กทม. 9 ก.ค.-นายกฯ มุ่งมั่นยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน ผ่านโครงการบ้านล้านหลัง ระยะ 2 ขณะนี้ปล่อยสินเชื่อไปแล้วกว่า 15,500 ล้านบาท ธอส. เตรียมลุยต่อ ระยะ 3 ช่วยกลุ่มเปราะบาง-รายได้น้อยให้มีบ้านเป็นของตนเอง
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และรัฐบาล มีความมุ่งมั่นที่ต้องการดูแลประชาชนผู้มีรายได้น้อยให้ได้มีที่อยู่อาศัยที่มั่นคง ราคาไม่แพง โดยเฉพาะกลุ่มที่ไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อในระบบสถาบันการเงิน ผู้ที่เริ่มต้นทำงานเพื่อสร้างครอบครัว และผู้สูงอายุ ซึ่งมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2565 เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ปรับปรุงการกำหนดราคาซื้อ-ขาย/ค่าก่อสร้าง และปรับวงเงินกู้ “โครงการบ้านล้านหลัง ระยะที่ 2” สูงสุดต่อรายต่อหลักประกัน ไม่เกิน 1,500,000 บาท ภายใต้กรอบวงเงินรวม 20,000 ล้านบาท โดยความคืบหน้าการปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำผ่านโครงการบ้านล้านหลัง ระยะที่ 2 ของ ธอส. (ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2565) มีการปล่อยสินเชื่อไปแล้วกว่า 15,500 ล้านบาท ถือว่าประชาชนให้การตอบรับ เป็นอย่างดี
นายธนกร กล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการบ้านล้านหลังถือเป็นโครงการที่สร้างโอกาสและสนับสนุนประชาชนกลุ่มผู้มีรายได้น้อยที่ไม่มีที่อยู่อาศัยได้มีกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัยได้อย่างทั่วถึง ซึ่งหากโครงการ ระยะที่ 2 ปล่อยสินเชื่อเต็มวงเงินแล้ว ในช่วงปี 2566 ธอส. เตรียมจะเดินหน้าโครงการบ้านล้านหลัง ระยะที่ 3 ต่อ สอดคล้องตามที่รัฐบาลต้องการส่งเสริมให้คนไทยมีบ้านเป็นของตนเองมากขึ้น
“ประชาชนตอบรับโครงการบ้านล้านหลังระยะที่ 2 เป็นอย่างดี โดยนายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญกับการสร้างความสุขและความอบอุ่นในครอบครัว เร่งยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน มุ่งมั่นดูแลผู้มีรายได้น้อยให้มีที่อยู่อาศัยที่มั่นคง ราคาไม่แพง พยายามเสริมสร้างระบบการเงินและระบบสินเชื่อที่เอื้อต่อการมีที่อยู่อาศัยของประชาชนทุกระดับรายได้ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต เสริมสร้างความเสมอภาค ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างโอกาสให้คนไทยมีบ้านที่อยู่อาศัยทั่วหน้า” นายธนกรฯ กล่าว
ทั้งนี้ ประชาชนที่สนใจยังสามารถลงทะเบียนผ่าน Mobile Application : GHB ALL เพื่อเข้าร่วมโครงการบ้านล้านหลัง ระยะที่ 2 ได้อย่างต่อเนื่อง โดยโครงการฯ จะสิ้นสุดยื่นคำขอกู้และทำนิติกรรมในวันที่ 30 ธันวาคม 2566 หรือ เมื่อมีลูกค้าได้รับอนุมัติสินเชื่อและทำนิติกรรมเต็มกรอบวงเงิน 20,000 ล้านบาท สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธอส. ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือ ที่ G H Bank Call Center โทร 0-2645-9000.-สำนักข่าวไทย