กระทรวงการต่างประเทศ 8 พ.ย.- กต. เปิดกำหนดการนายกฯ เตรียมเป็นประธานการประชุมเอกอัคราชทูต-กงสุลใหญ่ไทยประจำภูมิภาคอเมริกา ก่อนร่วมประชุม APEC ที่เปรู ระหว่าง 11-16 พ.ย.นี้
นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงถึงการเตรียมเดินทางเข้าร่วมการประชุม APEC Summit ครั้งที่ 30 ของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี, นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศพร้อมคณะ ที่กรุงลิมา ประเทศเปรู ระหว่างวันที่ 14 ถึง 16 พฤศจิกายนนี้ ภายใต้หัวข้อ ”Empower Include Grow: เสริมสร้างพลังมีส่วนร่วมเติบโตอย่างยั่งยืน” ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิด และนโยบายของรัฐบาลไทย ในการมุ่งขยายโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับประชาชน โดยนายกรัฐมนตรี มีกำหนดเข้าร่วมงานเลี้ยงต้อนรับกับผู้นำภาคเอกชน และธุรกิจชั้นนำ ก่อนจะหารือกับสภาที่ปรึกษาทางธุรกิจ APEC, รวมถึงกิจกรรมคู่ขนาน และหารือทวิภาคีร่วมกับเขตเศรษฐกิจ APEC เช่น ร่วมหารือทวิภาคี กับผู้นำเปรู ชิลี รวมถึงผู้นำประเทศในแถบลาตินอเมริกา เพื่อขยายโอกาสการค้าการลงทุน เนื่องจากตลาดลาติน เป็นตลาดใหญ่ มีศักยภาพการขยายตลาดการลงทุนของประเทศไทย และผลักดันความสัมพันธ์ระดับประชาชน ผ่านการนำเสนอซอฟต์พาวเวอร์ไทย รวมถึงจะได้มีโอกาสพบปะกับผู้บริหารเอกชนชั้นนำ ทั้ง TikTok, Microsoft และ Google ด้วย
ประเทศไทย จะใช้โอกาสการเข้าร่วมประชุม APEC ครั้งนี้ผลักดันเขตการค้าเอเชียแปซิฟิก หรือ F-TAP ซึ่งเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืน มีนวัตกรรม และมีความครอบคลุมยิ่งขึ้น สงเสริมการเปลี่ยนทางเศรษฐกิจผ่านการใช้ประโยชน์ทางเทคโนโลยี และนวัตกรรม
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี มีกำหนดเดินทางเยือนนครลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา เพื่อเป็นประธานประชุมเอกอัครราชทูตไทย และกงสุลใหญ่ไทย ประจำภูมิภาคอเมริกา ที่นครลอสแอนเจลอส ระหว่างวันที่ 11-13 พฤศจิกายนนี้ รวมถึงจะได้พบปะชุมชนไทยในอเมริกา และหารือกับผู้แทนระดับสูงของบริษัทเอกชนที่สำคัญในอเมริกา เพื่อเชิญชวนการลงทุนในประเทศไทยด้วย
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ยังได้เปิดเผยภาพรวมการเข้าร่วมประชุมสุดยอดผู้นำในอนุภูมิภาคบุ่มแม่น้ำโขง หรือ Greater Mekong Subregion: GMS ครั้งที่ 8 ที่จีนเป็นเจ้าภาพ และการประชุมผู้นำยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง หรือ ACMECS (แอกเม็กส์) ครั้งที่ 10 ที่ สปป.ลาวเป็นเจ้าภาพการประชุม ที่นครคุนหมิง สาธารณรัฐประชาชนจีน ของนายกรัฐมนตรี ระหว่างวันที่ 6-7 พฤศจิกายนที่ผ่านมาว่า ในเวที GMS นั้น นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถ้อยแถลงย้ำถึงความสำคัญการพัฒนาประเทศกลุ่มน้ำโขง ทั้ง 6 ประเทศ ซึ่งสะท้อนความมุ่งมั่นในการสานต่อความร่วมมือ และแสดงความพร้อมในการเผชิญความท้าทายต่าง ๆ ในโลกร่วมกัน และการเป็นประชาคมที่ดีกว่าเดิมด้วยการขับเคลื่อนผ่านนวัตกรรมที่เหมาะสมกับยุคสมัย และยืนยันความมุ่งมั่นของประเทศไทยในการส่งเสริมการพัฒนาร่วมกันของประเทศในอนุลุ่มน้ำโขงให้เข้มแข็ง และเจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้นตามแผนงาน GMS
ส่วนเวที ACMECS นั้น นายกรัฐมนตรี ได้เน้นย้ำ การขับเคลื่อนผ่านความร่วมมือ 3 เสาหลักของ ACMECS ได้แก่ การเสริมสร้างความเชื่อมโยงผ่านารพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน, การอำนวยความสะดวก และส่งเสริมการค้าชายแดน และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์แก่ประเทศสมาชิก และเสนอให้ประเทศสมาชิกแก้ไขปัญหาความท้าทายร่วมกัน เช่น อาชญากรรมข้ามชาติ มลพิษ้ามพรมแดน และภัยธรรมชาติ.-312 -สำนักข่าวไทย