นายกฯ เร่งตั้งทีม JTC เจรจา MOU44 คาดชัด 18 พ.ย.นี้

วปอ. 8 พ.ย.- นายกฯ ยันรัฐบาลเร่งตั้งคณะกรรมการ JTC หารือเส้นเขตแดน MOU 44 และพลังงานใต้ทะเล คาด 18 พ.ย.นี้ ชัดเจน “ภูมิธรรม” มั่นใจกัมพูชายึดตามสนธิสัญญาเจนีวา แม้ไม่เข้าร่วม ย้ำมีผลผูกพันทุกประเทศทั่วโลก


น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ถึงประเด็น MOU 2544 เกี่ยวกับพื้นที่อ้างสิทธิ์ระหว่างไทยกับกัมพูชาบริเวณเกาะกูด ว่าในเรื่องของตัวกฎหมายเอง มันยังไม่เข้าสภาก็จริง แต่เราก็ยึดหลักนี้อยู่ เพราะเป็นหลักของการเปิดเสรีในการเจรจาเพื่อให้มีการเจรจาทั้งไทยและกัมพูชา ซึ่งมีการตกลงกันเพื่อจะมีการเจรจา ส่วนเรื่องการจะถูกฟ้องหรือโดนฟ้องหรือไม่นั้น เกิดขึ้นได้ หากมีการยกเลิกฝ่ายเดียว เพราะฉะนั้นการพูดคุยกันระหว่างประเทศสำคัญมากหากจะยกเลิก ถามว่ายกเลิกเพื่ออะไรและทำไม ถ้ายกเลิกแล้วความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจะเป็นอย่างไร อันนี้คือสิ่งที่พวกเราคนไทยทุกคนต้องคิดในเรื่องนี้ ว่าถ้ายกเลิกจะมีผลอย่างไรระหว่างประเทศ ลองคิดในกรอบง่ายๆ สมมุติว่าเราเป็นเพื่อนกัน ถ้าจะยกเลิกบางอย่างที่เราแชร์ร่วมกันมา ก็ต้องตกลงกัน โอเค ว่าทำได้แต่มันไม่ควรที่จะยกเลิกฝ่ายเดียว เพราะมันจะเกิดปัญหาระหว่างประเทศเช่นกัน เพราะฉะนั้นจึงต้องมีการพูดคุยกันก่อนจึงต้องขอเวลาสักเล็กน้อย เพื่อจะคุยกันจริงๆไม่มีปัญหาอะไรในเรื่องของรายละเอียดต่างๆ เพราะมีโอกาสได้เจอกับผู้นำกัมพูชาที่ไปประชุมจีเอ็มเอสที่ผ่านมาไม่มีอะไรเลย ซึ่งทางกัมพูชายังบอกเลยว่ามีอะไรให้กัมพูชาซัพพอร์ตประเทศไทยหรือไม่ ขอให้บอกมา ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องสื่อสารให้กับประชาชนเข้าใจมากกว่า ว่าเรายังไม่ได้เสียเปรียบอะไร จึงขอเน้นย้ำเรื่องนี้อีกรอบ

นายกฯ ระบุอีกว่า การขีดเส้นของทั้งสองประเทศไม่เหมือนกัน จึงเกิด MOU 44 ขึ้นซึ่งตอนนี้รัฐบาลอยู่ในขั้นตอนที่ว่า การตั้งคณะกรรมการเจทีซี ซึ่งคาดว่าหลังจากที่ตนกลับมาจากเอเปค ประมาณวันที่ 18 พ.ย. กอ้นที่จะนำเรื่องเข้า ครม. การตั้งคณะกรรมการก็น่าจะสำเร็จ เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งได้บอกกัมพูชาไปแล้วว่าการตั้งคณะกรรมการจะเสร็จสิ้นน่าจะประมาณกลางเดือนพฤศจิกายนนี้ ซึ่งทางกัมพูชาก็โอเค และจะคุยกันทุกอย่างผ่านคณะกรรมการฯ


ส่วนที่หลายฝ่ายมองว่า MOU44 ยังไม่สมบูรณ์ จึงต้องพูดคุยหารือกันในสภาก่อนหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่ามันสมบูรณ์แล้ว ถูกหรือไม่ ขอให้นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมให้ข้อมูลเรื่องข้อกฎหมายเพื่อความชัดเจน

โดยนายภูมิธรรม กล่าวเสริมว่า MOU44 นี้ เป็นข้อที่ได้พูดคุยเพื่อให้ทุกคนเป็นข้อตกลงกันเรื่องการขยายไหล่ทวีปมาโดยไม่จำเป็นต้องเข้าสภา แต่หากมีการตกลงกันเรียบร้อย หากจะต้องมีสนธิสัญญาจะต้องนำเรื่องเข้าสภาอีกครั้ง อันนี้ถือเป็นความสมบูรณ์ในตัวมันเองแล้วเป็นข้อตกลงร่วมกัน เรื่องการประกาศเขตแดนของกัมพูชาเมื่อปี 2515 และของไทยประกาศปี 2516 ต่างฝ่ายต่างมีเส้นอยู่ MOU จึงมาตกลงกันว่าอยู่ตรงไหน ยังไม่จบเรื่องอธิปไตย

นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า MOU นี้ไม่ได้เป็นตัวชี้ ว่าเป็นของฉันหรือของเธอ แต่เมื่อของเราไม่เหมือนกัน เราต้องพูดคุยกัน ซึ่งไม่จำเป็นต้องเข้าสภา เพราะตกลงกันระหว่าง 2 ประเทศเรียบร้อยแล้ว เข้าใจตรงกัน แต่ถ้ามีข้อตกลงเพิ่มเติม จึงต้องตั้งคณะกรรมการคุยกันต่อให้เป็นกิจลักษณะ เรื่องการขีดเส้นแบ่งเรียบร้อยแล้ว ค่อยนำเรื่องเข้าสภา


ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าแต่ไทยเราจะยึดหลักอะไร เพราะไทยอยู่ในสนธิสัญญากฎหมายทางทะเลของอาเซียน แต่กัมพูชาไม่ได้อยู่ จะเกิดปัญหาตามมาหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า สนธิสัญญาที่เจนีวาประกาศทางทะเล ไม่ว่ากัมพูชาจะเข้าหรือไม่ก็ต้องยอมรับสนธิสัญญานี้ เพราะฉะนั้นในการเจรจาทั้งหมดจะต้องอยู่ในกรอบนี้เพราะถือว่ากรอบดังกล่าว ครอบคลุมทุกประเทศทั่วโลก เพราะฉะนั้นยังไม่มีปัญหาเรื่องนี้เลยซึ่งในสนธิสัญญานี้ได้พูดชัดเจนและได้แสดงออกชัดเจนว่า เป็นสนธิสัญญา เป็นข้อตกลงร่วมกันทั้งสองฝ่ายเพื่อจะเจรจา เรื่องเขตแดนโดยสันติ วัตถุประสงค์และเป้าหมายมีแค่นี้เอง หลังจากคุยกันแล้วถ้าได้ผลอะไรก็มาว่ากันอีกที ต้องรีบตั้งคณะกรรมการของเราก่อน ซึ่งทางกัมพูชามีคณะกรรมการอยู่แล้ว เมื่อตั้งเรียบร้อยก็จะเริ่มมีการเจรจากันซึ่งมี2 ส่วนที่ผูกพันกันคือผลประโยชน์ทางทะเลและเขตแดนที่ชัดเจน

ทั้งนี้ดูเหมือนว่าทางพรรคพลังประชารัฐก็จะนำเรื่อง MOU44 ไปฟ้องศาลรัฐธรรมนูญ รัฐบาลควรจะชะลอเรื่องนี้ก่อนหรือไม่ เพื่อไม่ให้มีผลผูกพันในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศตามมา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนเข้าใจซึ่งเราสามารถชะลอได้เลย แต่ที่เราต้องมีคือคณะกรรมการ เพราะฉะนั้นทางกัมพูชาก็จะไม่ทราบว่าจะคุยอย่างไร มันก็จะเป็นหลักฐานในการพูดคุย การตั้งคณะกรรมการเป็นสิ่งสำคัญ ที่ต้องเร่งในเรื่องเดียวคือการตั้งคณะกรรมการ ส่วนในเนื้อหาข้างในยังไม่ต้องเร่ง ซึ่งทางกัมพูชาก็พูดเช่นเดียวกันว่าไม่มีอะไรเลยแต่ต้องอธิบายให้ประชาชนเข้าใจ ซึ่งการตั้งคณะกรรมการให้เสร็จก็จะง่ายขึ้นทุกอย่างจะถูกตรวจสอบและพูดคุยกันทั้ง2 ประเทศจะเกิดความแฟร์ เกิดความเข้าใจขึ้น เพราะฉะนั้นข้อมูลที่ประชาชนอยากได้ก็จะครบถ้วนมากยิ่งขึ้น เราต้องคุยทั้งสอง ซึ่งคณะกรรมการเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดเป็นสิ่งที่ต้องเร่งมากที่สุด

ส่วนที่กองทัพเรือเผยแพร่คลิป เส้นเขตแดนของเกาะกูดของไทยแต่ 200 ไมล์ทะเลโดยรอบเกาะกูดนั้นจะมีปัญหาหรือไม่ นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ไม่เป็นปัญหา ซึ่งจะให้ทางเลขาส่งแผนที่ไปให้สื่อมวลชน จะได้เห็นความชัดเจนเรื่องการแบ่งเส้นแดนของกัมพูชาขีดเส้นเมื่อปี 2515 กับที่ไทยขีด 2516 ไม่เหมือนกัน โดยกัมพูชาขีดเส้นอ้อมเกาะกูดชัดเจนดังนั้นเกาะกูด จึงไม่อยู่ในนิโคลซิเอชั่น(การเจรจาต่อรอง) นี้เลย ทางกัมพูชาจึงไม่ได้มีปัญหาเรื่องนี้เลย เพราะเกาะกูดเป็นของเราอยู่แล้ว เมื่อกัมพูชาเห็นก็ไม่อยากมีปัญหาได้ขีดเว้นและอ้อมเกาะกูดของเราไว้ชัดเจน เรื่องเกาะกูดไม่มีปัญหาแน่นอน ไม่มีจริงๆ เป็นในลักษณะถ้วยขนมครกเลย

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า จำเป็นต้องให้เรื่องในสภาพูดคุย MOU 44 ให้ชัดเจนก่อนที่จะเจรจาผลประโยชน์ทับซ้อน เกี่ยวกับปิโตรเลียมและพลังงานใต้ทะเลใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ใช่ ต้องให้ชัดเจนก่อนเราจะไม่สามารถทำไปได้เลยเพื่อให้เกิดความชัดเจนระหว่างประเทศจะไม่เกิดปัญหา ส่วนด้านล่างเป็นของมาเลเซียก็พูดคุยกันได้ ตกลงกันเข้าใจ .314.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.เรือนจำทักษิณป่วย ไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน  

13 มิ.ย. – ศาลฎีกาฯ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนกรณีกรมราชทัณฑ์อนุญาตให้ “ทักษิณ” เข้ารักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ นัดไต่สวนเพิ่มอีก 6 นัด เดือน ก.ค.68 ด้าน ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ยอมรับไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนคดีชั้น 14 ในเรื่องการบังคับคดีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ล่าสุดการไต่สวนนัดแรกเสร็จสิ้นแล้ว โดยศาลได้สอบถาม นายมานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพคนปัจจุบัน เกี่ยวกับกระบวนการในการส่งตัวนายทักษิณจากเรือนจำไปโรงพยาบาลตำรวจ ในคืนวันที่ 22 สิงหาคม ซึ่งนายทักษิณ มีอาการแน่นหน้าอก นอนไม่หลับ พยาบาลเวรตรวจอาการแล้ว ถึงโทรไปหาแพทย์ และมีความเห็นให้ส่งตัวไปที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ได้เข้าไปที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน และอาการก็ตรงกลับใบส่งตัวที่แพทย์เขียนไว้ล่วงหน้า เพราะเป็นผู้ป่วยกรณีฉุกเฉิน แต่ก็ยอมรับว่าไม่ได้เข้าโรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน จากนั้นศาลได้นัดไต่สวน 6 นัด ในเดือนกรกฎาคม 2568 และใน […]

เครื่องบินแอร์อินเดีย ตกใส่อาคารที่พักแพทย์ ตาย 241 รอดคนเดียว

นิวเดลี 13 มิ.ย. – เครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์อินเดีย พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประสบอุบัติเหตุตกใส่อาคารในย่านชุมชนทางตะวันตกของประเทศ มีผู้เสียชีวิต 241 ราย รอดชีวิตปาฏิหาริย์เพียงคนเดียว ยังไม่มีการยืนยันว่ามีคนในอาคารบ้านเรือนเสียชีวิตเท่าไร เครื่องบินลำที่ประสบอุบัติเหตุเป็นเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลน์เนอร์ ของสายการบิน แอร์ อินเดีย เที่ยวบิน เอไอ171 (AI171) พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประกอบด้วยผู้โดยสาร 230 คน และลูกเรือ 12 คน เพิ่งจะออกเดินทางจากท่าอากาศยานระหว่างประเทศเมืองอาห์เมดาบัด รัฐคุชราต ทางตะวันตกของอินเดียเมื่อเวลา 13.34 น. วานนี้ มุ่งหน้าไปยังท่าอากาศยานแกตวิค กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ คนบนเครื่องบินเป็นชาวอินเดีย 169 คน และมีพลเมืองอังกฤษ 53 คน โปรตุเกส 7 คน และแคนาดา 1 คน คลิปที่ผู้ใช้งานสื่อออนไลน์ในอินเดียส่งต่อกันแพร่หลาย เผยให้เห็นช่วงเวลาขณะที่เครื่องบินโดยสารลำนี้เครื่องบินค่อยๆ […]

แพทยสภายืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย

กทม. 12 มิ.ย.- แพทยสภามีมติ 2 ใน 3 ยืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย ปมส่งตัว “ทักษิณ” รักษาชั้น 14 รพ.ตร. ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภา เปิดเผยหลังการประชุมการลงมติแพทยสภากว่า 5 ชม. ว่า กรณีที่มีการกล่าวโทษแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ เกี่ยวกับการประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม การประชุมคณะกรรมการแพทยสภาครั้งที่ 6/2568 ประจำเดือนมิถุนายน คือวันนี้ มีวาระสำคัญคือการพิจารณาหนังสือยับยั้งมติลงโทษผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของคณะกรรมการแพทยสภาจากสภานายกพิเศษ วาระนี้มีคณะกรรมการแพทยสภาเข้าร่วมประชุมจำนวน 68 คน จากจำนวนแพทยสภาที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งสิ้น 69 คน ได้พิจารณาการยับยั้งมติแพทยสภาของสภานายกพิเศษ มีมติด้วยคะแนนเสียงเกินกว่า 2 ใน 3 ของคณะกรรมการฯ ที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งคณะ ซึ่งมีคะแนนโหวตมากกว่า 60 เสียง ยืนยันตามมติเดิมของคณะกรรมการแพทยสภาเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 กระบวนการต่อไปแพทยสภาจะออกคำสั่งบังคับตามมติและแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ คาดว่าคำสั่งจะออกได้ในวันพรุ่งนี้ และจะมีผลการลงโทษหลังจากคำสั่งไปยังผู้ถูกร้องเรียน ทั้งนี้ […]

“ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน

ฉะเชิงเทรา 12 มิ.ย. – “ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน จ.ฉะเชิงเทรา พบกองขยะอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนเครื่องยนต์นำเข้ากองเต็มพื้นที่ ฝ่าฝืนคำสั่งกรมโรงงานฯ น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าทีมสุดซอย พร้อมเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัด และตำรวจสอบสวนกลาง เข้าตรวจสอบโรงงานรีไซเคิลใน อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นการขยายผลจากข้อมูลที่ผู้ใหญ่บ้าน ต.เขาหินซ้อน อ้างว่ามีบริษัทคัดแยกขยะอุตสาหกรรมในพื้นที่ให้นำดินไปแจกฟรี แต่กลับพบว่าเป็นขยะอุตสาหกรรม จากการตรวจสอบพบว่าบริษัทแห่งนี้จะรับขยะอิเล็กทรอนิกส์ เศษสายไฟ วัสดุแบตเตอรี่ มอเตอร์ และชิ้นส่วนเครื่องยนต์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ผ่านบริษัทแห่งหนึ่งที่ฮ่องกง โดยบริษัทดังกล่าวรับซื้อเศษขยะมาจากญี่ปุ่นอีกทอดหนึ่ง ก่อนส่งมาที่โรงงานรีไซเคิลในไทยให้คัดแยก แต่สำแดงเป็นโลหะผสม (Mixed metal) และมีการเสียภาษีต่อเที่ยวตามน้ำหนัก รวมแล้วประมาณ 33,000 บาท การคัดแยกขยะจะใช้แรงงานต่างด้าวคัดแยกเหล็ก อะลูมิเนียม ทองแดงออก โดยในส่วนของเหล็ก จะส่งโรงเหล็กในประเทศ สำหรับอะลูมิเนียมกับทองแดง จะส่งกลับไปฮ่องกง เพื่อขายต่อ โดยไม่ต้องเสียภาษี เนื่องจากเป็นเศษโลหะ อีกทั้งยังมีกองขยะที่ไม่สามารถนำไปแปรรูปใช้งานต่อได้จำนวนมากถูกทิ้งไว้ในประเทศ โรงงานดังกล่าวมีการขออนุญาตประกอบกิจการตั้งแต่ปี 2558 แต่ก่อนหน้านี้พบว่ามีการขยายโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต การจัดเก็บวัสดุไม่ถูกต้องตามมาตรฐาน คือกองอยู่ลานโล่งด้านนอกอาคาร ปัญหาเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยในการประกอบกิจการ และการปล่อยน้ำเสีย […]

ข่าวแนะนำ

แฟนนางงามแห่ต้อนรับ “โอปอล” กลับไทยสุดอบอุ่น

กรุงเทพฯ 14 มิ.ย. – แฟนนางงามแห่รับ “โอปอล สุชาดา” Miss World 2025 กลับไทยสุดอบอุ่น ก่อนขึ้นรถแห่ฉลองทั่วกรุง “โอปอล” สุชาตา ช่วงศรี มิสเวิลด์ 2025 เดินทางกลับถึงไทย ด้วยเที่ยวบิน TG603 ร่วมงาน ‘Home Coming 72nd Miss World 2025’ ท่ามกลางการต้อนรับสุดอบอุ่นจากแฟนนางงามแน่นสนามบินสุวรรณภูมิ โอปอล กล่าวขอบคุณคนไทย และบอกว่ามงกุฎนี้เป็นของพวกเราทุกคน ตั้งเป้าใช้ตำแหน่งเพื่อช่วยเหลือสังคม หลังจบพิธี โอปอลขึ้นรถโรลส์-รอยซ์เปิดประทุน โบกธงชาติไทย มุ่งหน้าท้องฟ้าจำลอง ร่วมขบวนแห่ฉลองชัยมิสเวิลด์คนแรกของประเทสไทยอย่างสมเกียรติ บรรยากาศที่ท้องฟ้าจำลองมีประชาชนมารอต้อนรับโอปอล บรรดาแฟนนางงามต่างแสดงสัญลักษณ์ด้วยการใส่ชุดสีฟ้า บางคนมีการทำมงกุฎ Miss World มาใส่ และทันทีที่รถของโอปอลเลี้ยวเข้ามายังท้องฟ้าจำลอง มีการโห่ร้องต้อนรับอย่างอบอุ่น ส่วนแรงบันดาลใจในการทำรถขบวนแห่ของ Miss World 2025 นี้ นายธีรฉัตร อินถา ผู้ออกแบบขบวน ระบุว่า ได้มีการนำวัฒนธรรมผสมผสานระหว่างสากลและวัฒนธรรมไทย […]

ประชุม JBC วันแรกเป็นไปด้วยดี สองฝ่ายหารือตรงไปตรงมา

14 มิ.ย.- โฆษก กต. เผยการประชุม JBC “ไทย-กัมพูชา” บรรยากาศเป็นไปด้วยดี ทั้งสองฝ่ายหารือกันอย่างตรงไปตรงมา พร้อมย้ำไทยไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก สำหรับการประชุมจะเสร็จสิ้นในวันพรุ่งนี้ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงการประชุมกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย – กัมพูชา หรือ JBC ครั้งที่ 6 ว่าตั้งแต่เมื่อเช้า หลังจากคณะผู้แทนไทยฯ ที่นำโดยนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย เดินทางถึงกรุงพนมเปญเมื่อวานนี้ ได้รับรายงานความคืบหน้ามาเป็นระยะ และเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศก็ได้เรียกประชุมผู้บริหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ที่ขอให้เรียกประชุมและรายงานความคืบหน้าเป็นระยะ เพื่อจะได้มีข้อสั่งการ นายนิกรเดช กล่าวว่า การประชุมเริ่มจากที่พบหารือระหว่างสองประธานไทย-กัมพูชา กลุ่มเล็ก จากนั้นได้เริ่มการประชุม JBC เต็มคณะ เพื่อหารือประเด็นทางเทคนิค ที่อยู่ในขอบเขตการทำงานของ JBC เช่นการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีการสำรวจภูมิประเทศ ขณะนี้การประชุมก็ยังคงดำเนินอยู่ ซึ่งช่วงบ่ายก็จะเป็นการหารือตามระเบียบวาระที่วางไว้ เช่นการพูดคุยด้านเทคนิค และคาดว่าจะมีการประชุมไปจนถึงวันพรุ่งนี้ บรรยากาศการประชุมเป็นไปด้วยดี และทั้งสองฝ่ายกำลังเดินหน้าหารือกันตามวาระ ถือว่าการประชุมเป็นไปด้วยดี ทั้งสองฝ่ายเดินหน้าคุย และปรับความคิดหากันด้วยดี ฝ่ายไทยหวังว่าการประชุมครั้งนี้จะมีส่วนช่วยลดความ ตึงเครียดของสถานการณ์ที่เกิดขึ้น […]

ประชุม JBC “ไทย-กัมพูชา” ยึด MOU43 แก้ปมชายแดน-ลดตึงเครียด

14 มิ.ย.- “ไทย-กัมพูชา” แถลงย้ำความสำคัญของการใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม JBC เจรจาประเด็นด้านเขตแดนระหว่างกัน และการทำงานร่วมกันด้วยสันติวิธี ภายใต้กรอบ MOU43 นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย เป็นประธานการประชุมกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 (JBC) ร่วมกับนายฬำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบกิจการชายแดนและหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา ประธานร่วมฝ่ายกัมพูชา ทั้งสองฝ่ายกล่าวถ้อยแถลงย้ำความสำคัญของการใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ในการเจรจาประเด็นด้านเขตแดนระหว่างกันและการทำงานร่วมกันด้วยสันติวิธี ภายใต้กรอบบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก พ.ศ. 2543 (MOU 43) เพื่อประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาชายแดนและลดความตึงเครียดที่มีอยู่ ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการของทั้งสองฝ่าย ประกอบด้วย ผู้แทนจากหน่วยงานเชิงเทคนิคที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม กรมแผนที่ทหาร กองทัพบก กองทัพเรือ สำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา (เทียบเท่ากระทรวง) กระทรวงกลาโหมกัมพูชา กองทัพภาคต่าง ๆ ของกัมพูชา รวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชาของกัมพูชาทุกจังหวัด -สำนักข่าวไทย

Cambodia and Thailand hold a closed-door meeting ahead of the official meeting of JBC in Phnom Penh

ไทย-กัมพูชา หารือกลุ่มเล็กก่อนประชุม JBC

พนมเปญ 14 มิ.ย. – สื่อกัมพูชารายงานว่า กัมพูชาและไทย ได้เปิดการหารือกลุ่มเล็กฝ่ายละ 5 คน ก่อนการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม หรือเจบีซี (JBC) ที่กรุงพนมเปญ ในวันนี้ เว็บไซต์แขมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานว่า ในการหารือกลุ่มเล็กที่มีผู้ร่วมเข้าเพียง 10 คน ฝ่ายกัมพูชานำโดยนายเจีย ฬำ  รัฐมนตรีผู้รับผิดชอบกิจการชายแดน ส่วนฝ่ายไทยนำโดยนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ที่ปรึกษากระทรวงต่างประเทศด้านกิจการชายแดน ซึ่งเป็นนักการทูตผู้เชี่ยวชาญช่วงข้อพิพาทปราสาทพระวิหาร พร้อมกับเผยแพร่ภาพชุดการหารือดังกล่าว.-814.-สำนักข่าวไทย