กทม. 2 ก.ค.- ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ยอมรับต้นทุนโครงสร้างราคาสินค้าหลายรายการเพิ่มขึ้นจริง ตามราคาพลังานโลก จึงมีการให้ปรับขึ้นราคา แต่ยังกำกับดูแลไม่ให้กระทบผู้บริโภคมากไป พร้อมส่งทีมตรวจเข้มทุกจังหวัด ป้องกันฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าไม่สอดคล้องต้นทุน
นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวไทย ยอมรับว่าช่วงนี้สินค้าหลายรายการที่กระทรวงพาณิชย์จับตามีการปรับราคาสูงขึ้นตามราคาต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นจริงๆ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์มีหน้าที่กำกับดูแลทั้งราคาและปริมาณสินค้า ไม่ให้มีการฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าที่ไม่สอดคล้องกับต้นทุนหรือกักตุนสินค้า อย่างไรก็ตามหากกดราคามากเกินไปสินค้าก็อาจหายไปจากตลาดได้ เนื่องจากผู้ประกอบการก็อยู่ไม่ได้ กระทรวงพาณิชย์จึงใช้หลักในการขอความร่วมมือหากไม่ถึงขีดสุดจริงๆ ก็จะไม่ใช้กฎหมายบังคับ เพราะจะทำให้กลไกตลาดปั่นป่วน หลักการก็คือผู้ประกอบการอยู่ได้มีกำไรพอสมควรผลิตสินค้าออกมาให้ผู้บริโภคและฝั่งผู้บริโภคก็ต้องไม่เดือดร้อนจนเกินไป
กระทรวงพาณิชย์มีการจับตาดูมาตลอดตั้งแต่ช่วงก่อนสงครามยูเครน-รัสเซีย และมีการพูดคุยกับผู้ประกอบการหลายราย ขอความร่วมมือในการบริหารจัดการเพื่อควบคุมต้นทุนและตรึงราคาไว้ให้ได้นานที่สุด ซึ่งผู้ประกอบการให้ความร่วมมือ หากผู้บริโภคได้รับผลกระทบมากก็ส่งผลให้พวกเขาขายของไม่ได้เช่นกัน แต่ต้องยอมรับว่าปัจจุบันต้นทุนพลังงานเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว หากสินค้าใดจำเป็นต้องปรับขึ้นตามราคาต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ก็จะต้องพิจารณาเป็นรายๆ ไป เพื่อไม่ให้เกิดการขาดแคลนสินค้า ซึ่งตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา มีสินค้าหลายชนิดปรับขึ้นราคาไม่ว่าจะเป็นเนื้อหมู ไข่ไก่ ไก่เนื้อ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ซึ่งก็มีการหารือพูดคุยกันมาตลอดว่าจะทำอย่างไร จึงจะตรึงราคาไว้ให้นานมากที่สุด อย่างไรก็ตามกระทรวงพาณิชย์ ยังคงดูแลเรื่องของโครงสร้างราคาเพื่อไม่ให้ราคาสูงจนเกินไป รวมไปถึงสินค้าวัสดุก่อสร้างอย่างเหล็ก ซึ่งมีความเกี่ยวข้องสามฝ่าย ทั้งผู้ผลิต ผู้นำเข้า ผู้ใช้ ก็ต้องดูแลไม่ให้มีการปรับราคาสูงจนเกินไปเพื่อให้ทุกฝ่ายอยู่ได้
สำหรับกรณีปุ๋ยเคมี ก็ดูแลทั้งราคาและปริมาณ เนื่องจากแม่ปุ๋ยยูเรีย นำเข้า 100% ราคาจึงเป็นไปตามกลไกตลาดโลกแต่ก็มีการหารือกับบริษัทผู้ผลิตปุ๋ย ที่นำเข้าแม่ปุ๋ยมาผสม กระทรวงพาณิชย์ได้มีการทำโครงสร้างราคาให้เป็นที่ยอมรับได้ของทุกฝ่ายเพื่อให้สามารถอยู่กันได้ อย่างไรก็ตามวันที่ 6 กรกฎาคมนี้ ได้เชิญนักธุรกิจ ผู้ผลิตปุ๋ยจากซาอุดีอาระเบีย มาจับคู่เจรจาทางธุรกิจกับผู้ประกอบการไทย หลังจากซาอุฯ ไม่ได้เดินทางมาทำธุรกิจกับไทยเป็นเวลาหลาย 10 ปี ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เพื่อจัดหาปุ๋ยเคมีในราคาที่เหมาะสม หวังช่วยให้ราคาปุ๋ยในประเทศลดลง
ส่วนมาตรการกำกับดูแล กระทรวงพาณิชย์สั่งการทุกจังหวัดต้องจัดทีมออกตรวจอย่างเข้มข้น ซึ่งเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 27 มิถุนายนที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้มีการตรวจไปแล้ว 924 แห่ง มีทั้งห้างสรรพสินค้า ร้านค้า ตลาดสดทั่วประเทศ โดยจะดูทั้งเรื่องการขึ้นราคาจำหน่ายแพงเกินสมควร การกักตุนสินค้า การติดป้ายแสดงราคา และตราชั่ง ตวง วัด รวมไปถึงหัวจ่ายต่างๆ หากพบการกระทำความผิดจะต้องถูกดำเนินคดี ซึ่งบางความผิดมีโทษทางอาญาด้วย อย่างการจำหน่ายแพงเกินสมควรมีโทษจำคุก 7 ปี ปรับ 140,000 บาท
ส่วนสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไป ที่ไม่ใช่สินค้าควบคุม ก็ได้มีการติดตามดูแลอย่างสม่ำเสมอเช่นเดียวกัน พบว่าสินค้าบางชนิดต้นทุนเพิ่มขึ้น อย่างน้ำอัดลมที่ต้องนำเข้าหัวเชื้อ 100% เมื่อนำเข้ามาผสมในไทยก็อาจจะต้องมีขยับปรับขึ้นบ้าง
กระทรวงพาณิชย์ เข้าใจถึงความยากลำบากของพี่น้องประชาชนในช่วงที่สินค้ามีการปรับราคาสูงขึ้น ซึ่งไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้มีการดูแลในทุกทางเพื่อกำกับดูแลราคาและปริมาณของสินค้าให้ เหมาะสม เป็นธรรมเพื่อให้เกิดความสมดุลย์ ให้ทุกฝ่ายอยู่ร่วมกันได้ สอดคล้องกับต้นทุน โครงสร้างราคาสินค้า.-สำนักข่าวไทย