นายกฯ เสนอที่ประชุม ACMECS แก้ปัญหายาเสพติด-อาชญากรข้ามชาติ ร่วมกัน

นครคุนหมิง 7 พ.ย.-“แพทองธาร” นายกฯ เสนอแก้ไขปัญหายาเสพติด อาชญากรข้ามชาติ ภัยภิบัติทางธรรมชาติ ร่วมกันในที่ประชุมผู้นำ 5 ประเทศลุ่มน้ำอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง ครั้งที่ 10 ชี้ประสบผลสำเร็จเกินคาด ทุกประเทศเห็นพ้องจับมือกันพัฒนาในทุกมิติ

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถ้อยแถลงในการประชุมผู้นำยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง (Ayeyawady – Chao Phraya – Mekong Economic Cooperation Strategy: ACMECS) ครั้งที่ 10 ที่มีผู้นำ 5 ประเทศ คือสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวเป็นประธานการประชุมฯ และนายกรัฐมนตรีจากราชอาณาจักรกัมพูชา สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม เข้าร่วมด้วย


นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยสาระสำคัญของถ้อยแถลง ดังนี้ นายกรัฐมนตรีขอบคุณนายกรัฐมนตรี สปป ลาว ที่ได้จัดการประชุมในวันนี้ นับเป็นเวลาถึง 21 ปี นับตั้งแต่ปี พ.ศ.2546 ซึ่งขณะนั้นประเทศไทยได้ริเริ่มและร่วมกันก่อตั้ง ACMECS ด้วยเชื่อมั่นในศักยภาพทางเศรษฐกิจของอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงที่มีทรัพยากรธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ พื้นที่ยุทธศาสตร์เป็น “สะพาน” เชื่อมระหว่างมหาสมุทรอินเดียกับมหาสมุทรแปซิฟิก และบทบาทที่มีความสำคัญมากขึ้นในการส่งเสริมความเชื่อมโยงในอาเซียนและระหว่างภูมิภาคต่างๆ ซึ่งนายกรัฐมนตรีมองว่า ACMECS ในวันนี้เติบโตเปรียบเสมือนคนวัยหนุ่มสาวที่เปี่ยมไปด้วยความหวังและพลังที่จะเก็บเกี่ยวผลประโยชน์และพัฒนาอย่างยั่งยืน

นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อไปว่า พัฒนาการของ ACMECS ในช่วงกว่า 4 ปีที่ผ่านมา ภายใต้วิสัยทัศน์ “การเสริมสร้าง ACMECS ที่เชื่อมโยงกัน” แบบไร้รอยต่อ (Seamless Connectivity) ผ่านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและเส้นทางคมนาคม ทั้งทางบก น้ำ และอากาศ ซึ่งไทยได้เชื่อมโยงเส้นทางต่างๆ อาทิ การก่อสร้างถนนเส้นทางระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก – ตะวันตก เส้นทางระเบียงเศรษฐกิจตอนใต้ ตลอดจนส่งเสริมการทำงานร่วมกันในพื้นที่ท้องถิ่นผ่านระเบียงเศรษฐกิจหลวงพระบาง – อินโดจีน – เมาะลำไย พร้อมทั้งสร้างการสอดประสานด้านเศรษฐกิจ เน้นการอำนวยความสะดวกและส่งเสริมการค้าชายแดน การปรับกฎระเบียบด้านการค้าและการลงทุนให้สอดคล้องกัน อาทิ กฎระเบียบด้านการขนส่งข้ามพรมแดนภายใต้แผนงาน GMS และร่วมกันพัฒนาอนุภูมิภาคในมิติความยั่งยืนและนวัตกรรม โดยเน้นการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการยุคใหม่ ซึ่งในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ไทยได้ให้ทุนการศึกษาและจัดการฝึกอบรมแก่บุคลากรในประเทศสมาชิกกว่า 100 ราย และไทยจะต่อยอดโครงการพัฒนาทักษะฝีมือแรงงานในกัมพูชา สปป ลาว และเมียนมา เพื่อให้มั่นใจว่า “อนุภูมิภาคของเราจะเติบโตโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง”


“ดิฉันภูมิใจอย่างยิ่งที่ไทยได้เป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อน ACMECS ในมิติอื่นๆ โดยเฉพาะการได้รับความไว้วางใจให้เป็นที่ตั้งที่กรุงเทพฯ และทำหน้าที่สำนักงานเลขาธิการชั่วคราว ACMECS ซึ่งเป็นกลไกกลางในการวางแผนยุทธศาสตร์ที่สำคัญ และประสานงานทั้งภายในและภายนอกอนุภูมิภาค ซึ่งที่ผ่านมามีการส่งเสริมความเป็นปึกแผ่นและสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับ ACMECS ผ่านการเปิดตัวตราสัญลักษณ์ และเว็บไซต์ ACMECS และในที่ประชุมวันนี้ได้ต้อนรับประเทศนิวซีแลนด์ ในฐานะหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาประเทศที่ 7 สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญและศักยภาพของความร่วมมือในกรอบ ACMECS” นายกรัฐมนตรี ระบุ

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าสมาชิกทั้ง 5 ประเทศ” เป็นเพื่อนบ้านที่มีพรมแดนติดกัน มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดและเกื้อกูลกัน มีผลประโยชน์และศักยภาพร่วมกันในด้านต่าง ๆ ขณะเดียวกันก็เผชิญกับความท้าทายร่วมกัน ทั้งอาชญากรรมข้ามพรมแดน มลพิษทางอากาศ และภัยธรรมชาติอันเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การประชุมในวันนี้จึงควรร่วมกันพิจารณานำกรอบความร่วมมือ ACMECS มาใช้ในการช่วยแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้เกิดประสิทธิภาพอย่างสูงสุด ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้เสนอ 3 แนวทาง เพื่อรับมือกับความท้าทายต่าง ๆ ภายใต้กรอบ ACMECS ดังนี้

ประการที่ 1 ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะการค้ายาเสพติดและอาชญากรรมทางไซเบอร์ ซึ่งตามรายงานของสำนักงาน ว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ ในปี ค.ศ. 2023 เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีการยึดเมทแอมเฟตามีนมากถึง 170 ตัน และเคตามีน 22 ตัน ขณะเดียวกัน อาชญากรรมทางไซเบอร์ยังได้กลายเป็นภัยคุกคามที่สำคัญในอนุภูมิภาค


ที่ผ่านมา มีการรายงานความเสียหายทางเศรษฐกิจในประเทศไทยระหว่างเดือนมีนาคม ค.ศ.2023 ถึงมีนาคม ค.ศ.2024 มีมูลค่าสูงกว่า 1.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ประเทศไทยจึงขอสนับสนุนให้ประเทศสมาชิกใช้กลไกตามกรอบความร่วมมือต่าง ๆ อาทิ ปฏิบัติการแม่น้ำโขงปลอดภัย ให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยเฉพาะการสกัดกั้นการนำเข้าสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ในการผลิตยนาเสพติด การปราบปรามการผลิต การค้ายาเสพติด รวมถึงการเสริมสร้างพัฒนาความเข้มแข็งและยกระดับความร่วมมือในด้านต่าง ๆ และพร้อมที่จะเสนอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีการจัดประชุมและพบปะกันอย่างสม่ำเสมอ

ประการที่สอง เรื่องมลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะฝุ่น PM2.5 ซึ่งช่วงเวลานี้ จะเป็นช่วงที่ปัญหามลพิษทางอากาศเริ่มกลับมามีความรุนแรง ประชากรกว่า 200 ล้านคนในอนุภูมิภาค หรือ 650 ล้านคนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ต้องอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีค่ามลพิษทางอากาศสูงกว่าคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก ทำให้อายุขัยเฉลี่ยของประชาชนลดลงประมาณ 1.5 ปี และเพิ่มจำนวนผู้ป่วยโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ ประเทศไทยจึงมุ่งมั่นดำเนินความร่วมมือกับประเทศสมาชิก เพื่อลดจุดความร้อนตามแผนปฏิบัติการเชียงราย ค.ศ. 2017 ซึ่งเมื่อวันที่ 29 ตุลาคมที่ผ่านมา ไทยร่วมกับ สปป.ลาว และเมียนมา จัดพิธีเปิดตัว “ยุทธศาสตร์ฟ้าใส” เพื่อเป็นหนึ่งในต้นแบบความร่วมมือในการร่วมกันแก้ไขปัญหาหมอกควันข้ามแดนในภูมิภาค ให้เป็นไปตามแผนปฏิบัติการเชียงรายฯ และเพื่อบรรลุเป้าหมายการเป็นภูมิภาคอาเซียนที่ปลอดหมอกควันภายในปี ค.ศ. 2030

ประการสุดท้าย เรื่องภัยพิบัติทางธรรมชาติที่มาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยในช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา มีประชาชนกว่า 5 ล้านคนในอนุภูมิภาค ต้องเผชิญกับผลกระทบจากไต้ฝุ่น “ยางิ” โดยมีมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจสูงถึง 16,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตัวเลขเหล่านี้ไม่ใช่เป็นเพียงแค่สถิติ แต่เป็นชีวิต บ้านเรือน ทรัพย์สิน และเป็นความเสียหายทางเศรษฐกิจที่ประชาชนได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง

นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ได้ใช้โอกาสนี้แสดงความเสียใจต่อความสูญเสียในกัมพูชา สปป ลาว เมียนมา และเวียดนาม จากอุทกภัยในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา พร้อมเน้นย้ำถึงการบริหารจัดการน้ำในอนุภูมิภาค ซึ่งถือเป็นประเด็นเร่งด่วนที่สุดในขณะนี้ โดยไทยได้เสนอเอกสารแนวคิดเรื่องการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในภูมิภาคลุ่มน้ำโขง เป็นภาคผนวกเพิ่มเติมในแผนแม่บท ACMECS เพื่อเป็นแนวทางเสริมสร้างความร่วมมือ และเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการน้ำทั้งในระยะสั้นและระยะยาว และเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติได้อย่างแท้จริง ไทยพร้อมเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับเจ้าหน้าที่ ACMECS ในโอกาสแรก เพื่อร่วมกำหนดท่าทีในการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ รวมทั้งใช้ประโยชน์จากทุกกรอบความร่วมมือในอนุภูมิภาคให้เกิดประโยชน์สูงสุด

ทั้งนี้ ACMECS ควรเร่งรัดการจัดตั้งกองทุนเพื่อการพัฒนา ACMECS เพื่อรับมือกับความท้าทายเหล่านี้อย่างเร่งด่วนและระดมทุนสำหรับพัฒนาโครงการต่าง ๆ ภายใต้แผนแม่บท ACMECS โดยไทยยืนยันคำมั่นที่จะสนับสนุนเงินให้แก่กองทุนฯ และหวังอย่างยิ่งว่าจะสามารถหาข้อสรุปร่วมกันเกี่ยวกับกลไกการบริหารกองทุนฯ ได้ภายในไตรมาสแรกของปี ค.ศ.2025 เพื่อให้สามารถดำเนินโครงการที่ก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม พร้อมเชิญชวนให้ประเทศสมาชิกและประเทศหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนา ตลอดจนประเทศที่มีศักยภาพ องค์กรระหว่างประเทศ รวมถึงสถาบันการเงินต่าง ๆ ร่วมสมทบกองทุนฯ เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงอย่างยั่งยืนต่อไป

นายจิรายุ กล่าวต่อไปว่า นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า การประชุมผู้นำ ACMECS ในวันนี้ ถือเป็นการส่งสัญญาณสำคัญต่อประชาคมโลกว่า ท่ามกลางความขัดแย้งและการแข่งขันทางภูมิรัฐศาสตร์ ACMECS พร้อมที่จะผนึกกำลังเป็นหนึ่งเดียวกันเพื่อเดินหน้าและกำหนดทิศทางขับเคลื่อนความร่วมมือ เพื่อมุ่งสร้างโอกาส การพัฒนา และความเสมอภาคทางเศรษฐกิจให้แก่ประชาชน ควบคู่ไปกับการสนับสนุนการสร้างประชาคมอาเซียน และการส่งเสริมการดำเนินการเพื่อบรรลุเป้าหมายตามวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. 2030 โดยไทยยึดมั่นที่จะมีบทบาทสร้างสรรค์ในการขับเคลื่อนความร่วมมือภายใต้กรอบ ACMECS บนพื้นฐานการเป็น “ผู้ส่งเสริมสันติภาพและความมั่งคั่งร่วมกัน” พร้อมทั้งสนับสนุนการดำรงตำแหน่งประธาน ACMECS ของเมียนมาในวาระต่อไป ตลอดจนพร้อมทำงานร่วมกับทุกประเทศสมาชิกในการเสริมสร้างจุดแข็งและศักยภาพที่หลากหลาย เพื่อกำหนดทิศทางความร่วมมือของ ACMECS ให้ก้าวไปข้างหน้าด้วยกัน เพื่อเป็นกลจักรสำคัญในการผลักดันเศรษฐกิจของอนุภูมิภาค ควบคู่ไปกับการเป็นสมาชิกประชาคมโลกที่มีความรับผิดชอบ มีบทบาทที่สร้างสรรค์ และพร้อมที่จะเผชิญกับความท้าทายทุกรูปแบบอย่างแน่นอน

ทั้งนี้ในการประชุมครั้งนี้ ที่ประชุมได้ร่วมกันรับรองเอกสารผลลัพธ์การประชุม 2 ฉบับ ได้แก่ (1) ร่างปฏิญญาเวียงจันทน์ (Vientiane Declaration) ของการประชุมผู้นำ ACMECS ครั้งที่ 10 และ (2) ร่างเอกสารแนวคิด (Concept Note) เรื่องการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในภูมิภาคลุ่มน้ำโขง เป็นภาคผนวกเพิ่มเติมในแผนแม่บทฯ โดยประเทศไทยเป็นผู้เสนอ.-314.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

นายกฯ ถึงอุบลฯ แม่ทัพภาค 2 รอรับ ชวนรับดอกไม้ชาวบ้าน

อุบลราชธานี 20 มิ.ย.-นายกฯ ถึงอุบลราชธานี แม่ทัพภาค 2 รอรับ ชวนรับดอกไม้จากประชาชน ก่อนขึ้น ฮ.ไปฐานมรกต ให้กำลังใจทหารแนวหน้า ขำสื่อรุมถาม “ไมค์เขกหัวนายกฯ” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางถึงกองบิน 21 จ.อุบลราชธานี โดยมี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 รอรับ และเดินทางต่อไปที่สนามกีฬานานาชาติ อบต.โดมประดิษฐ์ มีว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ว่าฯ อุบลราชธานี นายเกรียง กัลป์ตินันท์ อดีต รมว.มหาดไทย และ สส.พรรคเพื่อไทย มารอต้อนรับ น.ส.แพทองธาร ได้มอบสิ่งของให้แก่ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) และกล่าวทักทายอย่างเป็นกันเอง โดยชาวบ้านหลายคนนำดอกกุหลาบ และผ้าขาวม้า มามอบให้เป็นกำลังใจแก่นายกฯ ในระหว่างที่ประชาชนมอบดอกไม้ให้ นายกฯ ชวนแม่ทัพภาคที่ 2 มารับดอกไม้และถ่ายภาพร่วมกัน ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวสอบถามถึงการพูดคุยกับแม่ทัพภาคที่ 2 ได้เคลียร์ใจแล้วหรือไม่ […]

พรรคเสนอชื่อนายกฯ ได้ ต้องมี สส. 25 คน

รัฐสภา 20 มิ.ย.-เลขาธิการสภาฯ แจงพรรคเสนอชื่อนายกฯ ได้ ต้องมี สส. 25 คน แม้จะมีชื่อในบัญชี ก็ไม่เป็นผล ว่าที่ร้องตรีอาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี หากต้องมีการเลือกนายกฯ ใหม่ ว่า บุคคลที่สามารถได้รับการเสนอชื่อจะต้องเป็นบุคคลที่มีรายชื่อในบัญชีที่เสนอต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้ง โดยพรรคที่สามารถเสนอชื่อบุคคลเป็นนายกฯได้ จะต้องมี สส.จำนวน 5% ของสส. 500 คน คือมี สส. 25 คน ตามมาตรา 159 วรรค 1 ซึ่งในขณะนี้มี สส.ในสภาฯ จำนวน 495 คน 5% คือ 24.75 ซึ่งพรรคพลังประชารัฐขณะนี้มี สส.เหลือไม่ถึง 20 คน จึงไม่สามารถเสนอบุคคลในบัญชีรายชื่อคือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นนายกฯ ได้ ตามมาตรา 159 […]

ทหารเรือเกษียณเลือดร้อน ยิงข้างห้องดับ 1 เจ็บ 1

ชุมพร 20 มิ.ย. – ทหารเรือเกษียณเลือดร้อน ฉุนข้างห้องติดเครื่องรถกระบะจอดแช่นาน เกิดมีปากเสียง คว้าปืนยิงสามีเข้าที่คอบาดเจ็บ ส่วนภรรยาโดนยิงเข้าเบ้าตาเสียชีวิต ตำรวจ สภ.เมืองชุมพร เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุยิงกัน บริเวณห้องเช่า ริมถนนซอยสุขาภิบาล 17 – วัดเขาปุก ต.วังไผ่ อ.เมือง จ.ชุมพร ที่เกิดเหตุเป็นห้องแถวเช่าติดกัน 4 ห้อง บริเวณหน้าห้องซ้ายสุด มีรถกระบะสีดำจอดอยู่ พร้อมกองเลือด ส่วนผู้บาดเจ็บ ทราบชื่อ น.ส.จิราวรรณ อายุ 54 ปี ถูกยิงเข้าที่ตาข้างขวา อาการสาหัส หน่วยกู้ชีพนำส่งโรงพยาบาล ก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา นอกจากนั้นยังมีผู้บาดเจ็บอีก 1 คน คือ นายสุรพจน์ อายุ 53 ปี ถูกยิงเข้าที่ไหปลาร้า ใกล้ลำคอด้านขวา แต่กระสุนถากไป ได้รับบาดเจ็บไม่มาก นายสุรพจน์ ให้ข้อมูลว่า คนก่อเหตุยิงเป็นเพื่อนบ้านห้องเช่าใกล้กัน ชอบตะโกนต่อว่าตนว่าติดเครื่องยนต์จอดแช่ไว้นาน ทำให้รำคาญ ซึ่งตนก็บอกไปว่า รถยนต์ตนต้องติดเครื่องวอร์มแช่ไว้ก่อนทุกครั้ง […]

นายกฯ รับคลิปเสียงจริง ซัด “ฮุนเซน” ปล่อยหวังรัฐบาล-กองทัพแตกแยก

ทำเนียบ 18 มิ.ย.- นายกฯ รับคลิปเสียงคุย “ฮุนเซน” เป็นของจริง แจงปมบอกแม่ทัพภาคที่ 2 เป็นฝ่ายตรงข้าม เป็นเทคนิคการเจรจาต่อรองสร้างสันติภาพ หลัง “ฮุนเซน” โกรธ ชี้จุดประสงค์หวังสร้างคะแนนนิยมรัฐบาลกัมพูชาที่ไม่สนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ รับไม่ไว้ใจ จากนี้ไม่ขอคุยส่วนตัว ปัดตอบสัมพันธ์ 2 ตระกูล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงด่วนกรณีมีคลิปเสียงสนทนาระหว่างที่พูดคุยกับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เผยแพร่ออกมาผ่านโซเชียลมีเดีย โดยยอมรับว่าเป็นคลิปจริง เป็นการคุยกันเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งตนได้ทราบข้อมูลจากล่ามที่แปลว่า ทางสมเด็จฮุน เซน โกรธแม่ทัพภาคที่ 2 ที่มีการพูดกันก่อนหน้านั้น เมื่อได้คุยกัน ตนจึงบอกว่า แม่ทัพภาคที่ 2 พูดกันแบบนี้ ในเมื่อเราทั้งไทยและกัมพูชาเป็นฝั่งตรงข้ามกันอยู่แล้ว ในตอนนั้นก็ต้องพูดแบบนี้ อย่าไปคิดเลย ซึ่งเป็นสิ่งที่พยายามจะทำความเข้าใจ เพราะทางฝั่งสมเด็จฮุน เซน โกรธเรื่องนี้ และเป็นเทคนิคในการพูดหลังไมค์หลังบ้านแบบส่วนตัว ซึ่งการคุยโทรศัพท์ก็ไม่ควรเอามาเปิดเผย เพราะเป็นเทคนิคในการเจรจาพูดคุยต่อรอง ส่วนตัวคิดว่า ตนทำเพราะมีจุดมุ่งหมายและมีประเด็นที่จะรักษาไว้ซึ่งความสงบสุขของบ้านเมืองและรักษาอธิปไตยของไทยไว้ ให้ผลประโยชน์อยู่กับประเทศชาติและประชาชน ตนก็คุยด้วยความซอฟต์และความนุ่มนวล เพราะบางทีเวลาคุยกันส่วนตัวก็เรียกกันลุงหลาน […]

ข่าวแนะนำ

กองทัพภาค 2 สั่งปิดจุดผ่อนปรนการค้าช่องสายตะกู จ.บุรีรัมย์

22 มิ.ย.- กองทัพภาคที่ 2 มีคำสั่งปิดจุดผ่อนปรนการค้าช่องสายตะกู ต.จันทบเพชร อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ตั้งแต่ 21 มิ.ย. 2568 เป็นต้นไป ตามคำสั่งกองทัพบก (เฉพาะ) ที่ 806/2568 เรื่องการควบคุม การเปิด – ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชา เพื่อความปลอดภัยของประชาชน ให้กองทัพภาคที่ 2 โดยกองกำลังสุรนารี มีอำนาจการควบคุมการเปิด – ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชา ในพื้นที่รับผิดชอบของกองกำลังสุรนารี วิธีการและเงื่อนไขหรือเงื่อนเวลา ที่จำเป็นเหมาะสมในพื้นที่รับผิดชอบของกองกำลังสุรนารี เพื่อปกป้องอธิปไตยและบูรณาภาพแห่งดินแดงของประเทศไทย การรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทย พร้อมทั้งให้เกิดความเหมาะสมต่อการปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ชายแดน และความมั่นคงของประเทศไทย กองทัพภาคที่ 2 จึงอนุมัติให้ปิดจุดผ่อนปรนการค้าช่องสายตะกู ตำบลจันทบเพชร อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ ตั้งแต่วันที่ 21 มิถุนายน 2568 เป็นต้นไป. – สำนักข่าวไทย

กรมอุตุฯ เผยไทยมีฝนเพิ่ม เตือนตะวันออก รับมือฝนถล่ม

กทม. 22 มิ.ย.- กรมอุตุฯ เผยประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้นและตกหนักบางแห่ง เตือนภาคตะวันออก เตรียมรับมือฝนถล่ม กรมอุตุนิยมวิทยา เผยประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากและดินโคลนถล่ม โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง ประกอบกับมีร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ และประเทศลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย – สำนักข่าวไทย

โผ ครม. แพทองธาร 2 หลังภูมิใจไทยถอนตัว

21 มิ.ย. – สะพัดโผ ครม. แพทองธาร ชุดใหม่ “ประเสริฐ จันทรรวงทอง” นั่ง มท.1 พล.อ.สุนัย ประภูชะเนย์ หรือ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ นั่งกลาโหม ภายหลังพรรคภูมิใจไทย ประกาศถอนตัวไปเป็นฝ่ายค้าน ส่งผลให้ ครม. ว่างลง 8 ตำแหน่ง โผการปรับคณะรัฐมนตรีล่าสุด ในส่วนของกระทรวงมหาดไทย มีชื่อของ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม จะไปนั่งเก้าอี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย แทนนายอนุทิน ชาญวีรกูล โดยก่อนหน้านี้ นายประเสริฐ ยืนยันว่า พร้อมไปทำงานในทุกตำแหน่งที่นายกรัฐมนตรี มอบหมาย ส่วน รัฐมนตรีช่วยมหาดไทย (มท. 2) มีชื่อ นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช และ นายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข จากพรรคประชาธิปัตย์ จะสลับมานั่งเก้าอี้รัฐมนตรีช่วยมหาดไทย (มท. 3) ส่วนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม […]

เลขาฯ เพื่อไทย ยัน นายกฯ ไม่ลาออก-ยุบสภา

กทม. 21 มิ.ย.-เลขาฯ พรรคเพื่อไทย ยืนยันนายกฯ ไม่ลาออก-ยุบสภา หลังงบฯ 69 ผ่านวาระสาม ตามที่มีกระแสข่าว เดินหน้าทำงานแก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ภาษีทรัมป์ และนโยบายต่างๆ ขออย่าให้การเมืองมาบดบังเป้าหมายสำคัญ นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลฯ ว่า “จากกระแสข่าวลือที่ว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี อาจตอบรับข้อเสนอจากพรรคการเมืองบางพรรค ด้วยการลาออกหรือยุบสภาหลังผ่านการลงมติร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 ในวาระที่สามนั้น ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ขอเรียนชี้แจงอย่างชัดเจนว่า ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด และนายกรัฐมนตรี ได้ยืนยันกับพวกเราชัดเจนว่า จะเดินหน้าทำหน้าที่แก้ไขวิกฤตการณ์ต่าง ๆ ที่ประเทศกำลังเผชิญอย่างเต็มความสามารถ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาชายแดนไทย–กัมพูชา ซึ่งรัฐบาลกำลังดำเนินมาตรการตอบโต้ที่เข้มข้นขึ้น ทั้งในมิติการทูตและด้านความมั่นคง รวมถึงปัญหาวิกฤตภาษีทรัมป์ ที่รัฐบาลได้เร่งผลักดันการเจรจาอย่างจริงจัง และได้รับการตอบรับอย่างดีจากคู่เจรจา รัฐบาลยังมุ่งมั่นใช้ช่วงเวลาที่เหลืออยู่จนครบวาระการดำรงตำแหน่งของนายกรัฐมนตรี ในการผลักดันนโยบายที่วางไว้ให้เกิดผลลัพธ์อย่างเป็นรูปธรรม อาทิ -การเดินหน้านโยบายปราบปรามยาเสพติด-การปราบอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ซึ่งขณะนี้เริ่มเห็นแนวโน้มที่ดีขึ้น-มาตรการลดค่าครองชีพ ผ่านโครงการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย-การยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ผ่านการพัฒนาโครงการ 30 บาทรักษาทุกที่-การสร้างแหล่งท่องเที่ยวใหม่ (man-made destination) […]