กรุงเทพฯ 14 ก.ค. – เครดิตบูโรย้ำ “ไม่มีการบังคับสหกรณ์ที่มีธุรกรรมสินเชื่อต้องเข้าเป็นสมาชิกเครดิตบูโร” ความเข้าใจผิดที่ต้องเรียนชี้แจง
14 กรกฎาคม 2565 : เครดิตบูโรขอชี้แจง “ไม่มีการบังคับสหกรณ์ที่มีธุรกรรมสินเชื่อต้องเข้าเป็นสมาชิกเครดิตบูโร” จากกรณีความเห็นเกี่ยวกับ “ร่างกฎกระทรวงการบริหารจัดการและการกำกับดูแลทางการเงินของสหกรณ์ออมทรัพย์และสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน พ.ศ….” ภายในงานเสวนา ซึ่งจัดโดยสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย (สสท.)
ตามที่ปรากฏข่าวจากหลายสำนักเกี่ยวกับงานจัดเวทีเสวนา เรื่อง “ร่างกฎกระทรวงฯ ฉบับที่ 2 มุมมองของคนสหกรณ์ จะไปต่อหรือพอแค่นี้ ?” และรับฟังความคิดเห็นร่างกฎกระทรวงฯ ฉบับที่ 2 (ร่างกฎกระทรวงการบริหารจัดการและการกำกับดูแลทางการเงินของสหกรณ์ออมทรัพย์และสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน พ.ศ….) โดย สสท. ความตอนหนึ่งสรุปผลการถกและเสนอความคิดเห็นระบุถึงประเด็นที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของสหกรณ์และสมาชิกจากร่างกฎกระทรวงฯ อันเกี่ยวกับการตรวจสอบข้อมูลจากบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ (เครดิตบูโร) ตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิต ว่า “ร่างกฎกระทรวงฯ ได้กำหนดให้การกู้เงินทุกประเภทที่เกิน 2 ล้านบาท จะต้องเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบเครดิตบูโร ส่งผลให้สมาชิกเข้าสู่ระบบการกู้เงินของสหกรณ์ได้ยากขึ้น เนื่องจากมีระบบการตรวจสอบที่เข้มข้น แต่ระบบสหกรณ์เป็นระบบที่มีความพิเศษแตกต่างจากธนาคารและสถาบันการเงินอื่นๆ เช่น สหกรณ์มีการค้ำประกันโดยสมาชิก มีทุนเรือนหุ้น มีเงินฝากและสามารถหัก ณ ที่จ่ายได้ การบังคับเข้าระบบเครดิตบูโร อาจส่งผลกระทบต่อสมาชิกโดยตรง คือ สมาชิกส่วนใหญ่อาจจะกู้ไม่ได้ หรือกู้ได้ยากขึ้น และเป็นการผลักดันให้สมาชิกต้องกู้นายทุนและกู้นอกระบบ ที่ดอกเบี้ยแพง ส่งผลต่อปากท้องของประชาชนคนรากหญ้า…….”
นายสุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (เครดิตบูโร) ขอชี้แจงทำความเข้าใจต่อกรณีดังกล่าวว่า “จากความเห็นข้างต้นประกอบถ้อยคำของร่างกฎกระทรวงฯ ข้อ 6. (1) ที่กำหนดว่า “การให้กู้ยืมเงินที่รวมกันทุกสัญญาแล้วตั้งแต่สองล้านบาทขึ้นไป สหกรณ์ต้องกำหนดหลักเกณฑ์ให้สมาชิกผู้กู้ส่งข้อมูลเครดิตจากบริษัทข้อมูลเครดิตตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิตเพื่อประกอบการพิจารณาให้เงินกู้” นั้น
จะเห็นได้ว่า ร่างกฎกระทรวงฯ ระบุให้ผู้กู้มาตรวจสอบข้อมูลของตนเองที่เครดิตบูโร (ตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิต คือ การใช้สิทธิตรวจสอบข้อมูลของเจ้าของข้อมูล ตามมาตรา 25) แล้วนำส่งให้แก่สหกรณ์ที่ตนเองขอกู้ยืม เพื่อประกอบการพิจารณา มิใช่การบังคับให้สหกรณ์เข้าระบบเครดิตบูโร กรณีการนำสหกรณ์เข้าสู่ระบบเครดิตบูโรจะต้องเป็นการที่สหกรณ์มาสมัครเป็นสมาชิกเครดิตบูโร สามารถเรียกดูข้อมูลตรงมายังเครดิตบูโร ภายใต้ความยินยอมของผู้กู้ (ตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิต ดำเนินการในฐานะสมาชิก ตามมาตรา 20) และต้องส่งข้อมูลประวัติการชำระหนี้สัญญาเงินกู้ด้วยทุกเดือน ซึ่งเป็นคนละกรณีกับร่างกฎกระทรวงฯ นี้โดยสิ้นเชิง และสหกรณ์นั้นๆ จะต้องสมัครใจและมีความพร้อม จึงจะเข้าระบบเครดิตบูโรได้”
อย่างไรก็ดี ปัจจุบันมีสหกรณ์ออมทรัพย์หลายรายที่ได้เข้าสู่ระบบเครดิตบูโรแล้วในฐานะสมาชิก แม้ไม่มีร่างกฎกระทรวงฯ ฉบับนี้ ด้วยความสมัครใจ เนื่องจากเห็นประโยชน์ในภาพรวมของการบริหารจัดการเงินฝากของสมาชิกที่นำมาปล่อยกู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ สหกรณ์หลายแห่งก็ยังดำเนินการออกเกณฑ์การกู้ยืมเงิน โดยให้ผู้กู้มาตรวจสอบข้อมูลของตนเองที่เครดิตบูโร แล้วนำส่งให้แก่สหกรณ์ประกอบคำขอกู้เป็นปกติ แม้วงเงินกู้ยืมไม่ถึงสองล้านบาทเช่นกัน
การที่ผู้ให้กู้ยืมนำข้อมูลจากเครดิตบูโรไปร่วมพิจารณาถึงความสามารถในการชำระหนี้ เพื่อให้ได้เห็นวงเงินเป็นหนี้รวมตามความจริงว่าจะเป็นภาระในการผ่อนชำระแก่ผู้กู้มากเกินไปหรือไม่ ตามหลักการให้สินเชื่ออย่างมีความรับผิดชอบ (Responsible Lending) กล่าวคือ ผู้ให้กู้ยืมจะต้องดูให้แน่ใจว่าให้สินเชื่อไปแล้ว คุณภาพชีวิตลูกหนี้ดีขึ้นหรือเลวลงนั่นเอง. – สำนักข่าวไทย