กสม.19 พ.ค.-กสม.ยกกรณีเด็กหญิงอายุ 14 ปีฆ่าตัวตายศึกษา หาแนวทางป้องกันเกิดเหตุซ้ำ ชี้เป็นบทเรียนให้ผู้ใหญ่ตระหนักถึงสิทธิ คุณค่าของเด็ก
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ(กสม.) โดยนายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และนางหรรษา บุญรัตน์ รองเลขาธิการคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ แถลงกรณีเด็กหญิงอายุ 14 ปี มีภาวะซึมเศร้าจากปัญหาครอบครัวและด้านเศรษฐกิจ ตัดสินใจจบชีวิตตัวเอง กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงความบกพร่องของครอบครัวและโรวงเรียนในการให้ความช่วยเหลือเด็ก ว่า คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติมีความห่วงกังวลเป็นอย่างยิ่งต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่ายังมีเด็กและเยาวชนที่ถูกละเลยจากสังคม ขาดความเข้าใจ การคุ้มครองทางร่างกาย จิตใจและพัฒนาการ จนเกิดปัญหาสุขภาพจิตและโอกาสในการศึกษา
“กสม.พิจารณากรณีที่เกิดขึ้นแล้ว เห็นว่าเด็กทุกคนควรได้รับการดูแลปกป้องจากทุกภาคส่วนในสังคม เด็กต้องมีสิทธิที่จะมีชีวิตรอด มีสิทธิจะได้รับการปกป้องคุ้มครอง และมีสิทธิจะได้รับการพัฒนา สอดคล้องกับอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีและมีพันธกรณีต้องปฏิบัติตาม ขณะที่การเข้าถึงและได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐานโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เป็นสิทธิตามกฎหมายที่เด็กทุกคนต้องได้รับตามที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 54 และ พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 มาตรา 10 บัญญัติรับรองไว้” นายวสันต์ กล่าว
นายวสันต์ กล่าวว่า พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 มาตรา 23 บัญญัติให้ผู้ปกครองต้องให้การอุปการะเลี้ยงดู อบรมสั่งสอน และพัฒนาเด็กที่อยู่ในความปกครองดูแลของตนตามควร แต่ต้องไม่ต่ำกว่ามาตรฐานขั้นต่ำและต้องคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กที่อยู่ในความปกครองดูแลของตนไม่ให้ตกอยู่ในภาวะอันน่าจะเกิดอันตรายแก่ร่างกายหรือจิตใจ ส่วนกรณีที่ผู้ปกครองตกอยู่ในสภาพไม่อาจให้การอุปการะเลี้ยงดูเด็กได้ไม่ว่าด้วยเหตุใด ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 มาตรา 28 พนักงานเจ้าหน้าที่ของรัฐมีหน้าที่ต้องดำเนินการเพื่อให้การสงเคราะห์หรือคุ้มครองสวัสดิภาพของเด็ก
“เพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหาและคุ้มครองสิทธิเด็กและเยาวชนในเชิงโครงสร้างและป้องกันกรณีเศร้าสลดที่ไม่สมควรเกิดขึ้นอีกในอนาคต ที่ประชุมกสม.มีมติให้ตรวจสอบกรณีดังกล่าว เพื่อศึกษา วิเคราะห์ปัญหา และหามาตรการแก้ไข โดยจะจัดทำเป็นข้อเสนอแนะเชิงระบบเสนอรัฐบาล หน่วยงาน และภาคส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป กรณีเศร้าสลดที่เกิดขึ้นนี้ต้องเป็นบทเรียนให้ผู้ใหญ่หันมาตระหนักถึงสิทธิและคุณค่าของเด็กทุกคน หาแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหา เพราะการคุ้มครองดูแลของผู้ใหญ่เป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นอย่างมากต่อพัฒนาการของเด็กทุกคน ซึ่งจะเติบโตเป็นทรัพยากรบุคคลอันมีค่าของสังคมในวันข้างหน้า” นายวสันต์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย