สปสช.ขยายสิทธิประโยชน์บัตรทอง “ยาแผนไทยผสมกัญชา” 3 รายการ

กรุงเทพฯ 10 พ.ค. – บอร์ด สปสช. เพิ่มเติม “ยาแผนไทยผสมกัญชา 3 รายการ” บรรจุสิทธิประโยชน์บัตรทอง หลังประกาศบัญชียาหลักแห่งชาติ ขยายการเข้าถึงรักษา เพื่อดูแลผู้ป่วย กำหนดเบิกจ่ายตามรายการบริการ ภายใต้งบบริการการแพทย์แผนไทย


นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) เมื่อวันที่ 2 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข เป็นประธาน มีมติเห็นชอบการจ่ายชดเชยค่าบริการเพิ่มเติม ปี 2565 ในรายการยาแผนไทยที่มีส่วนผสมกัญชาในบัญชียาหลักแห่งชาติด้านสมุนไพร จำนวน 3 รายการ ประกอบด้วย 1.ยาแก้ลมแก้เส้น ช่วยให้นอนหลับ เจริญอาหาร 2. ยาศุขไสยาศน์แก้ลมเปลี่ยวดำ เป็นยาเสริมในการฟื้นฟูอัมพฤกษ์ อัมพาต และ 3.ยาทำลายพระสุเมรุ แก้ลมในเส้น บรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อ ที่มีอาการมือเท้าชา

ทั้งนี้ ตามที่อนุกรรมการบัญชียาหลักแห่งชาติ ได้พิจารณายาที่มีส่วนผสมของกัญชา 3 รายการ ได้แก่ ยาแก้ลมแก้เส้น ยาศุขไสยาศน์ และยาทำลายพระสุเมรุ บรรจุเพิ่มเติมในบัญชียาหลักแห่งชาติด้านสมุนไพร และได้มีการประกาศในราชกิจจาเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2564 และ 4 มิถุนายน 2564 โดยเมื่อเดือนมีนาคม 2565 กระทรวงสาธารณสุขได้ทำหนังสือแจ้งมายัง สปสช. เสนอให้ทบทวนหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการจ่ายค่าใช้จ่ายเพื่อบริการสาธารณสุข โดยให้ครอบคลุมการเบิกจ่ายยาที่มีส่วนผสมกัญชา 3 รายการดังกล่าวนี้


นพ.จเด็จ กล่าวต่อว่า ต่อมา สปสช. จึงได้มีการหารือกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข เพื่อขยายสิทธิประโยชน์หลักประกันสุขภาพแห่งชาติให้ครอบคลุมเพื่อให้ผู้ป่วยเข้าถึงยาที่มีส่วนผสมของกัญชา 3 รายการดังกล่าว และเป็นไปตามมติคณะกรรมการ 7×7 โดยกำหนดเป็นการเบิกจ่ายตามผลงานรายบริการ (Fee schedule) ภายใต้บริการการแพทย์แผนไทย คาดว่าจะใช้เงินเพิ่มเติม 3,706,346 บาท ซึ่งยังอยู่ในวงเงินที่ตั้งไว้ และได้นำเข้าสู่บอร์ด สปสช. พิจารณาเห็นชอบแล้วในวันนี้ นอกจากนี้ยังเป็นการเพิ่มการเข้าถึงยากัญชาตามนโยบายของรัฐบาล

“การบรรจุยาแผนไทยที่มีส่วนผสมของกัญชานี้ เป็นการเพิ่มเติมจากที่ สปสช. ได้มีการบรรจุน้ำมันกัญญาและสารสกัดกัญชาเพื่อดูแลผู้ป่วยโรคมะเร็ง ไมเกรน พาร์กินสัน และผู้ป่วยลมชัก เป็นสิทธิประโยชน์ก่อนหน้านี้เป็นการขยายการดูแลเพื่อให้ผู้ป่วยบัตรทองเข้าถึงการรักษาเพิ่มขึ้น สะท้อนให้เห็นการพัฒนาเพื่อความครอบคลุมยารักษาโรคที่จำเป็นในการดูแลประชาชนผู้มีสิทธิบัตรทอง” เลขาธิการ สปสช. กล่าว

สอบถามเพิ่มเติมการใช้สิทธิบัตรทอง ได้ที่ สายด่วน สปสช. 1330 หรือช่องทางระบบออนไลน์ ทั้งไลน์ สปสช. (ไลน์ไอดี @nhso) หรือคลิก https://lin.ee/zzn3pU6 และ Facebook : สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ https://www.facebook.com/NHSO.Thailand. -สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง