กทม.30 มี.ค.- รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด แจงข้อเท็จจริงคดีทายาทเครื่องดื่มชูกำลังตกเป็นผู้ต้องหา ซึ่งเจ้าตัวใช้ทุกช่องทางเลี่ยงมาพบเพื่อส่งฟ้องต่อศาล ขีดเส้น 27 เมษายนนี้ต้องมา
นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด แถลงความคืบหน้าคดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา ทายาทเครื่องดื่มชูกำลัง ผู้ต้องหาคดีขับรถยนต์หรูพุ่งชนดาบตำรวจวิเชียร กลั่นประเสริฐ เสียชีวิต เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2555 ว่า หลังช่วงปลายเดือนมีนาคม ปีก่อน(2559) ทางนายวรยุทธ ได้ร้องขอความเป็นธรรมหลายครั้งในประเด็นซ้ำซ้อน โดยเฉพาะเรื่องความเร็วของรถ อัยการพิจารณาแล้วเห็นว่า ประเด็นดังกล่าวไม่สามารถเปลี่ยนแปลงคำสั่งฟ้องคดีของพนักงานอัยการในข้อหา ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและหลบหนีไม่หยุดให้ความช่วยเหลือตามสมควรและแจ้งเหตุต่อเจ้าหน้าที่ที่ใกล้เคียงทันที จึงได้สั่งยุติการสอบสวนเพิ่มเติม พร้อมออกหนังสือให้มาพบอัยการเพื่อนำตัวฟ้องต่อศาลในวันที่ 25 เมษายน 2559 ต่อมานายวรยุทธ ขอเลื่อนเข้าพบอัยการ ด้วยเหตุทั้งติดภารกิจในต่างประเทศ และมีการร้องขอความเป็นธรรมที่คณะกรรมาธิการการกฎหมาย กระบวนการยุติธรรมและกิจการตำรวจ สภานิติบัญญัติแห่งชาติเรื่อยมา ระหว่างนั้นอัยการได้มีหนังสือถึงตำรวจ สน.ทองหล่อ ให้ติดตามนายวรยุทธ มาพบเพื่อส่งฟ้องตลอด จนล่าสุด ได้มีการนัดให้นายวรยุทธ มาพบในวันนี้(30มี.ค.)แต่ผู้ต้องหาก็ยังมีหนังสือขอเลื่อนเนื่องจากติดภารกิจที่ประเทศอังกฤษ จึงเลื่อนนัดไปวันที่ 27 เมษายนนี้ หากยังขอเลื่อนนัดด้วยเหตุเลื่อนลอยอาจเป็นเหตุให้อัยการพิจารณาออกหมายจับเพื่อติดตามตัวมาดำเนินคดีได้
กรณีที่ผ่านมานายวรยุทธ มีหนังสือร้องเรียนขอสอบสวนเพิ่มเติมไปยังคณะกรรมาธิการการกฎหมาย กระบวนการยุติธรรมและกิจการตำรวจ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ทำให้เป็นเหตุไม่สามารถออกหมายจับได้ ซึ่งในทางข้อเท็จจริงแล้วกรรมาธิการฯ ก็ไม่ได้เข้าก้าวล่วงอำนาจกระบวนการสอบสวนคดีอาญาแต่อย่างใด แต่เป็นสิทธิของผู้ต้องหาในการร้องขอความเป็นธรรมและหน้าที่ของกรรมาธิการฯในการสอบสวนตามคำร้องขอ ทางสำนักงานอัยการสูงสุด ยืนยันว่า คดีดังกล่าวมีความพยายามติดตามตัวนายวรยุทธ มาส่งฟ้องตลอด ประเด็นผู้ต้องหามีชื่อเสียง มีฐานะทางสังคมสูงนั้น เชื่อว่าจะทำให้คดีเป็นที่สนใจติดตามและถูกตรวจสอบจากสังคมมากขึ้น ขณะที่อายุความของข้อหาที่พนักงานอัยการมีคำสั่งฟ้องคดีในความผิดฐานหลบหนีไม่หยุดให้ความช่วยเหลือตามสมควรและแจ้งเหตุต่อเจ้าหน้าที่ที่ใกล้เคียงทันที คดีจะหมดอายุความวันที่ 3 กันยายนปีนี้ ส่วนข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย นั้นจะหมดอายุความวันที่ 3 กันยายน 2570 หรืออีก 10 ปี ข้างหน้า.-สำนักข่าวไทย