เมลเบิร์น 21 มี.ค.-ทะเลนอกชายฝั่งออสเตรเลียจะเผชิญกับคลื่นความร้อนทางทะเลบ่อยครั้งและรุนแรงมากขึ้น ซึ่งเป็นภัยคุกคามกับพื้นที่แนวปะการังขนาดใหญ่ เกรต แบร์ริเออร์ รีฟ (Great Barrier Reef) ของออสเตรเลีย ในขณะที่คณะเจ้าหน้าที่ขององค์การสหประชาชาติเริ่มการลงพื้นที่เพื่อประเมินว่ามรดกโลกแห่งนี้ควรจะถูกขึ้นบัญชีว่าอยู่ในสถานะ “อันตราย” หรือไม่
ไคลเมท เคานซิล (Climate Council) องค์กรด้านสิ่งแวดล้อมของออสเตรเลีย กล่าวในรายงานว่า ปะการังตกอยู่ในความเสี่ยงที่จะเกิดการฟอกขาวครั้งใหญ่อีกครั้ง หลังจากเกิดปรากฎการณ์ลักษณะนี้มาแล้ว 3 ครั้งในช่วงเวลา 6 ปีที่ผ่านมา ในขณะที่อุณหภูมิผิวน้ำนอกชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของออสเตรเลียปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 2-4 องศาเซลเซียสจากระดับอุณหภูมิเฉลี่ย เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว สำนักงานอุทยานทางทะเลเกรต แบร์ริเออร์ รีฟ ของรัฐบาลออสเตรเลีย กล่าวว่า พื้นที่ส่วนใหญ่ของอุทยานทางทะเลนอกชายฝั่งรัฐควีนส์แลนด์ เกิดสภาวะความเครียดจากความร้อนอย่างมีนัยสำคัญซึ่งเป็นผลมาจากฤดูร้อน คลื่นความร้อนทางทะเลมีผลกระทบต่อการประมง ทำลายสัตว์สายพันธุ์ต่าง ๆ และกระทบกับการท่องเที่ยว ไคลเมท เคานซิล กล่าวว่า หากการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศยังไม่บรรเทาลง ปะการังจะเกิดการฟอกขาวทุก ๆ ปี ตั้งแต่ปี 2044 เป็นต้นไป
รายงานของไคลเมท เคานซิล เผยแพร่ออกมาในวันเดียวกับที่ผู้เชี่ยวชาญชององค์การเพี่อการศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติหรือ ยูเนสโก จะเริ่มการเยือนออสเตรเลียเป็นเวลา 10 วัน เพื่อพบกับนักวิทยาศาสตร์ หน่วยงานกำกับดูแล ผู้วางนโยบาย และชุมชนท้องถิ่นและผู้นำชนพื้นเมืองเพื่อประเมินแผนการที่เรียกว่า “รีฟ 2050 แพลน” ของรัฐบาลออสเตรเลีย เป้าหมายชองผู้เชี่ยวชาญชุดนี้คือประเมินว่า แผนดังกล่าวแก้ปัญหาภัยคุกคามชองเกรต แบริเออร์ รีฟ ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และปัจจัยอื่น ๆ หรือไม่ คาดว่ารายงานของผู้เชี่ยวชาญจะเสร็จสิ้นในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม ซึ่งจะส่งต่อให้คณะกรรมการมรดกโลกพิจารณา ซึ่งจะประชุมกันในปลายเดือนมิถุนายน เพื่อดูว่า เกรต แบริเออร์ รีฟ ควรจะถูกขึ้นบัญชีเป็นมรดกโลกที่มีสถานะอันตรายหรือไม่.-สำนักข่าวไทย