“อนุทิน” สั่งตรวจสอบกรณีจัดแพ็กเกจรักษาโควิด

สำนักข่าวไทย 11 ก.ค. – “อนุทิน” ย้ำ “ฟาวิพิราเวียร์-โมลนูพิราเวียร์” เป็นยาที่รัฐสนับสนุน ให้โรงพยาบาลทั้งรัฐและเอกชน สั่ง สบส. ตรวจสอบโรงพยาบาลเอกชน จัดแพ็กเกจรักษาโควิด ด้านอธิบดี สบส. ย้ำ รักษาตามสิทธิ ไม่สามารถเรียกเก็บค่าใช้จ่ายได้ เตรียมหารือโรงพยาบาลเอกชน สัปดาห์นี้


นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีโรงพยาบาลเอกชน นำยาฟาวิพิราเวียร์และโมลนูพิราเวียร์ ไปจัดแพ็กเกจการรักษาโควิด ว่า ยาฟาวิพิราเวียร์ และ ยาโมลนูพิราเวียร์ เป็นยาที่รัฐบาลสนับสนุนให้โรงพยาบาลรัฐและเอกชนเพื่อรักษาตามสิทธิ ส่วนโรงพยาบาลเอกชนที่ออกแพ็กเกจ อาจเป็นเรื่องการอำนวยความสะดวกสบาย เพื่อให้ผู้ป่วยที่สามารถจ่ายได้ มีทางเลือกตรงนี้ ให้อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ลงไปตรวจสอบข้อเท็จจริง ว่าทำได้หรือไม่ หรือกรอบไหนทำไม่ได้ก็จะมีการตรวจสอบให้ชัดเจน ซึ่งหากโรงพยาบาลเอกชน สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นไปเพื่ออำนวยความสะดวกได้จริง และไม่ผิดหลักเกณฑ์ใดๆ ก็น่าจะทำได้ และประชาชนก็ได้ความสะดวกสบาย หากมีกรณีไหนที่เข้าข่ายทำผิดหรือยังไม่ชัดเจนให้สอบถามมายังกรมสนับสนุนบริการสุขภาพเพื่อตรวจสอบแต่ต้องมีหลักฐาน

นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กล่าวว่าหากเป็นคนไข้โควิดไปรักษาในโรงพยาบาลตามสิทธิเป็นไปตามระบบนั้น โรงพยาบาลที่รักษาตามสิทธินั้นๆ ย่อมไม่สามารถเรียกเก็บเงินได้ เพราะรัฐเป็นผู้สนับสนุนยาไปยังโรงพยาบาล อย่างไรก็ตามช่วงหลังโรงพยาบาลเอกชนจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ที่ต้องการอำนวยความสะดวกสบายและมีกำลังจ่าย เพียงแต่การรักษาต้องเป็นไปตามมาตรฐานการรักษาทางการแพทย์ เมื่อถามว่ากรณีโรงพยาบาลเอกชน ระบุแพ็กเกจให้คนไข้เลือกว่าจะใช้ยาประเภทใด นพ.ธเรศ กล่าวว่าจริงๆ สามารถทำได้ แต่ต้องเป็นไปตามมาตรฐานการรักษาทางการแพทย์ ซึ่งยาส่วนนี้จะเป็นของเอกชนเนื่องจากปัจจุบันในส่วนของรัฐจะเตรียมยาไว้ให้กรณีโรงพยาบาลเอกชนที่ดูแลคนไข้ตามสิทธิ แต่ยังมีอีกกลุ่มที่มาขึ้นทะเบียน และเอกชนสามารถซื้อขายตามระบบปกติได้


อธิบดี สบส. กล่าวอีกว่าสิ่งสำคัญการออกแพ็กเกจใดๆ ต้องอิงอาการคนไข้เป็นหลักและต้องมีการแจ้งล่วงหน้า เป็นไปตามมาตรฐานการรักษาและมาตรฐานสถานพยาบาล แต่เมื่อมีข้อคิดเห็นกรณีนี้เข้ามาก็จะมีการประชุมหารือและกำชับโรงพยาบาลเอกชนในการปฏิบัติเรื่องนี้ให้ถูกต้อง ซึ่งสัปดาห์นี้จะมีการหารือร่วมกับเอกชนอีกครั้ง หากใครเจอเรื่องลักษณะนี้หรือสงสัยว่าโรงพยาบาลเอกชนทำได้หรือไม่ให้แจ้งที่ สบส. เพื่อตรวจสอบต่อไป .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง