หนองคาย 25 พ.ค.- รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่หนองคาย ติดตามการแก้ปัญหาความล่าช้าของการตรวจปล่อยทุเรียนไปจีน พร้อมเร่งแก้ปัญหาขยายพื้นที่ให้บริการตรวจปล่อยรองรับการเจริญเติบโต มั่นใจทุกหน่วยงานทำแบบ Onestop Service ขอความร่วมมือร้านค้าไม่กักตุนปุ๋ย รัฐกำลังประสานนำเข้ายูเรียจากซาอุฯ ชะลอการขึ้นราคาปุ๋ย
น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เข้าฟังรายงานสถานการณ์การค้าชายแดน ที่ห้องประชุมด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 1 อ.เมืองหนองคาย ก่อนเยี่ยมชมขั้นตอนการตรวจปล่อยทุเรียนส่งออกไปยังประเทศจีน ผ่านทางรถไฟสายไทย-ลาว-จีน ที่ลานตรวจสินค้า ด่านศุลกากรหนองคาย รวมทั้งตรวจติดตามโครงสร้างพื้นฐาน ได้แก่ อาคารกักกันพืช เตาเผาทำลายสินค้าตัวอย่าง เพื่อจัดเตรียมความพร้อมในการตรวจรับรองปริมาณงานในอนาคตในการให้บริการตรวจปล่อยสินค้าพืช ผลผลิตทางการเกษตรเพื่อนำเข้า นำผ่าน ส่งออก ที่ด่านตรวจพืชหนองคาย
สำหรับการนำเข้า – ส่งออกผ่านด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว ช่วงเดือน ต.ค.64 -เม.ย.ที่ผ่านมา ในส่วนของการส่งออกมูลค่า 43,396 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาร้อยละ 24 นำเข้ามีมูลค่า 11,039 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 86 ประเทศไทยได้ดุลการค้าเพิ่มขึ้นจากปริมาณการส่งออกที่เพิ่มสูง แต่ยังติดขัดในการให้บริการขนส่ง พื้นที่สำหรับบริการระบบโลจิสติกส์ให้เพียงพอ
น.ส.มนัญญา เปิดเผยว่า ช่วงที่ผ่านมา การขนส่งทุเรียนไปยังต่างประเทศติดขัดเรื่องพื้นที่จุดให้บริการตรวจปล่อยสินค้าที่ด่านศุลกากรหนองคาย จากปัญหาพื้นที่มีจำกัดทำให้เกิดความแออัด
อย่างไรก็ตาม ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคายได้เตรียมพื้นที่ 100 ไร่ รองรับรถไฟความเร็วสูง จากกรุงเทพฯ ไปลาว และจีน โดยไม่ต้องรอให้รถไฟเสร็จค่อยสร้างพื้นที่รองรับ เนื่องจากพื้นที่ให้บริการไม่ใช่มีเพียงสินค้าประเภททุเรียนเท่านั้น แต่ยังมีด้านปศุสัตว์ และสินค้าอื่น ๆ ต่อไปในอนาคตจะจัดสรรพื้นที่ให้บูรณาการทุกหน่วยงานเป็น Onestop Service เมื่อรถไฟความเร็วสูงมีความเชื่อมโยงถึงกันหมด จ.หนองคาย จะเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญ ไฟโตจะช่วยรองรับตู้คอนเทนเนอร์ที่จะเข้ามาในอนาคต อยากให้กระทรวง กรมต่าง ๆ ย่นระยะเวลาการทำงานให้เร็วและมีประสิทธิภาพ
ส่วนเรื่องของปุ๋ยที่มีการปรับราคาขึ้นนั้น รมช.เกษตรฯ กล่าวว่า วัสดุที่เราจะได้เปรียบที่สุด คือวัสดุในประเทศ โดยเฉพาะชีวภัณฑ์ ขณะนี้พยายามร่นระยะเวลาการขอชีวภัณฑ์จากกรมวิชาการ แต่ทุกอย่างต้องแม่นยำเพื่อเกษตรกร การใช้เกษตรอินทรีย์คนก็ยังมีความต้องการอยู่ ในเมื่อยังต้องอาศัยปุ๋ยจากนอกประเทศ ซึ่งขณะนี้รัฐบาลกำลังติดต่อกับประเทศซาอุดีอาระเบีย เพื่อขอนำเข้าปุ๋ยยูเรีย ชะลอเวลาการปรับขึ้นราคาปุ๋ย ถ้าทุกแห่งทั่วประเทศพร้อมใจกันไม่กักตุนสินค้า ไม่ค้ากำไรเกินควร เชื่อว่าปุ๋ยไม่น่าจะแพงแบบนี้. – สำนักข่าวไทย