่างป.ป.ช.ปฏิบัติงานไม่ได้ เราไม่ได้เชิญ ป.ป.ช.มาด้วยซ้ำ และหากเราพบกับการกระทำที่ผิดกฎหมาย เราพร้อมให้ความร่วมมือ กับองค์กรอิสระจริงๆ ซึ่งถือเป็นประโยชน์ต่อการตรวจสอบการทำงานของหน่วยงานราชการ และรัฐบาล พร้อมยืนยันว่า วันนี้เราพยายามแสวงหาข้อมูลอย่างเต็มที่ ในการทำหน้าที่ของเรา ในฐานะฝ่ายตรวจสอบ แต่ขณะเดียวกัน เราก็เป็นลอว์เมคเกอร์ ฝ่ายนิติบัญญัติ นำข้อมูลนี้ เป็นสารตั้งต้น เพื่อปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมต่อไป


ส่วนรายละเอียดเป้าหมายวันนี้ อยากเน้นย้ำ 3 ช่วง คือ ช่วงแรก การส่งตัวนายทักษิณ ไปโรงพยาบาลตำรวจ สุดท้ายแล้วส่งตัวโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เช่นมีรายละเอียดว่าป่วยจริงหรือไม่ ลำดับถัดมา คือการอยู่ในโรงพยาบาลตำรวจ เป็น 100 กว่าวัน สุดท้ายแล้วเป็นการอยู่โดยชอบหรือไม่จำเป็นต้องอยู่ในห้องวีไอพีหรือไม่ และจากนั้น คือการออก เป็น 3 ส่วนสำคัญ ที่เราจำเป็นต้องวางหลัก และค้นหาข้อเท็จจริงต่อไป

พร้อมยืนยันว่าการทำหน้าที่ในครั้งนี้ และหน่วยงานที่คิดว่าทำหน้าที่โดยสุจริต ก็ขอให้มาชี้แจงให้ครบถ้วน ซึ่งได้ข่าวว่า วันนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ก็จะเดินทางเข้ามาให้ข้อมูลกับกรรมาธิการด้วย แต่ยังไม่เห็นชื่อลำดับที่ 1 คือ นายทักษิณ แน่นอนว่าเราไม่มีอำนาจ ตามโทษทางกฎหมาย แต่โทษในความเข้าใจ ในความคิดของสังคม เป็นเรื่องที่ทุกคนไม่ควรละเลย นายทักษิณเป็นอดีตนายกรัฐมนตรี ท่านก็คงมีผลงานหลายเรื่อง ที่สังคมอาจจะชื่นชม แต่ไม่ควรเอาทุกสิ่งที่เคยทำ มาทิ้งไว้ที่นี่

ส่วนการที่เชิญแต่แล้วนายทักษิณไม่มานั้น นายรังสิมันต์ กล่าวว่าวันนี้รัฐมนตรีมา ก็หวังว่า จะได้ข้อมูลมากขึ้นและคงจะพิจารณาต่อไป ว่าข้อมูลเหล่านี้เพียงพอหรือยัง ก่อนจะพิจารณาเดินหน้าต่อหรือไม่ ซึ่งหากเราได้ข้อมูลมาก่อน ก็จะสามารถวางแนวทางได้ ส่วนครั้งต่อไปจะเชิญนายทักษิณ หรือไม่ ก็ต้องดูข้อมูลในวันนี้ แต่หากข้อมูลเป็นเชิงลบต่อนายทักษิณและรัฐบาล เราก็เดินหน้าต่อในการเอาผิดแต่ถ้าเกิดข้อมูลเป็นบวก ทุกอย่างทำถูกกฎหมายไม่มีข้อพิรุธ วาระซ่อนเร้น ก็เป็นเรื่องที่กรรมาธิการไม่มีเหตุผลที่จะดำเนินการต่อไป แต่อย่างไรก็ตามในช่วงเวลาที่ผ่านมา พบว่ามีความน่าสนใจ ของการให้ความร่วมมือของหน่วยงานราชการต่อเนื่อง เราพิจารณามา โดยเชิญหน่วยงานมากว่า 100 หน่วย ตนไม่เคยเจอความยากลำบากมากขนาดนี้ตนเป็น สส.สมัยที่2 ก็ไม่เคยเจอความยากลำบากขนาดนี้ ค่อนข้างท้าทาย ว่าป่วยจริงหรือไม่ทำไมมันยากอย่างนี้ในการเข้าถึงข้อมูล


นายรังสิมันต์ ระบุ ตนคิดว่าต้องพูดโดยตรงกับรัฐมนตรียุติธรรม ว่าท่าทีของกระทรวงไม่ควรเป็นแบบนี้ ซึ่งที่ผ่านมาการเชิญกระทรวงยุติธรรมมาในท่าทีที่ใช้พีดีพีเอ หรือกฎหมายปกป้องส่วนบุคคล กับกรรมาธิการ แต่ในความเป็นจริงกฎหมายเรื่องนี้ ไม่ได้ครอบคลุมรวมไปถึงการทำหน้าที่ของกรรมาธิการ ซึ่งเราสามารถทำได้ แต่พอเมื่อวานก็พยายามย้ำอีกว่า เรามีอำนาจอย่างนั้นอย่างนี้ ตกลงแล้วท่านต้องการที่จะให้ข้อมูลกับเราหรือไม่ ซึ่งเป็นข้อมูลที่ไม่สุจริต แสดงว่าไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ ม. 129 เป็นท่าทีที่ไม่สมควร ที่จะเกิดขึ้นจากหน่วยงานรัฐ และตัวรัฐบาลเอง

ส่วนในวันนี้ คดีอยู่ในศาลรัฐธรรมนูญ ที่จะพิจารณา ความเห็นว่าจะรับหรือไม่รับ นายรังสิมันต์ มองว่าตนไม่อยากลงรายละเอียดเรื่องนี้ พูดตรงตรง อีกไม่นานแล้ว ก็ต้องรอดู ว่าเป็นอย่างไร แต่คิดว่าสิ่งสำคัญของวันนี้ เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม และอยากให้เรารู้สึกว่าเป็นกระบวนการยุติธรรมของพวกเราทุกคนจริงๆ ถ้าปล่อยให้กระบวนการยุติธรรม เป็นแบบนี้ สิ่งที่เราต้องถามตัวเรา คือ เรารู้สึกสบายใจหรือไม่ ที่บางคนได้รับการปฏิบัติอย่างอภิสิทธิ์ชน ต่อกระบวนการยุติธรรม หมายถึงวันหนึ่งเราอาจจะเข้าไปส่วนหนึ่งที่อาจถูกดำเนินการ ที่อาจเกิดขึ้นกับใครก็ได้คำถามคือ เราจะรู้สึกปลอดภัย หรือแฟร์ หรือไม่ และอยากฝากไปถึงข้าราชการทั้งหมด ว่าถ้าเรื่องนี้มีมูลความผิดจริง เช่นแกล้งป่วย ป่วยทิพย์ มีการใช้อำนาจไม่ชอบ อยากให้พึงละรึก ว่าที่ผ่านมามีคนจำนวนมาก พยายามช่วยคุณ…สักคนหนึ่ง และถูกดำเนินคดีติดคุกไปตั้งเยอะ อย่าไปคิดว่าการที่เราทำทุกอย่าง เพื่อบางคน สุดท้ายเราจะจะพ้น และไม่ติดคุก อยากให้ข้าราชการน้ำดีทุกคนบรรดาเหล่านาตาชาทั้งหลาย ที่รู้สึกว่าเรื่องนี้ ถ้าเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ก็สามารถส่งเรื่องมาที่คณะกรรมาธิการ เราพร้อมที่จะทำหน้าที่ตรวจสอบต่อไป ในฐานะกรรมาธิการ และหวังว่าข้อมูลเหล่านี้ จะเป็นประโยชน์ ทำให้เรา และกระบวนการยุติธรรม ของเราดีกว่านี้

ส่วนที่นายทักษิณถูกฟ้องเรื่องนี้ในศาลรัฐธรรมนูญในลักษณะล้มล้างการปกครองเข้าข่ายหรือไม่ นายโรม กล่าวว่านิยามของการล้มล้างการปกครอง น่าจะต้องตีความให้แคบกว่านี้ ซึ่งต้องนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง และระบบการเมืองการปกครอง จริงๆ เรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับทักษิณมาก่อน แต่เกิดขึ้นกับพวกเราพรรคก้าวไกล และหลายๆกรณี การนิยาม และตีความ ในช่วงเวลาที่ผ่านมา พูดตรงตรง มีปัญหาในทางข้อกฎหมายมาก ส่วนตัวไม่ได้เห็นว่ากรณีของชั้น 14 หรืออะไรก็แล้วแต่ ไม่ได้ตีความไปถึงการเปลี่ยนการปกครองไปอีกแบบหนึ่ง ไม่น่าตีความเป็นแบบนั้น แต่ชั้น 14 ก็เขย่ากระบวนการยุติธรรม และทำลายความเชื่อมั่นของระบบยุติธรรม ของประเทศเราอย่างมาก

ส่วนที่คำร้องถูกหยิบยกเกี่ยวกับสมเด็จฮุนเซน อดีตนายกรัฐมนตรี นายรังสิมันต์ กล่าวว่าไม่น่าจะเกี่ยว เพราะว่าประเทศไทย มีสายสัมพันธ์กับประเทศต่างๆ เยอะแยะ มากมาย ในเรื่องของสมเด็จฮุนเซน เข้าใจว่าเจอกันล่าสุด ไม่น่าจะเจอกันในฐานะตัวแทนแห่งรัฐ แต่เป็นเรื่องสายสัมพันธ์ส่วนตัว เราก็วิจารณ์กันไปว่าเหมาะสมอย่างไร ตนคิดว่าสังคมไทยจะต้องตั้งหลัก เพราะเรื่องสำคัญในวันนี้คือเรื่องของกระบวนการยุติธรรม แน่นอนเราอาจจะไม่พอใจนายทักษิณหลายเรื่อง อย่างตนก็มีข้อวิพากษ์วิจารณ์หลายเรื่อง แต่เราคงไม่ถึงขั้นเอาทุกเรื่องมาผูกโยง และปนกัน ตนคิดว่าต้องแยกแยะพิจารณาตามข้อเท็จจริง วันนี้ตนทำหน้าที่ในฐานะประธานกรรมาธิการความมั่นคง ยืนยัน กับท่านทั้งหลายในที่นี้ว่า เรื่องนี้ เราตรวจสอบเฉพาะเรื่องกระบวนการยุติธรรม หากมีการดำเนินการทำตามกฏหมาย ตามข้อเท็จจริง ซึ่งฝ่ายรัฐบาล และผู้มีอำนาจเกี่ยวข้อง วันนี้ตนต้องการสปิริทจากทุกคนขอให้ช่วยกันแสดงสปิริทออกมา เอาข้อมูลมาให้กรรมาธิการ เรื่องกฎหมายมีความท้าทายหลายอย่าง ประเทศของเราวันนี้ เราต้องการคนที่มีจิตวิญญาณ อดทนไม่ได้ต่อระบบยุติธรรมที่กำลังเป็นแบบนี้ ดังนั้นขอให้ช่วยกันช่วยส่งข้อมูลมาให้เราและเราจะทำหน้าที่อย่างดีที่สุด

ตนทราบดีว่า เรื่องนี้เป็นแดนพิศวง จะพยายามทำเรื่องนี้คลี่คลายให้ได้มากที่สุด อย่างน้อยเราจะใช้โอกาสนี้ ทำให้กระบวนการยุติธรรมมันดีกว่าที่ผ่านมา.312 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

Cambodia PM Hun Manet in military uniform

กัมพูชาเสนอศาลโลกตัดสินดินแดนพิพาทกับไทย

พนมเปญ 2 มิ.ย.- ผู้นำกัมพูชาเสนอให้นำข้อพิพาททางดินแดนกับไทยให้ศาลโลกตัดสิน และได้สั่งการให้เจบีซีเร่งจัดการหารือกับไทยเรื่องปักปันเขตแดน ด้านกระทรวงต่างประเทศกัมพูชาได้ยื่นหนังสือประท้วงไทยเรื่องเหตุปะทะที่มีทหารกัมพูชาเสียชีวิต เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ขแมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานวันนี้ว่า นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนตได้โพสต์ถ้อยแถลงในสื่อสังคมออนไลน์เมื่อเย็นวันอาทิตย์ว่า เขาได้ตัดสินใจตามที่รับฟังรายงานสรุปจากนายทหารที่ประจำการตามแนวชายแดนไทย หลังจากที่เขากลับจากการปฏิบัติภารกิจในต่างประเทศ โดยได้สั่งการให้คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมกัมพูชา-ไทยหรือเจบีซี (JBC) เร่งจัดการประชุมกับฝ่ายไทยเพื่อเดินหน้าการสำรวจและปักปันเขตแดนระหว่าง 2 ประเทศ ถ้อยแถลงระบุด้วยว่า กัมพูชากำลังเตรียมบรรจุประเด็นใหม่ไว้ในวาระการประชุมเจบีซี คือ การเสนอให้นำข้อพิพาทยาวนานเรื่องปราสาทตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด ตาเมือนควาย และพื้นที่มอมเบ เข้าสู่การตัดสินชี้ขาดของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือศาลโลกที่กรุงเฮกในเนเธอร์แลนด์ นายกรัฐมนตรีกัมพูชาเตือนว่า การยั่วยุเมื่อไม่นานมานี้ของกลุ่มสุดโต่งเล็ก ๆ ได้จุดชนวนความตึงเครียดและโหมกระพือกระแสรักชาติขึ้นใน 2 ประเทศ เขาหวังว่าทั้ง 2 ฝ่ายจะสามารถทำงานร่วมกันเพื่อบรรลุทางออกสุดท้ายให้แก่พื้นที่พิพาทอ่อนไหวเหล่านี้ กัมพูชายังคงมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาชายแดนด้วยกลไกทางเทคนิคและหลักการทางกฎหมาย แต่ก็สงวนสิทธิที่จะปกป้องบูรณภาพทางดินแดนด้วยทุกวิถีทาง รวมถึงการใช้อาวุธ หากมีความพยายามใช้กำลังทหารรุกรานดินแดนของกัมพูชา ด้านกระทรวงกิจการต่างประเทศและความร่วมมือสากลของกัมพูชาได้ยื่นหนังสือทางการทูตประท้วงไทย ซึ่งมีการเปิดเผยเนื้อหาเมื่อเย็นวันอาทิตย์ว่า กองทัพไทยเปิดฉากยิงทั้งที่ไม่มีการยั่วยุจากที่ตั้งทางทหารของกัมพูชาในหมู่บ้านเตโชมรกต อำเภอจอมกระสานต์ จังหวัดพระวิหารเมื่อราวเวลา 05.30 น.วันที่ 28 มีนาคม ส่งผลให้ทหารกัมพูชาถูกสังหารอย่างไม่เป็นธรรม 1 นาย และเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพทางดินแดนของกัมพูชา กระทรวงต่างประเทศของกัมพูชาขอประณามอย่างรุนแรงต่อการกระทำดังกล่าวว่า ผิดกฎหมาย รัฐบาลกัมพูชาเรียกร้องให้สอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยทันทีและถี่ถ้วน และต้องนำตัวผู้กระทำผิดมารับโทษ.-814.-สำนักข่าวไทย

นายกฯ กัมพูชา สั่งระดมทหารประชิดชายแดนไทย

1 มิ.ย. – ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา สั่งระดมกำลังทหารประชิดชายแเดนไทย ขณะเดินทางเยือนญี่ปุ่น พร้อมติดตามสถานการณ์บริเวณชายแดนติดกับไทยอย่างใกล้ชิด หนังสือพิมพ์ขะแมร์ ไทมส์ รายงานว่า ฌอง-ฟรองซัว ตัน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ให้สัมภาษณ์สื่อในประเทศ ระบุว่านับตั้งแต่เกิดเหตุความขัดแย้งตามมแนวชายแดนระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ของกัมพูชา ซึ่งอยู่ระหว่างปฏิบัติภารกิจเยือนญี่ปุ่น ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด จนกระทั่งเดินทางกลับมายังกัมพูชา เมื่อคืนที่ผ่านมา และได้สั่งการด้วยตัวเองให้ระดมกำลังทหารเพิ่มเติมเข้าประชิดชายแดนด้านที่ติดกับไทย เพื่อปกป้องอธิปไตยและพรมแดนกัมพูชา พร้อมกับยืนยันว่าสถานการณ์บริเวณชายแดนด้านที่ติดกับไทย กลับมาสงบเรียบร้อยตามปกติแล้ว นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ยังได้ติดต่อและสั่งการตามสายงานลงไปยังรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกลาโหม ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และเสนาธิการกองทัพบก ให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และแจ้งความคืบหน้าให้ทราบอย่างต่อเนื่อง หลังเกิดการปะทะกันครั้งล่าสุดระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย พร้อมกับเรียกร้องประชาชนชาวกัมพูชาเชื่อมั่นการปฏิบัติหน้าที่ของกองทัพและรัฐบาลกัมพูชา ในการปกป้องดินแดน และหาหนทางแก้ไขความขัดแย้งบริเวณชายแดนติดกับไทย โดยยึดผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ และหลังจากนี้ คณะกรรมการพรมแดนของกัมพูชา มีกำหนดพบหารือในช่วงปลายเดือนมิถุนายนนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับรายละเอียดข้อขัดแย้ง และนำเสนอเพื่อเข้าสู่การเจรจาต่อไป.-สำนักข่าวไทย

“โอปอล สุชาตา” คว้ามงกุฎ Miss World 2025

อินเดีย 1 มิ.ย.-“โอปอล สุชาตา” สาวงามตัวแทนจากไทย สร้างประวัติศาสตร์สามารถคว้ามงกุฎ Miss World 2025 มาครองได้สำเร็จ เวทีการประกวด Miss World 2025 ครั้งที่ 72 ณ HITEX Convention Center เมืองไฮเดอราบัด รัฐเตลังคานา ประเทศอินเดีย โดย “โอปอล สุชาตา ช่วงศรี” สาวงามตัวแทนจากประเทศไทย สร้างประวัติศาสตร์สามารถคว้ามงกุฎมิสเวิลด์มาครองได้สำเร็จ โดยการประกวดในปีนี้มีนางงามจาก 108 ประเทศทั่วโลก เข้าร่วม ทั้งนี้ในรอบ 8 คนสุดท้าย มีนางงามที่ผ่านเข้ารอบได้แก่ บราซิล มาร์ตินีก เอธิโอเปีย นามิเบีย โปแลนด์ ยูเครน ฟิลิปปินส์ และประเทศไทย ซึ่งจนกระทั่ง รอบ 4 คนสุดสุดท้าย มาร์ตีนิก เอธิโอเปีย และ โปแลนด์ ทั้ง 4 […]

ข่าวแนะนำ

South Korea's presidential election voting place

เกาหลีใต้เลือกตั้ง ปธน.หลังการเมืองวุ่นหลายเดือน

โซล 3 มิ.ย.- ชาวเกาหลีใต้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันนี้ หลังจากการเมืองตกอยู่ในความวุ่นวาย นับตั้งแต่อดีตประธานาธิบดีประกาศใช้กฎอัยการศึกเมื่อเดือนธันวาคมปีก่อน ผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้ง 44.39 ล้านคน ในเกาหลีใต้เริ่มออกไปใช้สิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีตามหน่วยเลือกตั้งต่าง ๆ ทั่วประเทศในวันนี้ ที่เปิดให้ลงคะแนนตั้งแต่เวลา 06.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น เร็วกว่าไทย 2 ชั่วโมง ขณะที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติของเกาหลีใต้ส่งกำลังตำรวจทั้งหมด 28,590 นายไปประจำการตามคูหาเลือกตั้งทั้ง 14,295 แห่งทั่วประเทศเพื่อดูแลความสงบเรียบร้อย การลงคะแนนจะเสร็จสิ้นในเวลา 20.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น คาดว่าจะทราบผลเลือกตั้งได้ภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังปิดหีบ โดยเมื่อวันพฤหัสบดีและวันศุกร์ที่แล้ว มีการจัดให้ลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้า มีผู้ออกไปใช้สิทธิลงคะแนนมากกว่า 15 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 34.74 สูงที่สุดเป็นอันดับ 2 นับตั้งแต่เริ่มให้มีการเลือกตั้งล่วงหน้าได้ตั้งแต่ปี 2557 การเลือกตั้งประธานาธิบดีเกาหลีใต้ต้องจัดขึ้นก่อนกำหนดเดิมที่จะมีขึ้นในวันที่ 3 มีนาคม 2570 หลังเกิดความวุ่นวายทางการเมืองนานหลายเดือน จากการที่นายยุน ซ็อก ยอล อดีตประธานาธิบดี ประกาศใช้กฎอัยการศึกเป็นเวลาสั้นๆ เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ทำให้เขาถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งในเวลาต่อมา หลายฝ่ายมองว่า การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการลงประชามติต่อการกระทำของนายยุน มากกว่าการชูนโยบายแข่งขันกันของผู้สมัครชิงตำแหน่ง […]

สิ้นพระเอกดัง “ไพโรจน์ สังวริบุตร” จากไปอย่างสงบในวัย 72 ปี

3 มิ.ย.- วงการบันเทิงเศร้า… สิ้นพระเอกดัง “เอ๋” ไพโรจน์ สังวริบุตร นักแสดง-ผู้กำกับในตำนาน จากไปอย่างสงบในวัย 72 ปี แฟนคลับร่วมแสดงความอาลัย ข่าวเศร้าช็อกวงการบันเทิง เอ๋-ไพโรจน์ สังวริบุตร เสียชีวิตอย่างสงบ เมื่อเวลา 03.00 น. (3 มิ.ย.68) ที่จังหวัดนครราชสีมา สิริอายุได้ 72 ปี กำหนดสวดพระอภิธรรม ณ วัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร สำหรับพิธีรดน้ำศพ จะมีขึ้นในวันที่ 4 มิถุนายน 2568 โดยข้อมูลจากเพจดาราภาพยนตร์ เผยการจากไปของพระเอกรุ่นใหญ่ สร้างความโศกเศร้าให้กับวงการบันเทิงไทยอย่างมาก หากเอ่ยถึงชื่อ “ไพโรจน์ สังวริบุตร” คนไทยหลายรุ่นคงต้องนึกถึงชายหนุ่มร่างโปร่ง ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม และแววตาทะเล้นที่ปรากฏอยู่บนจอเงินในบท “ตั้ม” จากภาพยนตร์ วัยอลวน อันโด่งดังในยุค 2510–2520 เขาคือพระเอกผู้ก้าวข้ามกาลเวลา จากภาพลักษณ์ของวัยรุ่นสุดแนวในวันนั้น สู่ผู้กำกับภาพยนตร์มากฝีมือในวันนี้ และยังคงยืนหยัดเป็นบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์วงการภาพยนตร์ไทย “ไพโรจน์ สังวริบุตร” เกิดเมื่อวันที่ 18 […]

นายกฯ นำทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระบรมราชินี

สนามหลวง 3 มิ.ย.- นายกฯ เป็นประธานพิธีเจริญพระพุทธมนต์ ตักบาตรพระสงฆ์ 148 รูป ถวายพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เมื่อเวลา 07.30 น. ที่มณฑลพิธีท้องสนามหลวง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายปิฎก สุขสวัสดิ์ คู่สมรส เป็นประธานในพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และพิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ จำนวน 148 รูป เพื่อถวายพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี 3 มิถุนายน 2568 ณ บริเวณท้องสนามหลวง โดยมีคณะองคมนตรีและภริยา ประธานศาลฎีกาและคู่สมรส ประธานวุฒิสภา ประธานองค์กรอิสระและคู่สมรส รองนายกรัฐมนตรีและภริยา รัฐมนตรีว่าการผู้บริหารหน่วยราชการในพระองค์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้บัญชาการทหารและตำรวจ พร้อมภริยา และปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เข้าร่วมด้วย ทั้งนี้ เมื่อนายกรัฐมนตรีเดินทางมาถึงปะรำพิธี พระสงฆ์จำนวน 10 รูป ในพิธีเจริญพระพุทธมนต์ขึ้นนั่งอาสน์สงฆ์ จากนั้น […]

กรมอุตุฯ เตือนทั่วไทยยังมีฝนฟ้าคะนอง-ตกหนักบางแห่ง

กทม. 3 มิ.ย.- กรมอุตุฯ เตือนมรสุมพัดปกคลุมประเทศไทย ส่งผลให้ยังมีฝนฟ้าคะนองและตกหนักบางแห่ง ทะเลอันดามันคลื่นสูง 2 เมตร กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักไว้ด้วย เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง .-สำนักข่าวไทย