สนามบินสุวรรณภูมิ 4 พ.ค.- ผอ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ชี้แจงข้อเท็จจริง กรณีมีผู้บุกรุกเข้าเขตการบิน เบื้องต้นตำรวจแจ้ง 7 ข้อหาหนัก เตรียมคุมตัวส่งฝากขังศาลจังหวัดสมุทรปราการ
นายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) เปิดเผยว่าวานนี้ (3 พ.ค.65) เวลาประมาณ 11.50 น. เกิดเหตุมีบุคคลภายนอกขับขี่รถจักรยานยนต์พกอาวุธ ฝ่าฝืนมาตรการรักษาความปลอดภัยบุกรุกเข้าไปในพื้นที่หวงห้ามภายในเขตการบิน โดยเมื่อได้รับแจ้งเหตุศูนย์รักษาความปลอดภัย ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ได้ติดตามตัวผู้ก่อเหตุผ่านกล้องโทรทัศน์วงจรปิดตลอดเหตุการณ์ พร้อมแจ้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยขับรถยนต์สายตรวจเข้าตามสกัดจับผู้บุกรุก แต่เนื่องจากผู้บุกรุกมีอาวุธทางเจ้าหน้าที่จึงต้องใช้กำลังในการควบคุม โดยสามารถจับกุมผู้ก่อเหตุได้ในเวลา 12.03 น. และนำส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ก่อนที่ผู้บุกรุกจะพยายามหนีเข้าไปในสะพานเทียบอากาศยาน ทั้งนี้ ผู้ก่อเหตุเป็นชายไทย อายุ 34 ปี ขณะจับกุมบุคคลดังกล่าว ยังมีอาการมึนเมาจากการเสพยาเสพติด โดยเจ้าหน้าที่สามารถยึดของกลางเป็นสิ่งเทียมอาวุธปืนสั้น และของมีคม (ขวานเหล็ก, กรรไกร) พร้อมด้วยยาบ้า 1 เม็ด
นายกิตติพงศ์กล่าวว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ส่งผลต่อการให้บริการผู้โดยสารและเที่ยวบิน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ทสภ. ได้ปฏิบัติหน้าที่เข้าระงับเหตุได้อย่างทันท่วงทีและเป็นไปตามขั้นตอน ทั้งนี้ เนื่องจากผู้ก่อเหตุมีอาวุธจึงทำให้ผู้ก่อเหตุและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย และได้รับการรักษาพยาบาลเบื้องต้น ขณะที่ผู้ก่อเหตุได้ถูกควบคุมตัวโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว ทั้งนี้ ผู้ก่อเหตุนอกจากจะถูกดำเนินคดีในข้อหาบุกรุกเข้าไปในเขตพื้นที่หวงห้ามภายในท่าอากาศยานแล้ว จะต้องถูกดำเนินคดีจากข้อหากระทำความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดบางประการต่อการเดินอากาศ พ.ศ. 2558 ตามมาตรา 19 ด้วยข้อหาใช้อาวุธหรือวัสดุอื่นใดกระทำการอันอาจเป็นอันตรายหรือน่าจะเป็นอันตรายต่อความปลอดภัยของท่าอากาศยาน ซึ่งมีระวางโทษหนักอาจถึงประหารชีวิตหรือจำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่สิบห้าปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่หกแสนบาทถึงแปดแสนบาท นอกจากนี้ยังมีความผิดในการทำลายทรัพย์สินของท่าอากาศยานจนได้รับความเสียหาย รวมทั้งมีความผิดเนื่องจากเสพและมียาเสพติดไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมายอีกด้วย ซึ่งจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ส่งผลให้มีทรัพย์สินส่วนหนึ่งของ ทสภ. ได้รับความเสียหาย โดยตรวจพบประตูกระจกตรงซ่องทางเข้าอาคารเทียบเครื่องบิน แตกเสียหายจำนวน 2 บาน เนื่องจากผู้บุกรุกได้ใช้อาวุธทุบประตูกระจกเพื่อพยายามหลบหนีเข้าไปในอาคารแต่ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสกัดจับได้เสียก่อน
ทสภ.ปฏิบัติตามขั้นตอนด้านการรักษาความปลอดภัยโดยคำนึงถึงความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ และผู้โดยสารเป็นสำคัญตั้งแต่วินาทีแรกที่ผู้บุกรุกเข้าเขตสนามบิน อยู่ในสายตาเจ้าหน้าที่ ทำให้ใช้เวลาไม่นานก็สามารถจับกุมได้
พ.ต.อ. จิรวัฒน์ เปี่ยมปิ่นเศรษ ผกก.สภ.สุวรรณภูมิ เผยว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหา พบว่ามีอาการมึนเมาสารเสพติด โดยตำรวจแจ้ง 7 ข้อหา ประกอบด้วย ใช้อาวุธหรือวัตถุอื่นใดทำลาย ท่าอากาศยาน, ข้อหาบุกรุกเข้าไปในเขตพื้นที่หวงห้ามภายในท่าอากาศยาน, ทำให้เสียทรัพย์ ทำลายทรัพย์สินท่าอากาศยานเสียหาย, พกพาอาวุธขวานไปในเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาต, มียาเสพติด, เสพยาเสพติดให้โทษและทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัวหรือความตกใจ เตรียมคุมตัวส่งฝากขังศาลจังหวัดสมุทรปราการ
ผู้บุกรุกเสพยาบ้า 8 เม็ด ก่อนบุกสุวรรณภูมิ
นายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เผยหลังควบคุมสถานการณ์ได้เข้าสอบสวนผู้บุกรุกด้วยตนเอง เบื้องต้นผู้บุกรุกพูดจาวกวน ไม่รู้เรื่อง จากอาการมึนเมา กระทั่งผู้บุกรุกเริ่มมีสติ จึงสอบถามทราบว่า ก่อนก่อเหตุ ซื้อยาบ้ามาจากเพื่อน เสพเข้าไปเม็ดแรก รู้สึกคล้ายว่าเป็นยาบ้าปลอม รู้สึกโกรธและโมโห จึงเสพยาบ้าเข้าไปอีก 8 เม็ดในคราวเดียว จึงทำให้มีอาการหลอน หูแว่ว เหมือนจะมีคนมาทำร้าย จึงพกขวานและปืนปลอมไว้ป้องกันตัวและรถมอเตอร์ไซค์ไปเรื่อยๆ ไม่ได้ตั้งใจจะมาก่อเหตุความวุ่นวายที่สนามบิน.-สำนักข่าวไทย