คณะผู้สังเกตการณ์อาเซียนลงพื้นที่กัมพูชา

พนมเปญ 14 ส.ค. – คณะผู้สังเกตการณ์อาเซียนลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ชายแดนในฝั่งกัมพูชาเป็นเวลา 3 วัน ขณะที่รัฐบาลกัมพูชายังคงเดินหน้ากล่าวหาว่าไทยละเมิดข้อตกลงหยุดยิง วันนี้คณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราวของอาเซียน ซึ่งประกอบด้วยทูตทหารของ 7 ชาติอาเซียนนำโดยมาเลเซียได้เดินทางลงพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ในฝั่งกัมพูชาเป็นเวลา 3 วัน ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันที่ 16 สิงหาคมเพื่อติดตามสถานการณ์หลังมีข้อตกลงหยุดยิงเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม และความตกลงจากการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปเมื่อวันที่ 7 สิงหาคมที่ผ่านมา พื้นที่ที่คณะผู้สังเกตการณ์ลงไปสำรวจได้แก่จังหวัดพระตะบอง จังหวัดบันเตียเมียนเจย และจังหวัดพระวิหาร และในวันเดียวกันนี้นายเพ็ญ โบนา หัวหน้าทีมโฆษกรัฐบาลกัมพูชาแถลงว่าเหตุการณ์ทหารไทยเหยียบกับระเบิดจะไม่เกิดขึ้นถ้าฝ่ายไทยเคารพข้อตกลงหยุดยิงอย่างครบถ้วนด้วยการคงกำลังทหารเอาไว้เท่าเดิมและยุติการเคลื่อนไหวของกำลังพลทั้งหมด รวมทั้งหยุดการลาดตระเวน นอกจากนี้ยังกล่าวหาว่าไทยใช้เหตุการณ์เรื่องทุ่นระเบิดมาหลอกลวงประชาคมโลกเพื่อปกปิดเรื่องการละเมิดข้อตกลงหยุดยิง หลังจากเมื่อวานนี้นายเพ็ญ โบนา บอกว่ากัมพูชากำลังดำเนินการเก็บกู้และทำลายทุ่นระเบิดซึ่งเป็นของเก่าตกค้างตั้งแต่สมัยสงครามในอดีต และไม่มีการฝังทุ่นระเบิดใหม่เพิ่มเติม.-816.-สำนักข่าวไทย

นักวิชาการหอการค้าไทย เผยภาษีทรัมป์กลุ่ม BRICS สูงกว่าอาเซียน เพิ่มโอกาสส่งออกไทย

กรุงเทพฯ 10 ส.ค. – ภาษีทรัมป์กลุ่ม BRICS สูงกว่าอาเซียน เพิ่มโอกาสส่งออกไทยและอาเซียน ดันจีดีพีเกิน 2% แนะ กนง. ลดดอกเบี้ยและผ่อนคลายการเงินเพิ่มเติม รศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ และผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจดิจิทัล การลงทุนและการค้าระหว่างประเทศ (DEIIT) มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ทรัมป์เรียกเก็บอัตราภาษีศุลกากรในอัตราที่แตกต่างกันมากระหว่างกลุ่ม BRICS และกลุ่มอาเซียน การแข่งขันระหว่างสินค้าส่งออกในกลุ่ม BRICS และอาเซียนในตลาดสหรัฐอเมริกาได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญ สินค้าส่งออกบางประเภทสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน ขณะที่บางประเทศได้โอกาสเพิ่มส่วนแบ่งตลาดใหม่ อัตราภาษีทรัมป์ที่เรียกเก็บจากกลุ่ม BRICS สูงกว่าอาเซียนค่อนข้างมาก เป็นการสร้างโอกาสสินค้าส่งออกของไทยและอาเซียนที่ต้องแข่งขันกับกลุ่ม BRICS การส่งออกอาจขยายตัวมากกว่าที่คาดการณ์ไว้เดิม นอกจากนี้ยังจะทำให้เกิดการย้ายฐานการผลิตจากประเทศ BRICS มายังไทยและอาเซียนมากขึ้น หากส่วนต่างของอัตราภาษีศุลากรของสองกลุ่มประเทศนี้ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ปัจจัยเหล่านี้ช่วยผลักดันให้อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยปีนี้สูงกว่า 2% ได้ ภายใต้นโยบาย Liberation Tariffs และบทลงโทษเพิ่มเติมของสหรัฐ กลุ่ม BRICS ต้องเผชิญภาษีสูงมาก โดยเฉพาะจีน (55%) และอินเดีย-บราซิล (50%) ส่งผลกระทบหนักต่อสินค้าหลัก เช่น สินค้าเกษตร […]

มาเลเซียจะขอความชัดเจนจากเมียนมาเรื่องการเลือกตั้ง

กัวลาลัมเปอร์ 8 ส.ค. – นายโมฮาหมัด ฮาซัน รัฐมนตรีต่างประเทศมาเลเซีย จะนำคณะผู้แทนจาก 4 ชาติเดินทางไปยังเมียนมาในเดือนหน้า เพื่อขอรายละเอียดจากผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมาเกี่ยวกับการเลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้นในปลายปีนี้ สำนักข่าวเบอร์นามา ของทางการมาเลเซียรายงานวันนี้ว่า นายโมฮาหมัดกล่าวว่า เขาต้องการที่จะมองเห็นภาพได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้นเกี่ยวกับการเลือกตั้งในเมียนมา เพื่อนำเสนอต่อผู้นำอาเซียนที่จะประชุมสุดยอดร่วมกันในเดือนตุลาคมนี้ เบอร์นามารายงานด้วยว่า นายโมฮาหมัดซึ่งจะเดินทางไปเมียนมาพร้อมกับรัฐมนตรีต่างประเทศของประเทศไทย ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซียในวันที่ 19 กันยายน ต้องการความชัดเจนว่าเมียนมาจะจัดการเลือกตั้งอย่างครอบคลุมหรือไม่ เมื่อเดือนที่แล้ว นายโมฮาหมัดกล่าวว่า อาเซียนเห็นพ้องว่าการเลือกตั้งในเมียนมาไม่ใช่เรื่องสำคัญเร่งด่วน และเรียกร้องให้รัฐบาลทหารยึดมั่นใน “ฉันทามติ 5 ข้อ” เพื่อสันติภาพของกลุ่มแทน เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รัฐบาลทหารได้ยกเลิกภาวะฉุกเฉินทั่วประเทศและถ่ายโอนอำนาจให้แก่รัฐบาลที่นำโดยพลเรือนอย่างเป็นทางการก่อนการเลือกตั้ง แม้ว่าผู้นำรัฐบาลทหารจะยังคงเป็นผู้บริหารประเทศในตำแหน่งรักษาการในตำแหน่งประธานาธิบดีก็ตาม สื่อของรัฐบาลเมียนมารายงานว่า จะมีการประกาศกฎอัยการศึกและภาวะฉุกเฉินในกว่า 60 เมืองทั่ว 9 ภูมิภาคและรัฐ โดยจะมีการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งในเดือนธันวาคมและมกราคม.-813.-สำนักข่าวไทย

สหรัฐยินดีไทย-กัมพูชาตกลงรับผู้สังเกตการณ์อาเซียน

วอชิงตัน 8 ส.ค. – นายมาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐแสดงความยินดี หลังจากไทยและกัมพูชายอมให้ผู้สังเกตการณ์จากอาเซียนเข้าไปตรวจสอบพื้นที่ชายแดนที่มีข้อขัดแย้ง ที่ส่งผลให้เกิดการปะทะกันเป็นเวลา 5 วัน และตกลงหยุดยิงในช่วงปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา นายรูบิโอระบุในแถลงการณ์ที่เผยแพร่เมื่อวานนี้ว่า สหรัฐยินดีต่อความเคลื่อนไหวล่าสุดนี้ว่าเป็น ก้าวสำคัญในการทำให้ข้อตกลงหยุดยิงแข็งแกร่งขึ้น และจัดตั้งกลไกการสังเกตการณ์ของอาเซียน ที่นำโดยมาเลเซีย ประธานของอาเซียนในปีนี้ พร้อมเสริมว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และตนเองคาดหวังว่ารัฐบาลกัมพูชาและรัฐบาลไทยจะเคารพในพันธสัญญาของตนอย่างเต็มที่เพื่อยุติความขัดแย้งนี้.-813.-สำนักข่าวไทย

สิงคโปร์ว่าเหตุปะทะไทย-กัมพูชาเป็นความถดถอยของอาเซียน

สิงคโปร์ 6 ส.ค. – นายวิเวียน บาลากริชนัน รัฐมนตรีต่างประเทศสิงคโปร์ กล่าวว่า เหตุปะทะด้วยระหว่างประเทศไทยกับกัมพูชาที่เกิดขึ้นล่าสุด ไม่เพียงแต่เป็นความถดถอยสำหรับสันติภาพในภูมิภาคเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความน่าเชื่อถือของอาเซียนด้วย ปัญหาเรื่องดินแดนที่เกิดขึ้นได้จุดประเด็นคำถามเกี่ยวกับความสามารถของอาเซียนในการป้องกันและการจัดการกับวิกฤติการณ์และนายบาลากริชนันกล่าวว่า แม้ปัญหาเรื่องดินแดนดังกล่าวจะไม่ใช่เรื่องแปลกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่เขาก็เน้นย้ำว่าความรุนแรงเป็นสิ่งที่สามารถหลีกเลี่ยงได้ นายบาลากริชนันกล่าวว่า เมื่อมีความรุนแรงเกิดขึ้น เป็นการสะท้อนถึงความล้มเหลวของความเป็นผู้นำ เขายังเตือนไม่ให้ปล่อยให้เรื่องต่างๆ เลวร้ายลงจนกลายเป็นเหตุวิกฤติร้ายแรง เนื่องจากภูมิภาคนี้กำลังเผชิญกับความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้นและภูมิทัศน์ทางเศรษฐกิจโลกที่แตกแยกมากขึ้นเรื่อยๆ นายบาลากริชนัน กล่าวเรื่องนี้ในเวทีการประชุมอาเซียนและเอเชียครั้งที่ 17 ซึ่งจัดโดยสถาบันกิจการระหว่างประเทศแห่งสิงคโปร์ในวันที่ 5 สิงหาคม โดยเขาอธิบายว่าความขัดแย้งระหว่างกัมพูชาและไทยเป็นความเสียหายร้ายแรงสำหรับกลุ่มอาเซียน รัฐมนตรีต่างประเทศสิงคโปร์กล่าวต่อผู้ฟังซึ่งประกอบด้วยนักการทูต นักวิชาการ และผู้นำทางธุรกิจประมาณ 300 คนที่โรงแรมพาร์ครอยัล บีชโร้ดว่า “ไม่จำเป็นต้องพูดให้ดูดีกว่าความเป็นจริง นี่คือความถดถอย ความถดถอยครั้งใหญ่ ไม่ใช่แค่เพื่อสันติภาพและเสถียรภาพเท่านั้น แต่เพื่อความน่าเชื่อถือในอาเซียนด้วย” เขากล่าวว่า ประเทศในภูมิภาคนี้อยู่กับข้อพิพาทด้านดินแดนที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขมานาน ซึ่ง นายบาลากริชนันกล่าวย้ำว่าการมีอยู่ของข้อพิพาทเหล่านี้ไม่ได้หมายความว่าจะต้องนำไปสู่ความรุนแรงเสมอไป แค่มีพื้นที่ที่ยังไม่ได้กำหนดขอบเขตหรือกำลังมีข้อพิพาท ไม่ได้หมายความว่าจะต้องนำไปสู่ความรุนแรง และความจริงที่ว่าความรุนแรงเกิดขึ้นเป็นความล้มเหลวทางการทูต และอาจมีความซับซ้อนเมื่อความเป็นผู้นำมีความอ่อนแอ นายบาลากริชนันกล่าวว่า ทางแก้คือให้ประเทศต่างๆ ดูแลสังคมของตนเองก่อน ซึ่งเป็นประเด็นที่เขามักจะเน้นย้ำโดยกล่าวว่านโยบายต่างประเทศเริ่มต้นจากภายในประเทศ เขาตั้งข้อสังเกตว่าการต่อต้านโลกาภิวัตน์และการค้า รวมถึงการใช้อัตราภาษีและห่วงโซ่อุปทานเป็นเครื่องมือ มักมีต้นกำเนิดมาจากความไม่มั่นคงภายในและการขาดความเชื่อมั่นว่าระบบที่มีอยู่ เขาระบุว่า หากแนวรบภายในประเทศไม่สงบ […]

คณะผู้สังเกตการณ์ลงพื้นที่ฝั่งกัมพูชา

พนมเปญ 30 ก.ค. – วันนี้คณะผู้สังเกตการณ์นานาชาติซึ่งนำโดยมาเลเซียเดินทางลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบสถานการณ์ในฝั่งกัมพูชา หลังจากมีการหยุดยิงไปเมื่อคืนวันที่ 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา สื่อของกัมพูชารายงานว่าในวันนี้พลเอกผู้บัญชาการกองทัพมาเลเซียเป็นหัวหน้าคณะผู้สังเกตการณ์นานาชาติเดินทางลงพื้นที่ในเขตอันเซสซึ่งเป็นพื้นที่สู้รบในจังหวัดพระวิหารของกัมพูชาเพื่อติดตามและกำกับดูแลการปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงระหว่างไทยกับกัมพูชา หลังจากข้อตกลงหยุดยิงเริ่มมีผลไปเมื่อเวลาเที่ยงคืนวันที่ 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา ภารกิจการติดตามผลนี้เป็นความคิดริ่เริ่มของมาเลเซียซึ่งขณะนี้มีตำแหน่งเป็นประธานหมุนเวียนของอาเซียน เพื่อสร้างหลักประกันว่าประเทศคู่กรณีจะปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างครบถ้วน คณะผู้สังเกตการณ์ดังกล่าวจัดตั้งขึ้นตามข้อตกลงระหว่างไทยกับกัมพูชา ถือเป็นส่วนหนึ่งของกลไลการติดตามการหยุดยิงเพื่อยืนยันการปฏิบัติตามข้อตกลงและสร้างความไว้วางใจซึ่งกันและกัน สื่อของกัมพูชาให้ข้อมูลว่าคณะผู้สังเกตการณ์นี้ประกอบผู้ช่วยทูตจากชาติมหาอำนาจและประเทศมาชิกอาเซียน ตลอดจนนักการทูต รวมทั้งสิ้น 13 ประเทศได้แก่สหรัฐ จีน ญี่ปุ่น รัสเซีย เกาหลีใต้ และออสเตรเลีย ส่วนประเทศในอาเซียนมีทั้ง มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ สปป.ลาว เวียดนาม และเมียนมา พลเอกหญิงมาลี โสเจียตา ปลัดกระทรวงกลาโหมกัมพูชาและโฆษกกระทรวงยืนยันว่า คณะผู้สังเกตการณ์นานาชาติที่นำโดยมาเลเซียมี 2 คณะ โดยคณะหนึ่งประจำการอยู่ในกัมพูชา และอีกคณะหนึ่งประจำการในไทย โดยแต่ละคณะมีผู้ช่วยทูตทหารระดับสูงของมาเลเซียที่ประการจำการอยู่ในแต่ละประเทศเป็นหัวหน้าคณะผู้บัญชาการกองทัพมาเลเซียเดินทางมาถึงกัมพูชาตั้งแต่เมื่อวานนี้ และในช่วงเย็นวันเดียวกันได้ลงพื้นที่ตรวจสอบในฝั่งกัมพูชา โดยได้พบปะกับผู้บัญชาการทหารระดับสูงของไทยและกัมพูชา ซึ่งรวมถึงแม่ทัพภาคที่ 1 และภาคที่ 2 ของไทย และผู้บัญชาการทหารภาค 4 และภาค 5 ของกัมพูชา […]

South Korea's seminar on digital in Southeast Asia

เกาหลีใต้ส่งเสริมความสามารถนวัตกรรมดิจิทัลในอาเซียน

กรุงเทพฯ 24 ก.ค.-  เกาหลีใต้จัดการเสวนาส่งเสริมความสามารถด้านนวัตกรรมดิจิทัลให้แก่ประเทศสมาชิกอาเซียน ตอกย้ำพันธกิจร่วมในการสร้างระบบธรรมาภิบาลดิจิทัลที่ยั่งยืนในยุคที่เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคมที่ผ่านมารัฐบาลสาธารณรัฐเกาหลีร่วมกับศูนย์ฝึกอบรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชียและแปซิฟิกแห่งสหประชาชาติ (UN-APCICT) จัดเวทีเสวนาว่าด้วยการส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล ผ่านนวัตกรรมภาครัฐในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อยกระดับขีดความสามารถด้านนวัตกรรมดิจิทัลและส่งเสริมความร่วมมือระดับภูมิภาค โดยมีผู้แทนจากประเทศสมาชิกอาเซียนและองค์กรระหว่างประเทศให้ความสนใจเข้าร่วมแลกเปลี่ยนยุทธศาสตร์การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เวทีเสวนาในครั้งนี้ได้รับเกียรติจากนายปาร์ค ยงมิน เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลีประจำประเทศไทย, คุณหลิน หยาง รองเลขาธิการบริหารฝ่ายโครงการของคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติสำหรับเอเชียและแปซิฟิก (UNESCAP) และนายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ร่วมกล่าวเปิดงาน โดยเน้นย้ำถึงบทบาทสำคัญของเทคโนโลยีดิจิทัลในการผลักดันนวัตกรรมภาครัฐและการเติบโตอย่างมีส่วนร่วม รวมถึงการยกระดับความร่วมมือภายในภูมิภาคอาเซียนให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น ในช่วงแรกของงานเป็นการนำเสนอเรื่องการเปลี่ยนผ่านสู่รัฐบาลดิจิทัลในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก โดยผู้แทนจากบรูไน อินโดนีเซีย สปป.ลาว สาธารณรัฐเกาหลี และไทย ได้ร่วมแบ่งปันยุทธศาสตร์ระดับชาติในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อยกระดับการดำเนินงานของภาครัฐ โดยมุ่งเน้นการพัฒนาบริการสาธารณะให้มีประสิทธิภาพ การมีส่วนร่วมของประชาชน และการสร้างโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล ทั้งนี้ ผู้แทนแต่ละประเทศได้แลกเปลี่ยนถึงความท้าทายต่าง ๆ เช่น ความต่างด้านศักยภาพเชิงสถาบัน ความเหลื่อมล้ำระหว่างภูมิภาค และความเสี่ยงด้านความมั่นคงทางไซเบอร์ พร้อมเน้นย้ำถึงความจำเป็นของกรอบนโยบายที่ชัดเจนและความร่วมมือข้ามพรมแดนเพื่อเร่งรัดการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลอย่างยั่งยืน ช่วงที่สองเป็นเวทีเสวนาภายใต้หัวข้อ “การให้บริการสาธารณะด้วย AI” โดยมีผู้แทนจากอินโดนีเซีย สปป.ลาว ไทย สาธารณรัฐเกาหลี และสำนักเลขาธิการอาเซียนร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น […]

Rubio meets Chinese foreign minister in Malaysia

รมต.สหรัฐ-จีนใช้เวทีอาเซียนหาพันธมิตร

กัวลาลัมเปอร์ 11 ก.ค.- รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐใช้เวทีอาเซียนหารือทวิภาคีกับหลายประเทศ รวมถึงไทย เพื่อย้ำบทบาทของสหรัฐ ขณะที่รัฐมนตรีต่างประเทศจีนใช้โอกาสนี้วิจารณ์สหรัฐอย่างรุนแรงเรื่องภาษีศุลกากรอัตราใหม่ นายมาร์โก รูบิโอ เดินทางมาเอเชียเป็นครั้งแรกตั้งแต่รับตำแหน่งเมื่อเดือนมกราคม เขาได้เข้าร่วมการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออกหรืออีเอเอส (EAS) และการประชุมอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกหรือเออาร์เอฟ (ARF) ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ของมาเลเซียในวันนี้ ร่วมกับรัฐมนตรีต่างประเทศจากหลายประเทศที่เป็นหุ้นส่วนกับอาเซียน เช่น จีน รัสเซีย ญี่ปุ่น ส่วนเมื่อวานนี้นายรูบิโอได้กล่าวในการประชุมกับรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนว่า อินโด-แปซิฟิกยังคงเป็นจุดสนใจสำคัญในนโยบายต่างประเทศของสหรัฐ นักวิเคราะห์เชื่อว่า เขาจะหาทางนำเสนอว่าสหรัฐยังคงเป็นหุ้นส่วนของภูมิภาคนี้ที่ดีกว่าจีน กระทรวงต่างประเทศสหรัฐแจ้งว่า นายรูบิโอมีกำหนดหารือทวิภาคีในวันนี้กับรัฐมนตรีต่างประเทศไทย กัมพูชา และอินโดนีเซีย ด้านนายหวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีนใช้โอกาสนี้วิพากษ์วิจารณ์สหรัฐอย่างรุนแรง โดยได้กล่าวกับนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีต่างประเทศของไทยว่า สหรัฐใช้ภาษีศุลกากรในทางมิชอบ บ่อนทำลายระบบการค้าเสรี และแทรกแซงเสถียรภาพของห่วงโซ่อุปทานและการผลิตระดับโลก นอกจากนี้ยังได้กล่าวกับรัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชาว่า ภาษีของสหรัฐพรากสิทธิอันชอบธรรมของกัมพูชาที่จะพัฒนาประเทศ นายรูบิโอ วัย 54 ปี และนายหวัง วัย 71 ปี ได้พบหน้ากันเป็นครั้งแรกในวันนี้ในการหารือทวิภาคีที่ใช้เวลานาน 1 ชั่วโมง.-814.-สำนักข่าวไทย

ASEAN agrees Myanmar election is not a priority, Malaysia says

อาเซียนเห็นพ้องเลือกตั้งเมียนมาไม่ใช่เรื่องด่วน

กัวลาลัมเปอร์ 11 ก.ค.- สมาชิกอาเซียนมีความเห็นตรงกันว่า การเลือกตั้งในเมียนมาไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน สิ่งสำคัญที่สุดในขณะนี้ คือ การยุติความรุนแรงทั้งหมด เพื่อให้ทุกฝ่ายหันมาเจรจาหาทางออกร่วมกัน นายโมฮาหมัด ฮาซัน รัฐมนตรีต่างประเทศมาเลเซียซึ่งเป็นประธานหมุนเวียนของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียนให้สัมภาษณ์สื่อ นอกรอบการประชุมอาเซียนที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ในวันนี้ว่า ชาติสมาชิกอาเซียนมีความเห็นพ้องกันว่า การเลือกตั้งในเมียนมาไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนในเวลานี้ แต่สิ่งสำคัญที่สุด คือ จะต้องยุติความรุนแรงทั้งหมดลงก่อน เพื่อให้ทุกฝ่ายได้ร่วมกันเจรจาหาทางออกของปัญหาทางการเมือง และเรียกร้องให้รัฐบาลทหารเมียนมาปฏิบัติตามฉันทามติ 5 ข้อของอาเซียน ซึ่งเป็นแผนสันติภาพที่ผู้นำทหารเมียนมาเคยตกลงไว้เมื่อเดือนเมษายน 2564 หลังจากเกิดการทำรัฐประหารรัฐบาลพลเรือนของนางออง ซาน ซู จีในเดือนกุมภาพันธ์ปีเดียวกัน นายโมฮาหมัดกล่าวว่า การเลือกตั้งในเมียนมาไม่ถือเป็นส่วนหนึ่งของแผนสันติภาพ 5 ข้อ และอาเซียนได้แนะนำเมียนมาแล้วว่า การเลือกไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุดในขณะนี้ เพราะสถานการณ์ที่ยังเต็มไปด้วยความรุนแรง และการปราบปรามกลุ่มที่เห็นต่างกับรัฐบาลทหาร การเลือกตั้งที่ไร้พรรคฝ่ายค้านที่มีประสิทธิภาพจะไม่สามารถแก้ปัญหาใด ๆ ได้ มีแต่จะทำให้สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายลงไปอีก และอาเซียนจะไม่ยอมรับการเลือกตั้งในเมียนมาที่ไม่มีพรรคการเมืองเข้าร่วมทุกพรรค นอกจากนี้อาเซียนยังต้องการให้เมียนมาขยายเวลาหยุดยิงออกไปอีก หลังจากที่ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายต่อต้านประกาศหยุดยิงหลังเกิดแผ่นดินไหวใหญ่เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา  แต่ก็ยังมีรายงานว่าฝ่ายรัฐบาลยังคงยิงปืนใหญ่และใช้การโจมตีทางอากาศต่อฝ่ายต่อต้านอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลทหารเมียนมาปฏิเสธเรื่องดังกล่าว ขณะที่การสู้รบภายในประเทศหลังเกิดรัฐประหารเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2564 มีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 7,000 คน ประชาชนมากกว่า 3 ล้าน 5 แสนคนต้องไร้ที่อยู่.-816(814).-สำนักข่าวไทย

26th ASEAN plus Three Ministers' Meeting

จีนเสนอวิธีหนุนอาเซียนบวกสามยกระดับบูรณาการ

กัวลาลัมเปอร์ 11 ก.ค.- จีนเสนอข้อเสนอแนะ 4 ประการ ในการสนับสนุนให้กลุ่มอาเซียนบวกสามยกระดับการบูรณาการในภูมิภาค สำนักข่าวซินหัวของทางการจีนรายงานว่า นายหวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและกรรมการกรมการเมืองแห่งคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน (CPC) ได้กล่าวในการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนบวกสาม ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ของมาเลเซียเมื่อวานนี้ว่า ยิ่งสถานการณ์ระหว่างประเทศมีความสลับซับซ้อนมากเท่าใด กลุ่มประเทศอาเซียน จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ หรืออาเซียนบวกสาม (ASEAN Plus Three) ยิ่งจำเป็นต้องขจัดการแทรกแซงและเดินหน้ายกระดับกระบวนการบูรณาการระดับภูมิภาค นายหวังกล่าวว่า การมุ่งเน้นพัฒนาและส่งเสริมความร่วมมือเป็นแนวโน้มและกระแสหลักของความร่วมมือในเอเชียตะวันออกในปัจจุบัน แม้นานาประเทศจะยังเผชิญหลายความท้าทาย เช่น ผลกระทบจากเอกภาพนิยมหรือการกระทำฝ่ายเดียวและการกีดกันทางการค้า รวมถึงการใช้ภาษีในทางมิชอบโดยชาติมหาอำนาจบางประเทศ ทำให้ยิ่งมีความจำเป็นต้องเสริมสร้างแนวโน้มความร่วมมือและเพิ่มขีดความสามารถการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง นายหวังได้เสนอข้อเสนอแนะ 4 ประการสำหรับความร่วมมือในระยะต่อไปประกอบด้วย ประการแรก สร้างเอเชียตะวันออกแบบบูรณาการ ด้วยการยืนหยัดคัดค้านการ “สร้างกำแพงและอุปสรรค” จีนยินดีทำงานร่วมกับทุกฝ่ายเพื่อดำเนินตามแถลงการณ์ของคณะผู้นำ และเดินหน้าส่งเสริมความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ร่วมกันในด้านห่วงโซ่การผลิตและห่วงโซ่อุปทาน ประการที่สอง สร้างเอเชียตะวันออกที่เข้มแข็งและยืดหยุ่น ด้วยการวางแผนทิศทางในอนาคตของความร่วมมือด้านการคลังและการเงินในภูมิภาค จีนยินดีทำงานร่วมกับทุกฝ่ายเพื่อสำรวจนวัตกรรมเชิงกลไก และยกระดับความร่วมมือด้านความมั่นคงทางอาหารในภูมิภาคบนพื้นฐานของการเสริมสร้างกลไกสำรองข้าวฉุกเฉินอาเซียนบวกสามให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ประการที่สาม สร้างเอเชียตะวันออกที่เปี่ยมด้วยนวัตกรรมและพลวัต ด้วยการคว้าโอกาสที่มาพร้อมการปฏิวัติทางเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมรอบใหม่ และขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านและการพัฒนาด้วยนวัตกรรม ประการที่สี่ สร้างเอเชียตะวันออกที่เชื่อมโยงทางวัฒนธรรม ด้วยการดำเนินโครงการ “แคมปัส เอเชีย ” […]

ASEAN, China affirm free trade cooperation amid 'challenging times'

อาเซียน-จีนย้ำกระชับความร่วมมือการค้าเสรี

กัวลาลัมเปอร์ 10 ก.ค.- สมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียนและจีนย้ำเรื่องการกระชับความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าเสรี ท่ามกลางช่วงเวลาท้าทายที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ ในการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนกับจีนที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ของมาเลเซียในวันนี้ นายโมฮาหมัด ฮาซัน รัฐมนตรีต่างประเทศมาเลเซียในฐานะประธานอาเซียนประจำปีนี้กล่าวว่า ทุกวันนี้สันติภาพโลกมีความเปราะบางอย่างเห็นได้ชัดมากยิ่งขึ้น จึงจำเป็นต้องเพิ่มความพยายามเป็น 2 เท่าในการสร้างหลักประกันว่า สันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคนี้ได้รับการธำรงไว้ ด้วยการสร้างความมั่นใจว่า ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์จะไม่เพิ่มหรือเสี่ยงบั่นทอนความมั่นคงและการค้าโลกในทะเลจีนใต้ ดังนั้นอาเซียนจึงขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายจัดการสถานการณ์ในทะเลจีนใต้ด้วยปัญญาและความรอบคอบ อาเซียนยินดีที่มีความคืบหน้าเรื่องระเบียบปฏิบัติในทะเลจีนใต้ และหวังว่าเรื่องนี้จะเดินหน้าไปในทางสร้างสรรค์ รัฐมนตรีต่างประเทศมาเลเซียกล่าวถึงเรื่องการค้าว่า จะต้องร่วมกันเฝ้าระวังภัยคุกคามต่อระบบการค้าโลกที่เปิดกว้าง เป็นธรรม และตั้งอยู่บนกฎระเบียบ การลงนามข้อตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน-จีน 3.0 (ACFTA 3.0) ในปลายปีนี้จะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม เพราะข้อตกลงนี้จะช่วยให้อาเซียนและจีนสามารถกระชับความร่วมมือทางเศรษฐกิจและความยืดหยุ่นในช่วงเวลาท้าทายปัจจุบันและหลังจากนี้ ด้านนายหวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีนกล่าวว่า ท่ามกลางช่วงเวลาสำคัญที่มีความปั่นป่วนและแปรเปลี่ยนระดับโลกในขณะนี้ จำเป็นต้องเรียนรู้บทเรียนจากประวัติศาสตร์ ส่งเสริมอย่างแข็งขันให้มีโลกหลายขั้วที่มีความเสมอภาคและเป็นระเบียบ ส่งเสริมเศรษฐกิจโลกาภิวัตน์ที่ครอบคลุมและเป็นประโยชน์ และผลักดันให้ระเบียบสากลมุ่งไปสู่ทิศทางที่เป็นธรรมและสมเหตุสมผลมากยิ่งขึ้น นายหวังกล่าวว่า จีนจะร่วมกับประเทศในอาเซียนเชิดชูคุณค่าของเอเชียเรื่องสันติภาพ ความร่วมมือ การเปิดกว้าง และการมีส่วนร่วม จะสร้างมาตุภูมิที่สันติ ปลอดภัย รุ่งเรือง สวยงาม และเป็นมิตร จะหาทางส่งเสริมประชาคมจีน-อาเซียนที่ใกล้ชิดมากขึ้นและมีอนาคตร่วมกัน และจะมุ่งอุทิศตัวให้แก่การฟื้นฟูเอเชียในยามที่โลกใต้หรือโลกบอลเซาท์ (Global South) มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น อาเซียนที่มีสมาชิก 10 ประเทศเป็นคู่ค้าใหญ่ที่สุดของจีน […]

Malaysia calls for stronger inter-ASEAN trade amid global uncertainty

มาเลเซียเรียกร้องอาเซียนผนึกกำลัง

กัวลาลัมเปอร์ 9 ก.ค. – นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เรียกร้องให้สมาชิกอาเซียนดำเนินการอย่างมีจุดมุ่งหมายและยกระดับการค้าระหว่างกันให้มากขึ้น ในขณะที่โลกกำลังเผชิญกับความไม่แน่นอน นายกรัฐนตรีอันวาร์ ซึ่งเป็นประธานอาเซียนประจำปีนี้ กล่าวสุนทรพจน์เปิดการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ครั้งที่ 58 ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ในวันนี้ โดยได้พูดถึงภาษีศุลกากร ข้อจำกัดในการส่งออกและอุปสรรคต่อการลงทุนว่า เป็นเครื่องมือสำคัญในการแข่งขันทางภูมิรัฐศาสตร์ แต่ไม่ได้เอ่ยถึงสหรัฐที่ประกาศจะเก็บภาษีนำเข้าจาก 6 ชาติอาเซียนในอัตราระหว่างร้อยละ 25-40 แม้ว่าสมาชิกอาเซียนบางประเทศพยายามยื่นข้อเสนอที่ยอมอ่อนข้อให้แก่สหรัฐอย่างกว้างขวาง และเจรจาขอลดอัตราภาษี ขณะนี้มีเวียดนามเพียงชาติเดียวในอาเซียนที่บรรลุข้อตกลงกับสหรัฐไปแล้ว โดยได้ลดหย่อนการเรียกเก็บภาษีจากร้อยละ 46 % ลงมาเหลือที่ร้อยละ 20 ปัจจุบันอาเซียนมีสมาชิก 10 ประเทศ เป็นกลุ่มประเทศที่พึ่งพาการส่งออกเป็นหลัก และมีขนาดเศรษฐกิจรวมกันใหญ่เป็นอันดับ 5 ของโลก สมาชิกบางประเทศได้รับประโยชน์จากการปรับเปลี่ยนห่วงโซ่อุปทานที่มาจากจีน.-816(814).-สำนักข่าวไทย

1 2 3 55
...