กรุงเทพฯ 15 พ.ค. – “อนุทิน” เผยประเทศสมาชิกอาเซียนและประเทศคู่เจรจา พร้อมร่วมมือยกระดับความมั่นคงด้านสาธารณสุขในภูมิภาค
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เผยความสำเร็จการประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียนและประเทศคู่เจรจา เน้นความสำคัญการเตรียมความพร้อมและตอบโต้ต่อภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขของภูมิภาค และสร้างความเข้มแข็งของระบบบริการสุขภาพ พร้อมยกระดับความร่วมมือด้านสาธารณสุขระหว่างกัน
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยภายหลังกลับจากการประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียน ที่บาหลี สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ว่า การประชุมครั้งนี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ที่ประชุมฯ ได้ให้ความสำคัญกับนโยบายความร่วมมือด้านสาธารณสุขของอาเซียนและประเทศคู่เจรจา โดยเฉพาะการเตรียมความพร้อมและตอบโต้ต่อภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขของภูมิภาค โดยใช้แนวทางสุขภาพหนึ่งเดียว (One Health Approach) การสร้างความเข้มแข็งของระบบบริการสุขภาพ เพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือ UHC การใช้เทคโนโลยีการสื่อสารมาเพิ่มการเข้าถึงบริการสุขภาพและควบคุมโรค และการสร้างศักยภาพของภูมิภาคให้มีความมั่นคงด้านวัคซีนและยา ในการตอบโต้ต่อโรคระบาด ซึ่งประเทศไทยยืนยันความพร้อมที่จะให้การสนับสนุนการทำงานของอาเซียนอย่างต่อเนื่อง
นายอนุทิน กล่าวว่า บรรยากาศการประชุม 2 วันที่ผ่านมา เป็นไปอย่างราบรื่น และมีการหารือที่สร้างสรรค์ ซึ่งตนได้ใช้โอกาสนี้หารือทวิภาคีกับรัฐมนตรีสาธารณสุขประเทศอาเซียนและประเทศคู่เจรจา ในรูปแบบทางการและไม่เป็นทางการ (Corridor meeting) โดยได้เชิญมาประชุม APEC High Level Meeting on Health and the Economy ที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นในเดือนสิงหาคม 2565 และขอบคุณที่สนับสนุนให้ไทยเป็นที่ตั้งของศูนย์อาเซียนด้านภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขและโรคอุบัติใหม่ (ASEAN Centre for Public Health Emergencies and Emerging Diseases : ACPHEED) รวมถึงแลกเปลี่ยนประสบการณ์การดำเนินงานด้านสาธารณสุขของไทย และการดำเนินงานความร่วมมือด้านสาธารณสุข ภายใต้กรอบอาเซียนและกรอบความร่วมมืออื่นๆ ด้วย
ทั้งนี้ ผลลัพธ์ที่สำคัญของการประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียน และการประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา คือ แถลงการณ์ร่วมระหว่างรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียนและประเทศคู่เจรจา ทั้งหมด 5 ฉบับ ซึ่งสะท้อนเจตนารมณ์ของประเทศสมาชิกอาเซียนและประเทศคู่เจรจา ที่จะยกระดับความร่วมมือด้านสาธารณสุขระหว่างกันให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น เพื่อให้พร้อมรับมือกับภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขที่จะเกิดขึ้นในอนาคต. – สำนักข่าวไทย