ดิลี 21 เม.ย.- นายจูเซ มานูเอล รามุส-ออร์ตา ประธานาธิบดีคนที่ 2 ของสาธารณรัฐประชาธิปไตยติมอร์-เลสเต ประกาศชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนที่ 5 ของประเทศว่า จะเดินหน้าส่งเสริมการเจรจาและเอกภาพ และหวังว่าจะได้เป็นสมาชิกอาเซียนในเร็วๆ นี้
นายรามุส-ออร์ตาวัย 72 ปี คว้ารางวัลโนเบลสาขาสันติภาพร่วมกับบิชอปชิเมนีส เบโลในปี 2539 จากความพยายามปกป้องชาวติมอร์ที่ถูกกดขี่จนนำมาซึ่งการได้รับเอกราชจากอินโดนีเซีย เขาเคยชนะเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีในปี 2550-2555 คณะกรรมการการเลือกตั้งแจ้งผลการนับคะแนนเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อวันอังคารที่ครบถ้วนแล้วในวันนี้ว่า เขาชนะเด็ดขาดด้วยคะแนนร้อยละ 62 ทิ้งขาดนายฟรันซิสโก กูแตร์เรส ประธานาธิบดีคนปัจจุบันที่ได้เพียงร้อยละ 37
นายรามุส-ออร์ตาให้สัมภาษณ์สื่อที่กรุงดิลีว่า ได้รับอาณัติจากประชาชนที่แสดงออกถึงความมุ่งมั่นอย่างล้นหลามต่อระบอบประชาธิปไตย เขาจะเดินหน้าเยียวยาความแตกแยกในประเทศ จะทำทุกอย่างที่เคยทำมาทั้งชีวิตเรื่องการเจรจาอย่างอดทนและไม่หยุดหย่อนเพื่อหาทางออกร่วมกันในการรับมือกับความท้าทายของประเทศ ว่าที่ผู้นำคนใหม่คาดหวังด้วยว่า ติมอร์-เลสเตซึ่งปัจจุบันมีสถานภาพเป็นประเทศผู้สังเกตุการณ์ของสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียน จะได้เป็นสมาชิกประเทศที่ 11 ภายในปีนีหรือปีหน้าเป็นอย่างช้าที่สุด เขาจะรับตำแหน่งในวันที่ 20 พฤษภาคม ตรงกับวันครบรอบ 20 ปีที่ได้รับเอกราชจากอินโดนีเซียในปี 2545
ติมอร์-เลสเตมีประชากร 1 ล้าน 3 แสนคน ส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก เป็นอาณานิคมของโปรตุเกสตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 16 ก่อนประกาศเอกราชในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2518 และถูกกองทัพอินโดนีเซียเข้ายึดครองในอีก 9 วันต่อมา และผนวกเป็นจังหวัดที่ 27 ในปีถัดมา จนกระทั่งได้รับเอกราชในปี 2545 อย่างไรก็ดี จนถึงขณะนี้การเมืองยังคงไร้เสถียรภาพ และเศรษฐกิจยังคงไม่มั่นคง.-สำนักข่าวไทย