ลวิฟ 12 มี.ค.- ฝูงบินรบและกองปืนใหญ่รัสเซียขยายวงโจมตียูเครนเมื่อวันศุกร์ ด้วยการถล่มท่าอากาศยานทางฝั่งตะวันตก และศูนย์กลางอุตสาหกรรมทางฝั่งตะวันออก
รัสเซียแจ้งว่า ได้ใช้อาวุธพิสัยยิงไกลความแม่นยำสูงถล่มท่าอากาศยานในเมืองลุตสก์และเมืองอิวาโน-ฟรานคิฟสก์ ทางตะวันตกของยูเครนเพื่อให้ใช้การไม่ได้ ขณะที่ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศได้มุ่งเป้าหมายที่เมืองดนีโปร เมืองใหญ่อันดับ 4 ของยูเครนที่เป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมทางตะวันออกเป็นครั้งแรก ทำให้อาคารไฟไหม้และพังราบ ส่วนเมืองคาร์คิฟ เมืองใหญ่อันดับ 2 ทางตะวันออกของยูเครน ยังคงถูกถล่มอย่างต่อเนื่อง อาคารที่พักอาศัยราว 400 แห่งไม่มีไฟฟ้าใช้ ท่ามกลางอากาศหนาวจัดติดลบ 13 องศาเซลเซียส ทางการขอให้ประชาชนลงไปหลบภัยตามสถานีรถไฟใต้ดินหรือที่หลบภัยใต้ดิน
หน่วยข่าวกรองสหรัฐประเมินปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของรัสเซียว่า นักบินรัสเซียโจมตีเหนือน่านฟ้ายูเครนเฉลี่ยวันละ 200 เที่ยว เทียบกับนักบินยูเครนที่ใช้ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศเพียงวันละ 5-10 เที่ยว เพราะเน้นใช้ขีปนาวุธจากพื้นสู่อากาศ เครื่องยิงจรวดหรืออาร์พีจี และโดรนเพื่อสอยเครื่องบินรัสเซีย ภาพถ่ายดาวเทียมเชิงพาณิชย์ชุดใหม่จับภาพกองปืนใหญ่รัสเซียกำลังระดมยิงใส่ย่านที่พักอาศัย ทางตะวันออกของกรุงเคียฟ ด้านปฏิบัติการภาคพื้นดินนั้น กระทรวงกลาโหมของอังกฤษระบุว่า กองกำลังรัสเซียกำลังหาทางรวมกลุ่มและปรับกระบวนทัพเพื่อยึดกรุงเคียฟ หลังจากสูญเสียอย่างหนักเพราะถูกกองกำลังยูเครนต้านทานเกินคาดคิดตลอด 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา
ประธานาธิบดีวลาดิมียร์ ปูตินของรัสเซียกล่าวในขณะที่การสู้รบเข้าสู่วันที่ 16 ว่า การเจรจามีความคืบหน้าบางอย่าง แต่ไม่ระบุในรายละเอียด ขณะที่ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกีของยูเครนอ้างว่า กองกำลังยูเครนมาถึงจุดเปลี่ยนทางยุทธศาสตร์แล้ว เขาบอกไม่ได้ว่าต้องใช้เวลาอีกกี่วันจึงจะปลดปล่อยประเทศได้ แต่บอกได้ว่าจะทำให้ได้ ทางการกำลังสร้างเส้นทางด้านมนุษยธรรม 12 เส้นทางและพยายามจัดส่งอาหาร ยา และสิ่งจำเป็นพื้นฐานให้แก่ประชาชนทั่วประเทศอย่างทั่วถึง สหประชาชาติระบุว่า นับตั้งแต่รัสเซียเริ่มรุกรานยูเครนในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ มีคนอพยพออกจากยูเครนแล้วราว 2 ล้าน 5 แสนคน.-สำนักข่าวไทย