ชัยภูมิ 10 พ.ค. – “พระบิดา” เจ้าลัทธิประหลาด ล่องหน หลังได้ประกันตัว คาดไปอยู่กับลูกศิษย์ที่อุดรธานี ด้านป่าไม้แจ้งจับเอาผิดบุกรุกป่า
หลังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบุกตรวจสำนักฤาษีประหลาด พื้นที่บ้านกุดแคน หมู่ 2 ตำบลดงกลาง อำเภอคอนสาร จังหวัดชัยภูมิ ที่มีนายทวี หนันรา ตั้งตัวเป็นพระบิดาของทุกศาสนา มีตำรับยาอุจจาระ ปัสสาวะ เสมหะ ขี้ไคล รวมถึงโอสถทิพย์ที่บรรจุในโอ่งมังกรนับร้อย ใครกินแล้วจะช่วยรักษาสารพัดโรค เพื่อนำศพ 11 ศพ ไปตรวจพิสูจน์
การตรวจพิสูจน์เบื้องต้นยังไม่พบความผิดปกติ ทุกศพมีใบมรณบัตร เสียชีวิตจากมะเร็ง ติดเชื้อในกระแสเลือด และศพนานสุดถูกเก็บไว้ 5 ปี ตอนนี้เจ้าหน้าที่ได้เคลื่อนย้ายศพทั้งหมดไปเก็บรักษาไว้ในสุสานอำเภอชุมแพ จังหวัดขอนแก่น และติดต่อญาติให้มารับกลับไปบำเพ็ญกุศล ขณะที่การสอบสวนญาติๆ ทราบว่าที่นำศพไปเก็บรักษาไว้ที่สำนักของพระบิดา เพราะเชื่อว่าหากเก็บไว้ที่นี่ผู้เสียชีวิตจะได้ขึ้นสวรรค์ และเจ้าสำนักบอกว่าโลกจะแตกในอีกไม่นาน และผู้เสียชีวิตจะกลับเข้าสู่ร่างเดิมเมื่อเกิดบนโลกใบใหม่ และพระบิดาของเหล่าสาวก จะเป็นเจ้าลัทธิ
ส่วนการดำเนินคดีกับพระบิดาในเบื้องต้น พันตำรวจเอกวัฒนชัย จันทาทุม ผู้กำกับการ สภ.คอนสาร ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า มีเพียง 3 ข้อหา คือ บุกรุกป่า บุกรุกที่สาธารณประโยชน์ และความผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมโรค ส่วนความผิดอื่นที่เข้าข่ายแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มคือ กระบวนการบำบัดรักษาอาการป่วย และการจัดการศพ ซึ่งภายหลังตำรวจคุมตัวพระบิดาส่งศาลฝากขัง ศาลได้อนุญาตให้ประกันตัวไปด้วยวงเงิน 50,000 บาท โดยมีการคาดการณ์ว่าพระบิดาได้เดินทางกลับไปบ้านที่ขอนแก่น โดยคนที่นำเงินวางประกันตัวนายทวี คือ นายทองทิพย์ หนันลา อายุ 62 ปี น้องชายของพระบิดา
ทีมข่าวพยายามขอสัมภาษณ์นายทองทิพย์ บอกเพียงว่าหลังนำเงินไปประกันตัวพระบิดาออกมาจากนั้นพระบิดาก็ออกไปกับลูกศิษย์ ซึ่งขณะนี้ขอไม่บอกว่าไปอยู่ที่ไหน หากอยากรู้ให้หมอปลาไปควานหาเอาเอง เพราะเห็นว่าเก่งนักหนา หรือหากอยากเจอตัวจริงๆ ก็รอวันขึ้นศาล หรืออีก 12 วัน ส่วนอาการของพระบิดาตอนนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เพราะลูกศิษย์คนที่รับตัวไปก็ดูแลอย่างดีและไว้ใจได้ อีกทั้งพระบิดาไม่ได้มีอาการเครียดหรือกังวลลอะไร เพราะปล่อยวางแล้ว ถึงแม้เมื่อวานจะมีการยั่วยุจากหมอปลาก็ไม่ได้ติดใจอะไร แม้กระทั่งทรัพย์สินของท่านยังปล่อยวาง ตอนนี้ได้ยกที่ดินทั้งหมด 16 ไร่ ให้น้องชายคนเล็กครอบครอง ส่วนเรื่องที่มีการพบห่อยารักษาโรคไวรัสตับอักเสบบีนั้น ส่วนตัวว่าไม่เป็นความจริง เพราะท่านจะไม่ยอมกินยา นอกจากยาที่ปรุงเองเท่านั้น
ขณะที่ทีมข่าวยังได้เดินทางไปที่บ้านของนายบุญตัน หนันลา อายุ 77 ปี ซึ่งคาดว่าหลังจากพระบิดาได้รับการประกันตัวจะกลับมาบ้านพี่ชาย แต่ไม่พบ
นายบุญตัน เปิดเผยว่า พระบิดาไม่ได้กลับมาที่นี่ อาจจะไปอยู่กับลูกศิษย์ที่จังหวัดใดจังหวัดหนึ่ง หรืออาจจะเป็น จ.อุดรธานี จ.มหาสารคาม ก็เป็นได้ แต่ส่วนตัวแล้วไม่ทราบจริงๆ ว่าน้องชายไปอยู่ที่ไหน และตอนนี้ไม่ได้เป็นห่วงแล้ว เพราะคิดว่าลูกศิษย์ต้องดูแลอย่างดี แน่นอน
ชาวบ้านโวยพระบิดาปล่อยน้ำเสียจากศพส่งกลิ่นเน่าเหม็น
นอกจากนี้ยังมีเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้านกุดแคน หมู่ 2 ตำบลดงกลาง อำเภอคอนสาร จังหวัดชัยภูมิ เนื่องจากสำนักลัทธิประหลาดปล่อยน้ำเสียจากศพและจากการหมักสมุนไพรส่งกลิ่นเหม็น ทำคุณภาพชีวิตแย่มานานหลายปี
นายแสวง สุขขีอายุ 78 ปี บอกว่า เดิมทีรู้จักและเคยพูดคุยกับพระบิดา เจ้าสำนักประหลาด เพราะตนเองมีที่ไร่ที่นาอยู่บริเวณใกล้เคียงติดกับที่ดินสาธารณะที่เป็นที่ตั้งสำนักดังกล่าว แต่ตนไม่ค่อยชอบตรงที่ว่ามีการปล่อยให้พื้นที่มีขยะมาก ส่งกลิ่นเหม็น แถมขยะต่างๆ ที่นำมาหมักไว้ในโอ่งก็ส่งกลิ่นเหม็นไปทั่วป่า ยิ่งเวลามาทำไร่ทำสวนจะได้กลิ่นเน่าเหม็นเป็นประจำ
ทั้งนี้ พื้นที่ป่าดังกล่าวมีการทำรั้วปิดมิดชิด ไม่ค่อยปล่อยให้คนนอกเข้าไป ส่วนใหญ่จะมีการปลูกกระท่อมอยู่กันเฉพาะคนในกลุ่มของลูกศิษย์เป็นครอบครัวราว 20-30 หลังคาเรือน และตามแนวป่าก็จะมีการนำต้นกระบองเพชรมาปลูกเป็นแนวรั้วไว้เพื่อแสดงเป็นแนวเขตของสำนักประหลาด
ป่าไม้แจ้งจับพระบิดาพร้อมสาวกบุกรุกที่ป่า
ด้านนายสาโรจน์ บุญพร้อม หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าคอนสาร ออกมายืนยันว่าพื้นที่ที่เป็นสถานที่รวมกลุ่มของลัทธิประหลาด เป็นพื้นที่ป่าไม้ ซึ่งตนเป็นผู้ดูแลอยู่ หลังทราบเรื่องตนพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ฝ่ายปกครอง ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เดินทางเข้าพื้นที่ตั้งแต่วันแรกแล้ว พร้อมเดินสำรวจเบื้องต้น จากการจับพิกัดยืนยันว่าพื้นที่ดังกล่าวอยู่นอกเขตป่าสงวน และไม่อยู่ในเขตปฏิรูปที่ดิน นั่นหมายความว่าอยู่ในเขตป่าไม้ และตามมาตรา 4 (1) ที่ระบุที่ดินที่ยังมีผู้ได้มา ตามประมวลกำหมายที่ดิน ซึ่งถือว่าเป็นพื้นที่ที่กรมป่าไม้ยังต้องดูแล ดังนั้น การเข้ายึดถือครอบครองทำประโยชน์โดยไม่ได้ขออนุญาตจากกรมป่าไม้ ถือว่าเป็นการบุกรุกอย่างแน่นอน ขณะนี้ได้เตรียมเจ้าหน้าที่ออกรางวัดพิกัดทั้งหมด เพื่อคำนวณเนื้อที่ว่าได้เนื้อที่เท่าไร ที่ทำความเสียหายในเขตรับผิดชอบของป่าไม้ จากนั้นจะนำข้อมูลทั้งหมดเข้าแจ้งความเพิ่มเติม ซึ่งจะใช้เวลาในการตรวจสอบประมาณ 3-4 วัน ซจากภาพรวมและการตรวจสอบเบื้องต้น ยืนยันว่ามีการบุกรุกอย่างแน่นอน
สำหรับสำนักฤาษีประหลาดนี้ ลูกศิษย์เกือบทั้งหมดเป็นคนต่างถิ่น อาศัยอยู่ในพื้นที่ครอบครองเกือบ 30 ไร่ จากป่าชุมชนทั้งหมด 287 ไร่ คนในพื้นที่ศรัทธาเฉพาะช่วงแรกเกือบ 30 ปีก่อนที่ยังห่มเหลืองเป็นพระสงฆ์ แต่หลังจากเปลี่ยนเป็นฤาษี พร้อมปล่อยสูตรตำรับยาพิสดาร นำซากพืช ซากสัตว์ ผสมให้ลูกศิษย์ดื่มกิน ชาวบ้านในพื้นที่จึงถอยห่างตั้งแต่ตอนนั้น และภายในวันศุกร์นี้ อำเภอคอนสารจะนำประกาศมาติดว่าพื้นที่นี้รุกป่าสาธารณประโยชน์อย่างชัดเจน ไม่มีสิทธิเข้ามาอยู่อาศัย จะให้เวลาออกนอกพื้นที่ใน 7วัน หรือ 15 วัน หากไม่ออกก็จะดำเนินคดีตามกฎหมาย.-สำนักข่าวไทย