กรมสรรพากร 27 มี.ค.- เรืองไกรยื่นหนังสือถึงกรมสรรพากร ขอระงับเก็บภาษีหุ้นชิน
ยืนยันหมดอายุความไปแล้ว 6 เดือน
นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ตัวแทนทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย
เดินทางมายืนหนังสือถึงกรมสรรพากร ขอให้ระงับการจัดเก็บภาษีจากการขายหุ้นจากนายทักษิณ
ชินวัตร โดยระบุว่า เมื่อ คตส.ได้ระงับหมายเรียกจัดเก็บภาษีจากนายพานทองแท้
และนางพิณทองพา หรือโอ๊ค /เอม แล้ว
จึงถือว่าหมายเรียกดังกล่าวไม่มีสถานะเป็นหนังสือราชการ และใช้งานไม่ได้แล้ว
จึงไม่สามารถประเมินจัดเก็บภาษีได้
จึงอยากให้กรมสรรพากรยึดหลักตามคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตัดสิน
ไม่ควรยึดหลักตามมติ ครม. หรือ คตง. ซึ่งระบุว่าหมายเรียกเก็บภาษียังใช้การได้
เพื่อนำไปสู่ขั้นตอนการประเมินภาษี
และเมื่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตัดสินแล้วว่า
นายพานทองแท้ และนางพิณทองพา หรือโอ๊ค เอ็ม ไม่ใช่เป็นตัวการในการซื้อขายหุ้น
และระบุว่านายทักษิณเป็นตัวการในการซื้อขายหุ้นชินคอร์ปซึ่งขายให้กับเทมาเสก
เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2549
เข้าข่ายต้องเสียภาษีเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (8) เพราะเป็นรายได้อื่น นอกเหนือจาก (1)-(8) นายทักษิณต้องยื่นแบบภาษีกลางปีภายใน
30 กันยายนของทุกปี
เมื่อนับอายุความคดีดังกล่าวได้หมดอายุความไปแล้ว 6 เดือน
จึงไม่ใช่การครบกำหนด 31 มี.ค.50 มองว่าไม่สามารถจัดเก็บภาษีดังกล่าวได้
ดังนั้นหากกรมสรรพากรยังเดินหน้าต้องถูกฟ้องร้องดำเนินคดีอาญาอีกหลายคดี
และยังต้องถูกฟ้องร้องดำเนินคดีความผิดมาตรา 123 ตามกฎหมาย
ป.ป.ช.
ดังนั้น ความพยายามของรัฐบาลกดดันให้กรมสรรพากร
ทำการประเมินและเรียกเก็บภาษีจากอดีตนายกฯ ทักษิณ จำนวนเงินกว่า 1.6 หมื่นล้านบาทนั้น
ไม่สามารถดำเนินการได้
และหากกรมสรรพากรยังต้องยื่นหนังสือเก็บภาษีที่บ้านจันทร์ส่องหล้าในวันพรุ่งนี้ ต้องนำมาพิจารณาดูว่าเป็นหนังสือประเภทใด
เพื่อนำมาเป็นหลักฐานในการฟ้องร้อง อย่างไรก็ตาม นายทักษิณ
ต้องการให้เจรจาร่วมกันมากกว่า เพราะหากยึดหลักเอกสารเดิม
มีโอกาสสุ่มเสี่ยงต่อการถูกฟ้องร้องดำเนินคดี
เพื่อไม่ให้เกิดการฟ้องร้องคดีอาญาตามมาอีกหลายคดี
เพื่อหาทางออกร่วมกัน.-สำนักข่าวไทย