รัฐสภา 5 ก.ค.-กมธ.งบประมาณฯ ห่วงการบริโภคกัญชาในประเทศกระทบการท่องเที่ยว เหตุหลายประเทศยังกำหนดเป็นยาเสพติด ด้าน สธ.ยันคุมให้ใช้เพื่อสุขภาพ-การแพทย์เท่านั้น ห้ามใช้ในเด็กต่ำกว่า 20 ปี
นางกรณิศ งามสุคนธ์รัตนา ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 แถลงถึงผลการประชุมคณะกรรมาธิการฯ ว่า ที่ประชุมได้พิจารณางบประมาณของกระทรวงสาธารณสุข โดยหารือเรื่องกัญชาที่เกี่ยวกับการบริโภคในประเทศจะเกิดปัญหาในเรื่องการท่องเที่ยวหรือไม่ เพราะมีหลายประเทศยังให้กัญชาเป็นยาเสพติดอยู่ และมีกรรมาธิการฯ บางคนสอบถามต่อหน่วยงานว่า มีผลการศึกษาหรือไม่ว่า เมื่อเสพกัญชาเข้าไปแล้วจะตกค้างในร่างกายกี่วัน และจากข่าวที่เยาวชนในโรงเรียนเสพกัญชา หน่วยงานมีแนวทางในการดูแลเยาวชนเหล่านั้นอย่างไร
นางกรณิศ กล่าวว่า เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ชี้แจงว่า กระทรวงสาธารณสุขมีเจตนารมณ์ใช้ประโยชน์จากกัญชา กัญชง เพื่อสุขภาพและทางการแพทย์ ทั้งการแพทย์แผนปัจจุบัน แพทย์แผนไทย และแพทย์พื้นบ้าน รวมทั้งเพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ ยืนยันว่า หน่วยงานไม่ได้สนับสนุนให้สูบหรือเสพกัญชาเพื่อการนันทนาการ หรือการใช้ในเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี หรือหญิงตั้งครรภ์ หรือสตรีให้นมบุตร ซึ่งจะส่งผลต่อสุขภาพได้และผิดกฎหมาย ไม่ได้เปิดเสรีกัญชาในการใช้ทุกประเภท อีกทั้งกระทรวงสาธารณสุขยังควบคุมกัญชาโดยออกประกาศเรื่องการห้ามสูบในที่สาธารณะ ซึ่งเป็นเหตุรำคาญเดือดร้อน หรือห้ามจำหน่ายกัญชาในเด็กอายุไม่เกิน 20 ปี
“ส่วนการใช้กัญชาในอาหารและเครื่องดื่ม ณ จุดจำหน่ายนั้น อนุมัติกัญชาให้ใช้เป็นผลิตภัณฑ์สุขภาพประมาณ 1,400 รายการ เช่น อาหาร เครื่องสำอาง และสมุนไพร ซึ่งเป็นอาหารควบคุมเฉพาะที่มีการวิจัยในห้องแล็บแล้วว่า ปลอดภัยในการบริโภค โดยการตรวจนั้นจะรวมถึงฉลากของอาหารและเครื่องดื่มด้วย ซึ่งในฉลากต้องระบุว่า มีค่าปริมาณสารเตตราไฮโดรแคนนาบินอล (THC) ไม่เกินค่ามาตรฐานที่กฎหมายกำหนด” นางกรณิศ กล่าว
ขณะที่ผู้แทนจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ชี้แจงถึงการตรวจสารในกัญชาว่า เมื่อเสพกัญชาเข้าไปแล้ว จะสะสมอยู่ในเนื้อเยื่อไขมัน และจะค่อย ๆ ออกมาอยู่ในปัสสาวะ ดังนั้น การตรวจกัญชาตอนที่ยังเป็นยาเสพติดอยู่จะใช้วิธีการตรวจปัสสาวะ ซึ่งการเสพ 1 ครั้ง สารจะอยู่ในปัสสาวะได้ 6-7 วัน หากเสพจำนวนมาก สารอาจอยู่ได้ 2-3 เดือน ดังนั้น การตรวจปัสสาวะจึงไม่ได้บอกสถานะว่าขณะนั้นใช้กัญชาหรือไม่ จึงเปลี่ยนเป็นการตรวจด้วยเลือด ซึ่งสารจะอยู่ในเลือดไม่เกิน 12 ชั่วโมง.-สำนักข่าวไทย